บาม์การ์ทเนอร์ซัดโทน! ช่วยให้ “ออสเตรีย” เฉือนเอาชนะ “ยูเครน” ไป 1-0

เกมการแข่งขัน ระหว่าง ทีมชาติ ยูเครน กับ ทีมชาติ ออสเตรีย ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้ายของ กลุ่ม ซี โดยเล่นกันที่สนาม อารีน่า นาติโอนาล่า, เมืองบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ในค่ำคืนวันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ ทีมชาติ ยูเครน ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ อังเดร เชฟเชนโก้ มาเล่นในระบบ 4-1-4-1 นำทีมโดย อังเดร ยาร์โมเลนโก้ ปีกตัวทำเกมจากเวสต์แฮม ยูไนเต็ด โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ กองหลังสารพัดประโยชน์จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ รุสลัน มาลินอฟสกี้ กองกลางห้องเครื่องตัวเก่งจากอตาลันต้า

ขณะที่ทางฝั่ง ทีมชาติ ออสเตรีย ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ฟรังโก้ โฟด้า มาเล่นในระบบ 3-4-1-2 นำทีมโดย ดาวิด อลาบา กองหลังสารพัดประโยชน์จากเรอัล มาดริด มาร์เซล ซาบิตเซอร์ เพลย์เมกเกอร์ตัวทำเกมจากแอร์เบ ไลป์ซิก และ มาร์โก อาร์เนาโตวิช ศูนย์หน้าตัวจบสกอร์จากเซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี

นาที 2

เปิดฉากมา เป็นทีมชาติ ออสเตรีย ที่ได้ทักทายก่อน เป็นจังหวะ ซาเวอร์ ชลาเกอร์ เลี้ยงแหวกผู้เล่นยูเครน หลุดขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนจะแทงบอลเข้าเขตโทษให้ คอนราด ไลเมอร์ ได้หลุดไปถึงหน้าเสาขวามือ กำลังจะได้ซัด แต่เจ้าตัวดันแตะบอลห่างตัวโดน โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ตามลงมาเคลียร์ทิ้งไว้ได้ทันหวุดหวิด

นาที 4

ยูเครน ได้ทักทายคืนบ้าง เป็นจังหวะ ขึ้นเกมมาทางขวา แล้วเป็น ดาวิด อลาบา ที่ประมาท ปล่อยบอลหลุดมาถึง อังเดร ยาร์โมเลนโก้ ได้เปิดบอลที่สุดเส้นหลัง บอลลอยโด่งไปที่เสาไกลแบบน่ากลัว แล้วเป็น ดาเนี่ยล บัคมันน์ ผู้รักษาประตูออสเตรีย ปัดทิ้งออกหลังไปก่อนเพื่อความปลอดภัย

นาที 10

ช่วงแรกของเกม เป็นทางฝั่งทีมชาติ ออสเตรีย ที่ทำได้ดีกว่า เปิดเกมรุกเข้าใส่ทีมชาติ ยูเครน ดูเหนือกว่าพอสมควร จังหวะนี้ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ได้ลองซัดไกลด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงติดบล็อกกองหลังยูเครน กระดอนออกหลังไป ได้เป็นเตะมุม

นาที 11

จังหวะต่อเนื่อง ออสเตรีย ได้เตะมุมทางฝั่งขวา มาร์เซบ ซาบิตเซอร์ เปิดบอลโด่งมาที่หน้าประตู แล้วเป็น ฟลอเรียน กริลลิตซ์ โฉบหนีแนวรับยูเครน สอดมาโขกเน้น ๆ เหินข้ามคานออกไป อย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 21 GOAL!!!

ออสเตรีย มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 !!! เป็นจังหวะ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย ดาวิด อลาบา เปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้ามาในเขตโทษ อิลิย่า ซาบาร์นยี่ ประกบพลาดปล่อยให้ คริสตอฟ เบาม์การ์ทเนอร์ สลัดหนี โฉบมาเอาเท้าถีบบอลผ่านมือ จอร์จี้ บุชชาน ผู้รักษาประตูยูเครน เข้าประตูไป ตุงตาข่าย ไม่เหลือซาก

นาที 28

ยูเครน เกือบได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ มีโคล่า ชาปาเรนโก้ เก็บบอลได้ในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะโยกหนี คอนราด ไลเนอร์ ตัดเข้าในมาปั่นด้วยขวาเน้น ๆ บอลพุ่งแรงโค้งสวยกำลังจะเข้าประตูที่เสาไกลอยู่แล้ว แต่เป็น ดาเนี่ยล บัคมันน์ ผู้รักษาประตูออสเตรีย โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาไปปัดไว้ได้ทันหวุดหวิด

นาที 33

ออสเตรีย ต้องเสียโควต้าเปลี่ยนตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อ คริสตอฟ เบาม์การ์ทเนอร์ คนยิงประตูขึ้นนำ มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ฟรังโก้ โฟด้า กุนซือของทีม จึงต้องแก้ไข ด้วยการส่ง อเลสซานโดร ช็อปฟ์ กองกลางจากชาลเก้ 04 ลงสนามมาเล่นแทน

นาที 37

ทีมชาติ ออสเตรีย ทำเกมเกมดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด จังหวะนี้ คอนราด ไลเมอร์ เก็บบอลได้ในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะลากตัดเข้าในมาซัดด้วยขวาเน้น ๆ เกือบเสียบเสาไกลขวามืออยู่เหมือนกัน แต่ จอร์จี้ บุชชาน ผู้รักษาประตูยูเครน ยังพุ่งไปปัดทิ้งไว้ได้ทันเฉียดฉิว ได้เป็นเตะมุม

นาที 42

ออสเตรีย พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ ตัดบอลได้แล้วโต้กลับเร็ว อเลสซานโดร ช็อปฟ์ หลุดทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจะครอสเลียดถวายพานเขามาในเขตโทษให้ มาร์โก อาร์เนาโตวิช สอดมาแปเน้น ๆ หน้ากรอบ 6 หลา ทว่าดันผิดเหลี่ยม บอลหลุดกรอบออกหลังไป อย่างไม่น่าเชื่อ

นาที 45+2

ท้ายครึ่งแรก ออสเตรีย ที่วันนี้ต้องการชัยชนะสถานเดียว ยังคงบุกได้ลุ้นอยู่อีกหลายหน แต่ก็ยิงทิ้งยิงขว้างกันเอง โดยถ้าจบด้วยสกอร์นี้ จะเป็นทาง ออสเตรีย ที่เข้ารอบในฐานะที่ 2 ของกลุ่ม ส่วน ยูเครน จะร่วงมาอยู่ที่ 3 ต้องไปลุ้นเข้ารอบด้วยการจบเป็นอันดับที่ 3 ที่ทำผลงานได้ดีที่สุด

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทีมชาติ ออสเตรีย ที่ครองบอลได้เยอะกว่า และรูปเกมก็เหนือกว่าทีมชาติ ยูเครน อย่างเห็นได้ชัด เกือบที่จะได้ประตูหนีห่างอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังทำได้ไม่สำเร็จ สุดท้ายสกอร์ยังอยู่ที่ ยูเครน 0 ออสเตรีย 1 !!!

นาที 46

เปิดฉากครึ่งหลังมา เป็นทางฝั่ง อังเดร เชฟเชนโก้ กุนซือยูเครน ที่เริ่มขยับก่อน ด้วยการแก้เกม โดยการถอดเอา รุสลัน มาลินอฟสกี้ ที่วันนี้โชว์ฟอร์มไม่ออก ไปพักที่ข้างสนาม แล้วส่งเป็น วิคเตอร์ ทซีกานคอฟ ปีกดาวรุ่งตัวจี๊ดจากดินาโม เคียฟ ลงสนามมาปั้นเกมทางริมเส้นแทน

นาที 60

เกมผ่านมาได้หนึ่งชั่วโมง ทั้งสองทีมเปิดเกมรุกแลกกันอย่างสนุก แต่จังหวะส่วนใหญ่ของเกมจะอยู่กันตรงกลางสนาม ยูเครน พยายามเดินเกมรุกเข้ากดดันอย่างหนัก หวังตีเสมอให้ได้ ขณะที่ทาง ออสเตรีย ก็ยังคงเหนียวแน่น แถมมีจังหวะสวนกลับมาได้ลุ้นอยู่เรื่อย ๆ เหมือนกัน ถือว่าโอกาสยังเปิดกว้างสำหรับทั้งคู่

นาที 62

ยูเครน เกือบได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ ได้ฟรีคิกทางฝั่งซ้าย โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ เปิดบอลโค้งเข้ามาในเขตโทษ บอลพุ่งไปตกใส่หัวของ สเตฟาน ไลเนอร์ โหม่งสกัดผิดเหลี่ยม เปลี่ยนทางเกือบจะเข้าประตูตัวเอง ยังดีที่ ดาเนี่ยล บัคมันน์ ผู้รักษาประตูออสเตรีย ยังยืนตำแหน่งได้ดี ผวา ปัดทิ้งออกไปได้ทันหวุดหวิด

นาที 70

เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย ทีมชาติ ยูเครน ไม่มีทางเลือก เปิดตำรารุกบุกเข้าใส่ทีมชาติ ออสเตรีย แบบหมดหน้าตัก แต่ก็ยังไม่สามารถ เจาะแนวรับออสเตรีย เข้าไปทำอันตรายในพื้นที่สุดท้ายได้เลย ดูเหมือนสถานการณ์จะเข้าทางออสเตรีย สวนทางกับยูเครน ที่เหมือนยิ่งเล่นยิ่งกดดัน

นาที 85

เข้าสู่ช่วงท้ายเกม สถานการณ์ของยูเครน ยังแก้ไม่ตก รูปเกมเหมือนเดิมเป๊ะ แทบไม่มีโอกาสได้ลุ้นเจาะแนวรับออสเตรีย เข้าไปทำประตูตีเสมอได้เลย ส่วนหนึ่งต้องชมเกมรับของทางฝั่งออสเตรีย ที่วันนี้ เปิดตำราเกมรับ ทำหน้าที่กันได้ดีเหลือเกิน

นาที 87

ยูเครน พยายามจะเจาะแนวรับออสเตรียให้ได้ จังหวะนี้ โรมัน ยาเรมชุค อาศัยความสามารถเฉพาะตัว พาบอลเข้าเขตโทษ แล้วกระชากหนี มาร์ติน ฮินเตอร์เร็กเกอร์ ได้หลุดเข้าไปได้ยิงมุมแคบที่เสาแรกขวามือ บอลพุ่งแรงกระดอนพื้นผ่านมือ ดาเนี่ยล บัคมันน์ ผู้รักษาประตูออสเตรีย ไปได้แล้ว แต่ก็ยังเฉียดโคนเสาไดลซ้ายมือ ออกหลังไปอย่างน่าเสียดายสุด ๆ

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมชาติ ออสเตรีย เฉือนเอาชนะทีมชาติ ยูเครน ได้สำเร็จด้วยสกอร์ 1-0 !!! คว้าสามคะแนนสุดล้ำค่า เขยิบขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 ของกลุ่ม ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ส่วนทางด้าน ยูเครน ก็ร่วงลงมาอยู่อันดับที่ 3 แทน แต่ยังมีลุ้นเข้ารอบในฐานะทีมอันดับที่ 3 ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดอยู่ โดยจะรอดูผลของกลุ่มอื่น ๆ ต่อไป