สามแต้มประวัติศาสตร์! “ฟินแลนด์” เฉือนเอาชนะ “เดนมาร์ก” ไปได้แบบหักปากกาเซียน 1-0

เกมการแข่งขัน ระหว่าง ทีมชาติ เดนมาร์ก กับ ทีมชาติ ฟินแลนด์ ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 รอบแบ่งกลุ่ม นักแรกของ กรุ๊ป บี โดยเล่นกันที่สนาม ปาร์เค่น สเตเดี้ยม, ประเทศเดนมาร์ก ในคืนวันเสาร์ที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา

เกมนี้ ทีมชาติ เดนมาร์ก ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ แคสเปอร์ ฮูลมานด์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก มิดฟิลด์ห้องเครื่องจากท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ คริสเตียน อีริคเซ่น เพลย์เมกเกอร์ตัวปั้นเกมจากอินเตอร์ มิลาน และ มาร์ติน เบรธเวท กองหน้าตัวจบสกอร์จากบาร์เซโลน่า

ขณะที่ทางฝั่งทีมชาติ ฟินแลนด์ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ มาร์คคู คาร์เนอว่า มาเล่นในระบบ 4-4-2 นำทีมโดย เกล็น กามาร่า กองกลางจอมขยัน เยเร่ ยูโรเน่น ปีกความเร็วสูง และ ตีมู ปุ๊กกี้ กองหน้าตัวความหวังของทีม

นาที 6 

เปิดฉากเริ่มเกมมาได้แปปเดียว ก็เป็นทีมโคนม ทีมชาติ เดนมาร์ก ที่ได้ทีกทายก่อน เป็นจังหวะ คริสเตียน อีริคเซ่น ถ่างออกมารับบอลที่ริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโค้งไปที่หน้าประตู แล้วเป็น ลูคัส ราเด็คกี้ ผู้รักษาประตูฟินแลนด์ ออกมาตัดบอลไม่ดี บอลลอยเลยไปเข้าทาง มาร์ติน เบรธเวท ได้ม้วนตัวซัดเร็ว แต่บอลเบาและตรงตัว นายทวารฟินแลนด์ ตามมาแก้ตัว รับไว้ได้สบาย

นาที 7

เดนมาร์ก ได้บุกต่อเนื่อง จังหวะนี้ ขึงเกมบุกกันขึ้นมาตรงกลาง คริสเตียน อีริคเซ่น ปล่อยบอลมาที่หน้าหัวกระโหลกให้ โยนาส โอลเดอร์ วินด์ ได้ลองสับไกด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ บอลพุ่งแรงทิศทางเข้ากรอบ แต่บอลยังไม่มีมุมพอ ลูคัส ราเด็คกี้ ผู้รักษาประตูฟินแลนด์ พุ่งไปปัดไว้ได้ทัน

นาที 15

เดนมาร์ก ลุยหนัก บุกมาอีกระลอก และเกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะจังหวะที่ โธมัส เดลานี่ย์ ได้บอลหลุดมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะครอสบอลโด่งเข้าไปตรงกลางเขตโทษให้ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ที่วิ่งสอดขึ้นมาระหว่างกลางแนวรับฟินแลนด์ ได้โขกเหน่ง ๆ บอลกำลังเสียบตาข่ายอยู่แล้ว แต่ ลูคัส ราเด็คกี้ ผู้รักษาประตูฟินแลนด์ บังโชว์ความเหนียว พุ่งไปปัดปลายมือ ข้ามคานออกหลังไปได้ทัน หวุดหวิด

นาที 17

เดนมาร์ก รุกใส่ฟินแลนด์อย่างหนัก ไม่มีผ่อน จังหวะนี้ มาร์ติน เบรธเวท สปีดไปเก็บบอล หลุดขึ้นมาทางขวาของกรอบเขตโทษ ก่อนจะดึงจังหวะรอเพื่อน แล้วไหลย้อนคืนกลับหลังมาที่หน้าเขตโทษตั้งให้ คริสเตียน อีริคเซ่น ได้ปรี่เข้าไปบรรจงซัดไกลด้วยขวาเน้น ๆ ไม่จับ ระยะ ประมาณ 22 หลา บอลพุ่งแรงและติดส่ายไปที่เสาไกลซ้ายมือ แต่ ลูคัส ราเด็คกี้ ผู้รักษาประตูฟินแลนด์ ก็ยังยืนตำแหน่งได้ดี ผวาพุ่งไปทิ้งตัวปัดทิ้งไปได้อีกหน

นาที 22

เดนมาร์ก ได้เตะมุมทางฝั่งขวา คริสเตียน อีริคเซ่น เปิดบอลโด่ง โค้งลึกไปที่เสาไกล แล้วเป็น โธมัส เดลานี่ย์ ได้จับบอลลง แล้วซัดเร็วด้วยซ้ายเต็ม ๆ  แต่บอลเหินข้ามคานออกไป อย่างน่าเสียดาย

นาที 26

เดนมาร์ก ขึงเกมรุก บุกขึ้นมาตรงกลาง จังหวะนี้ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก จ่ายทะลุตามช่องให้ มาร์ติน เบรธเวท ได้หลุดเข้าในเขตโทษฝั่งซ้าย แต่เจ้าตัวโดนแนวรับฟินแลนด์วิ่งเข้ามาบีบ เลยตัดสินใจนับยิงเร็วด้วยซ้าย ยัดมุมแคบไปที่เสาแรกทันที แต่บอลก็เฉียดเสาออกหลังไปเอง อย่างน่าเสียดาย

นาที 30

เดนมาร์ก ได้ฟรีคิกตรงกลางสนาม โยอาคิม เมห์เล่ โยนบอลโด่งเข้าไปที่หน้าประตูหน้าในเขต 6 หลา แล้วเป็น ยุสซุฟ โพลเซ่น พยายามโถมโหม่งเข้าหาบอล กำลังจะได้โขกเหน่ง ๆ อยู่แล้ว แต่เป็น ลูคัส ราเด็คกี้ ผู้รักษาประตูฟินแลนด์ ที่ออกมาตัดบอลไว้ได้ทัน ก่อนที่เจ้าตัวจะชนกับเพื่อนร่วมทีม นอนเจ็บไปหลายนาที เกมต้องหยุด เพื่อปฐมพยาบาล

นาที 40

เดนมาร์ก ครองบอลคุมสถานการณ์ไว้ได้หมด จังหวะนี้ โยนาส โอลเดอร์ วินด์ ไหลบอลมาที่หน้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายให้ มาร์ติน เบรธเวท ได้แต่งบอลหาช่อง แล้วลองปั่นด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ แต่บอลโค้งไม่พอ เฉียดเสาไกลขวามือ ออกหลังไปนิดเดียว

นาที 41

เดนมาร์ก หาโอกาสจบสกอร์ได้อีกครั้ง เป็นจังหวะ โยอาคิม เมห์เล่ เติมเกมสูง หลุดขึ้นมาทางกราบซ้าย สุดท้ายโดนขวาง จึงจ่ายย้อนหลังสั้น ๆ มาให้ โธมัส เดลานี่ย์ ได้ตั้งป้อมบรรจงครอสบอลโด่ง พุ่งโค้งไปที่เสาไกลขวามือให้ ดาเนี่ยล วาส ที่เติมสูงหุบเข้าใน ได้โหม่งเต็ม ๆ แต่เจ้าตัวโดนเบียดกลางอากาศ ทำให้บอลเบา ลูคัส ราเด็คกี้ ผู้รักษาประตูฟินแลนด์ เลยรับไว้ได้สบาย

นาที 43 เกมหยุด!!!

เกมการแข่งขันต้องหยุดไปชั่วขณะ เมื่อ คริสเตียน อีริคเซ่น เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของทีมชาติเดนมาร์ก จู่ ๆ ก็ล้มฟุบลงไปดื้อ ๆ ทีมแพทย์ข้างสนาม ต้องรีบวิ่งเข้ามาช่วยทำการปฐมพยายามเบื้องต้น และทำการ CPR ปั๊มหัวใจช่วยชีวิต ให้กลับมีสติอีกครั้ง โดยมีเพื่อนร่วมทีมคอยช่วยยืนบังกันเต็มพื้นที่ ก่อนจะ อีริคเซ่น จะถูกนำขึ้นเปล ออกจากสนามไปอย่างเร่งด่วน เกมทำท่าเหมือนจะเลื่อนออกไป แต่สุดท้ายได้รับแจ้งว่า นักเตะพ้นขีดอันตรายแล้ว ทั้งสองทีมจึงตัดสินใจ กลับมาแข่งต่อในครึ่งหลัง

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทีมชาติ เดนมาร์ก ที่ครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เป็นฝ่ายปูพรมเดินเกมรุก บุกใส่ทีมชาติ ฟินแลนด์ อยู่ฝั่งเดียว แต่สุดท้ายก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอกันอยู่ที่ 0-0 !!!

นาที 53

กลับมาแข่งต่อในครึ่งหลัง ยังเป็นทีมชาติ เดนมาร์ก ที่เดินหน้าบุกใส่ทีมชาติ ฟินแลนด์ เหมือนเดิม จังหวะนี้ ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก หลุดขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ก่อนจะไหลเข้ากลางมาที่หน้าหัวกระโหลกให้ มาธิอัส เยนเซ่น ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ได้ลองส่องไกลด้วยขวานอกกรอบ แต่บอลก็เหินข้ามคานออกไปไกล

นาที 59

เดนมาร์ก บุกหนัก แต่ยังเจาะแนวรับฟินแลนด์ไม่เข้าสักที จังหวะนี้ มาร์ติน เบรธเวท ปาดจากขวาเข้าเขตโทษ แล้วโดนแนวรับฟินแลนด์ สกัดทิ้งออกมาหน้าเขตโทษเข้าทาง โธมัส เดลานี่ย์ ขอลองซัดไกลด้วยขวาเต็มข้อนอกกรอบ สุดท้ายก็จบด้วยการที่ บอลพุ่งเหินข้ามคานออกไปไกล แบบไม่ได้ลุ้น อีกครั้งหนึ่ง

นาที 60 GOAL!!!

ทำไปทำมา กลายเป็น ทีมชาติ ฟินแลนด์ ที่มาได้ประตูออกนำเป็น 1-0 !!! เป็นจังหวะสวยกลับเร็วขึ้นมาทางซ้าย เยเร่ ยูโรเน่น หลุดขึ้นมาได้สวย ก่อนจะตั้งป้อมบรรจงครอสบอลเข้าไปตรงกลางเขตโทษ แล้วเป็น โยเอล โปห์ยานปาโล วิ่งโฉบตัดหน้าแนวรับเดนมาร์ก กระโดดมาโถมโหม่งกดลงพื้นเต็ม ๆ  บอลโดนมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูเดนมาร์ก ปัดได้นิดนึง แต่บอลแรง เอาไม่อยู่ ปลิ้นเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม แถมเป็นประตูแรกในประวัติศาสตร์ของทีมอีกด้วย

นาที 73 จุดโทษ !!!

เดนมาร์ก พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ เปาลุส อารายูรี่ กองหลังฟินแลนด์ไปสกัดทำฟาล์วใส่ ยุสซุฟ โพลเซ่น จนล้มลงไปนอนกองในเขตโทษ แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ผู้ตัดสินในเกมนี้ วิ่งมาเป่าชี้ให้เป็นจุดโทษของเดนมาร์กทันที แต่ทว่า ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก มือยิงจุดโทษของทีม ยิงไปถูก ลูคัส ราเด็คกี้ ผู้รักษาประตูฟินแลนด์ โชว์ซุปเปอร์เซฟ เดาทางถูกพุ่งไปรับไว้ได้ทันเฉียดฉิว น่าเสียดายสุด ๆ

นาที 81

โคนม ทีมชาติ เดนมาร์ก เกือบได้ประตูตีเสมอ 

เป็นจังหวะ ยานนิค เวสเตอร์การ์ด วิ่งสอดขึ้นสูงเติมเกมรุกขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ก่อนจะปาดเลียดเข้าไปที่กลางประตู บอลกำลังจะถึง ยุสซุฟ โพลเซ่น ได้โฉบเข้ามาชาร์จจ่อ ๆ อยู่แล้ว แต่กองหลังฟินแลนด์ ตามลงมาเคลียร์ทิ้งไว้ได้ทันหวุดหวิด

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมชาติ ฟินแลนด์ ที่เฉือนเอาชนะทีมชาติ เดนมาร์ก ไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 !!! คว้าสามคะแนนสุดล้ำค่าประวัติศาสตร์ชาติฟินแลนด์ เขยิบขึ้นมารั้งอันดับที่ 2 ของตารางคะแนน โดยจะมีคิงดวลกับทีมชาติ รัสเซีย ในวันที่ 16 มิถุนายน ส่วนทางด้าน เดนมาร์ก จะพบกับทีมชาติ เบลเยี่ยม ในวันที่ 17 มิถุนายน ที่จะถึงนี้