เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพอัศวินส้ม ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เปิดสนาม เดอ คุปส์, เฟเยนูร์ด ร็อตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ต้อนรับการมาเยือนของ ทีมชาติยิบรอลตาร์ ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม จี นัดที่ 8 เมื่อค่ำคืนวันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย เฟร้งกี้ เดอ ยอง มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกม สตีเว่นส์ เบิร์กฮอยส์ ตัวทำเกมริมเส้น และ เมมฟิส เดอปาย ศูนย์หน้าตัวเก่งของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ยิบรอลตาร์ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ฮูลิโอ ริบาส มาเล่นในระบบ 4-3-3 เช่นกัน นำทีมโดย หลุยส์ อันเนสลี่ย์ กองกลางห้องเครื่อง เลียม วอล์คเกอร์ มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกม และ รีซ สไตช์ กองหน้าตัวเป้าของทีม
นาที 9 GOAL!!!
เจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ มาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วเป็น 1-0 !!! เป็นจังหวะได้เตะมุมทางฝั่งซ้าย เมมฟิส เดอปาย บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยมาที่หน้าเสาแรก แล้วเป็น เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค โฉบตัดหน้าตัวประกบ สอดมาเทคตัวโหม่งสะบัดเน้น ๆ คนเดียว ส่งบอลเสียบใต้คานเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 15
เจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ เมมฟิส เดอปาย ครองบอลอยู่ที่หน้าเขตโทษ เจ้าตัวกระดกบอลโด่งข้ามแนวรับเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายถวายพานให้ โนอา แลง ได้หลุดเดี่ยวไปตวัดบอลยิงโล่ง ๆ ด้วยซ้ายเน้น ๆ แต่หักข้อมากเกินไปหน่อย บอลผ่านหน้าปากประตู ถากเสาไกลขวามือ หลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 19 จุดโทษ!!!
เจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ แกรม ตอร์รีย่า ไปเจตนาใช้แขนบล็อกลูกโขกของ เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ผู้ตัดสินวิ่งไปเช็ค VAR ก่อนจะกลับลงมายืนยันเป่าชี้ให้เป็นลูกจุดโทษของทัพอัศวินสีส้มทันที แล้วเป็น เมมฟิส เดอปาย รับหน้าที่สังหาร ทว่าซัดไปติดเซฟของ แบรดลี่ย์ บันด้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่เดาทางถูก ปัดทิ้งออกมาได้อย่างน่าเสียดายสุด ๆ
นาที 21 GOAL!!!
เจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 !!! เป็นจังหวะ โนอา แลง แทงบอลหักข้อทะลุช่องให้ ดาวี่ คลาสเซ่นส์ วิ่งสอดทำลายกับดักล้ำหน้า หลุดเดี่ยวเข้าไปเอาบอลในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะตวัดบอลเลียดไม่จับ ส่งสั้น ๆ มาที่หน้าประตูถวานพานให้ เมมฟิส เดอปาย แปโล่ง ๆ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย
นาที 29
เจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ พับสนามบุกอยู่ฝั่งเดียว จังหวะนี้ ดาวี่ คลาสเซ่นส์ ได้บอลหลุดเข้าไปถึงสุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะตวัดคัทแบ็คมาที่กลางประตูให้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ได้สอดมาซัดเน้น ๆ ติดบล็อกกองหลังทีมเยือน เปลี่ยนทางหลุดกรอบไปนิดเดียว
นาที 39
เจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ ได้บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม แทงบอลตามช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ สตีเฟ่น เบิร์กฮอยส์ หลุดเข้าไปกระดกบอลหนี แบรดลี่ย์ บันด้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน เหินข้ามคาน หลุดออกหลังไปนิดเดียว ทว่าไลน์แมนยกธงว่าเป็นลูกล้ำหน้า ถ้าเข้าก็อาจจะไม่ได้ประตูอยู่ดี
นาที 43
เจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ ได้ลุ้นบวกสกอร์เพิ่มสองหนติด ๆ กัน เป็นจังหวะ บอมบ์โด่งเข้าไปในเขตโทษ บอลชุลมุนเข้าทาง จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ได้ซัดจ่อ ๆ ติดเซฟของ แบรดลี่ย์ บันด้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน ถัดมาเป็นเตะมุม แล้วเป็น เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ได้โขกเหน่ง ๆ ทว่านายทวารยิบรอลตาร์ ยังโชว์ซุปเปอร์เซฟ เซฟช่วยทีมเอาไว้ได้อีกครั้ง
นาที 45+3 GOAL!!!
เจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ มาได้ประตูเพิ่มเป็น 3-0 !!! เป็นจังหวะ ผู้เล่นทีมเยือนไปทำแฮนด์บอลในเขตโทษ ผู้ตัดสินเช็ค VAR ก่อนจะยืนยันให้เป็นลูกจุดโทษของทัพอัศวินสีส้ม แล้วเป็น เมมฟิส เดอปาย รับหน้าที่สังหารอีกครั้ง คราวนี้ซัดเน้น ๆ เข้าประตูไป ไม่พลาด แก้ตัวได้สำเร็จ แถมลูกนี้เป็นการสร้างสถิติในการยิงประตูมากที่สุด เร็วที่สุดภายในหนึ่งปีของประวัติศาสตร์ของชาติอีกด้วย ที่ 13 ประตูด้วยกัน
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ ที่เป็นฝ่ายครองบอลบุกอยู่ฝั่งเดียว ปูพรมขึงเกมรุกใส่ทีมเยือน ยิบรอลตาร์ ได้อย่างต่อเนื่อง ยิงประตูขึ้นนำไปก่อนแล้วถึงสามลูก สกอร์ตอนนี้ เนเธอร์แลนด์ 3 ยิบรอลตาร์ 0 !!!
นาที 48 GOAL!!!
เปิดฉากครึ่งหลังมาได้แค่แปปเดียว เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ ที่มาได้บวกสกอร์เพิ่มอย่างรวดเร็ว 4-0 !!! เป็นจังหวะ โนอา แลง เกี่ยวบอลโยนยาวหลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย เจ้าตัวโยกหนีตัวประกบหลุดไปถึงเกือบสุดเส้นหลังได้สวย ก่อนจะตักบอลโด่งไปที่หน้าประตูให้ เดนเซล ดัมฟรีส์ โถมตัวมาโหม่งสะบัดเหน่ง ๆ ส่งบอลย้อนศรผ่านหน้า แบรดลี่ย์ บันด้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบเสาแรกซ้ายมือเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 60
เกมดำเนินมาครบหนึ่งชั่วโมงเต็ม เจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ เริ่มทยอยส่งตัวสำรองลงมายืดเส้นยืดสาย โดย หลุยส์ ฟาน กัล จัดการถอด เฟรงกี้ เดอ ย็อง และ สตีเฟ่น เบิร์กฮอยส์ ออกไปพัก แล้วส่ง วูต เว็กฮอร์สต์ กับ อาร์โนล ดันจูม่า ลงสนามมาเบ่นแทนในตำแหน่งเดียวกัน
นาที 63
เจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ อาร์โนล ดันจูม่า ลงมาก็โชว์ของทันที เจ้าตัวพลิกบอลหนีกองหลังทีมเยือนมาได้สวย หลุดเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะเอี้ยวตัวซัดมุมแคบ ส่งบอลผ่านหน้าปากประตู ถากเสาไกลออกหลังไปนิดเดียว
นาที 75 GOAL!!!
เจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ มาได้ประตูเพิ่มเป็น 5-0 !!! เป็นจังหวะ เมมพิส เดอปาย ยกบอลจากหน้าเขตโทษ ลอยโด่งเข้าไปที่กลางประตูให้ วุท เว็กฮอร์สท์ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา โหม่งเสยชงต่อไปที่หน้าประตูให้ อาเนาท์ ดานยูม่า ตัวสำรองอีกคน วิ่งสอดมาล้มตัวตวัดยิงด้วยขวาเน้น ๆ จังหวะเดียว ส่งบอลพุ่งกระดอนพื้นเสียบเสาซ้ายมือเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 82
เจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ น่าจะได้ประตูเพิ่มแบบสุด ๆ จังหวะนี้ วูต เว็กฮอร์สต์ ตัวสำรอง มีโอกาสได้โหม่งบอลเหน่ง ๆ หน้าประตู บอลทำท่าจะข้ามเส้นเข้าประตูอยู่แล้วแท้ ๆ แต่เป็นกองหลังยิบรอลตาร์ สกัดทิ้งจากเส้นได้ทันเวลาเฉียดฉิว ซึ่งถ้าดูจากภาพช้า ลูกบอลข้ามเส้นไปแล้วถึง 99 เปอร์เซ็นต์ น่าเสียดายสำหรับทัพอัศวินสีส้ม
นาที 86 GOAL!!!
ก่อนหมดเวลา เจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ มาได้ประตูปิดกล่องเป็น 6-0 !!! เป็นจังหวะ เมมพิส เดอปาย ทำชิ่ง 1-2 กับเพื่อน หลุดขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะแทงบอลตามช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ ดอนเยลล์ มาเล่น แข้งสำรอง ได้หลุดไปก้มหน้าบรรจงกดเลียดด้วยขวาเน้น ๆ สวนตัว แบรดลี่ย์ บันด้า ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบเสาไกลซ้ายมือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย ไม่เหลือซาก
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น เนเธอร์แลนด์ เปิดบ้านยำใหญ่เอาชนะทีมเยือน ยิบรอลตาร์ ไปได้แบบเละตุ้มเป๊ะด้วยสกอร์ 6-0 !!! รั้งจ่าฝูงของตารางคะแนนเหมือนเดิม โดยนัดต่อจะต้องออกไปเยือนมอนเตเนโกร ในคืนวันพุธที่ 13 ตุลาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านยิบรอลตาร์ รั้งบ๊วยอยู่เช่นเดิม นัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนตุรกี ในวันเดียวกัน แต่คนละเวลา