เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม, เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ต้อนรับการมาเยือนของทัพท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดที่ 12 เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย ชูเอา กันเซโล่ แบ็คซ้ายจอมบุก อิลคาย กุนโดกัน มิดฟิลด์ตัวขับเคลื่อนเกม และ ฟิล โฟเด้น กองหน้าตัวความหวังของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน เอฟเวอร์ตัน ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ มาเล่นในระบบ 4-4-1-1 นำทีมโดย อัลลัน กองกลางห้องเครื่อง แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ปีกตัวจี๊ด และ ริชาร์ลิซอน กองหน้าตัวความหวังของทีม
นาที 7
เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ทัพเรือใบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้ทักทายก่อน จากจังหวะ ไคล์ วอล์คเกอร์ เติมสูงขึ้นมาทางฝั่งขวา ก่อนจะครอสเข้ากลางแล้วโดนสกัดออกเข้าทาง ชูเอา คันเซโล่ วิ่งกดด้วยซ้ายเน้น ๆ หน้ากรอบ ส่งบอลพุ่งไปแฉลบ อิลคาย กุนโดกัน เปลี่ยนทางไปเข้าทาง โคล พัลเมอร์ โล่ง ๆ แต่ดันจับไม่อยู่ ปล่อยบอลหลุดออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดาย ไม่งั้นได้ซัดเหน่ง ๆ แน่นอน
นาที 11
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกขึ้นมาอีกหน จังหวะนี้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กระชากพาบอลหลุดขึ้นมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนจะเปิดโด่งข้ามฟาก ลอยลึกไปที่หน้าเสาไกลให้ ฟิล โฟเด้น ได้ถอยมาเทคตัวขึ้นโหม่งเหน่ง ๆ โดนไม่ค่อยถนัด ส่งบอลหลุดกรอบ เหินข้ามคานออกไป ชนิดได้ลุ้น
นาที 16
ทีมเยือน เอฟเวอร์ตัน ต้องโชคร้ายมาเสียโควต้าเปลี่ยนตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นครึ่งแรก เมื่อ เดมาไร เกรย์ เกิดมีอาการบาดเจ็บบริเวณโคนขาหนีบ สุดท้ายเล่นต่อไม่ไหว ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือสมองเพชร จำใจถอดเจ้าตัวไปให้แพทย์ดูอาการ ก่อนจะจัดการส่ง อเล็กซ์ อิโวบี้ ลงมาเล่นแทนในตำแหน่งเดียวกัน
นาที 27
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ ฟิล โฟเด้น ได้บอลหลุดขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะตั้งป้อมบรรจงบอลโด่งข้ามหัวของ ไมเคิ่ล คีน โค้งลึกไปที่เสาไกลให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้สอดมาเทคตัวขึ้นโขกเหน่ง ๆ ทว่ากดไม่ลง ส่งบอลเหินข้ามคาน หลุดกรอบออกหลังไปเองอย่างน่าผิดหวังสุด ๆ
นาที 28
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ฟิล โฟเด้น แทงทะลุช่องคิลเลอร์พาสให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา หลุดเดี่ยวไปยิงติดเซฟ จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน ลอยโด่งมาเข้าทางปืนของ อิลคาย กุนโดกัน พยายามโขกสวนซ้ำเข้าไป ทว่าบอลดันย้อยไปตกใส่คานเต็ม ๆ กระเด้งออกหลังไปอย่างน่าเสียดายสุด ๆ
นาที 30
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของทีมเยือน จังหวะนี้ เจ้าหนู โคล พัลเมอร์ พลิกหมุนตัวมาซัดด้วยซ้ายนอกกรอบเน้นได้สวย บอลพุ่งแรงน่ากลัวไปติดเซฟของ จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดทิ้งออกมาถึง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้เกี่ยวเอาบอลลง ก่อนจะลากจี้ตัดเข้าในไปหาช่องยิงเองเน้น ๆ ส่งบอลไปตรงตัวของนายทวารเอฟเวอร์ตัน รับเอาไว้ได้อีกครั้งหนึ่ง
นาที 33 VAR!!!
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้จุดโทษ จากจังหวะ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ติดเครื่องลากเลื้อยเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะโดน ไมเคิ่ล คีน แหย่เท้าสกัดล้มร่วงลงไปนอน ทำให้ผู้ตัดสิน ไม่รอช้า วิ่งมาเป่าชี้ให้เป็นลูกจุดโทษของทัพเรือใบทันที แต่แล้วมีสัญญาณ VAR จากข้างสนาม สจ๊วร์ต แอ็ตเวลล์ จึงวิ่งไปดูแล้วกลับลงมายึดจุดโทษคืนไป เนื่องจากภาพช้าฟ้องว่าดูเหมือนปีกทีมชาติอังกฤษ จะล้มง่ายเกินไปหน่อย
นาที 44 GOAL!!!
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูขึ้นนำเป็น 1-0 !!! จากจังหวะ ชูเอา คันเซโล่ ได้บอลทางกึ่งกลางสนามฝั่งซ้าย เจ้าตัวเงยหน้ามอง ก่อนจะบรรจงวางบอลไซด์ก้อยคิลเลอร์พาสอย่างสวย ไปยังพื้นที่ว่างหน้าเสาไกลให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง วิ่งสอดตัดหลังแนวรับมาที่จุดนัดพบ ได้แปด้วยขวาตามน้ำเน้น ๆ แบบไม่จับ ส่งบอลพุ่งหนีมือ จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน เบียดเสาขวามือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 45+3
ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก ทีมเยือน เอฟเวอร์ตัน ได้ลูกฟรีคิกริมกรอบเขตโทษด้านขวา แล้วเป็น แอนดรอส ทาวน์เซนด์ เล่นลูกลักไก่ ขอลองบรรจงปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ ข้ามกำแพง ส่งบอลพุ่งไปตรงตัวของ เอแดร์ซอน โมราเอส ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่ยืนคุมเสารออยู่แล้ว รับเข้าซองเอาไว้ได้สบาย ๆ
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดถึง 80-20 เปอร์เซ็นต์ เป็นฝ่ายขึงเกมรุก พับสนามบุกใส่ทีมเยือน เอฟเวอร์ตัน อยู่ฝั่งเดียว ยิงประตูขึ้นนำไปก่อนแล้วหนึ่งลูก สกอร์ตอนนี้ แมนซิตี้ 1 เอฟเวอร์ตัน 0 !!!
นาที 52
เริ่มเกมครึ่งหลังมา เป็นเจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่บุกใส่ทันทีตามสไตล์ จังหวะนี้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา เกี่ยวบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะโดน ไมเคิ่ล คีน เตะสกัดล้มลงไป ทว่าผู้ตัดสิน สจ๊วร์ต แอ็ตเวลล์ ไม่ได้ว่าอะไร แถมไม่มีการย้อนกลับมาดู VAR ด้วย ซึ่งถ้าดูจากภาพช้า น่าจะเป็นลูกจุดโทษอยู่เหมือนกัน
นาที 55 GOAL!!!
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 !!! จากจังหวะ ฟิล โฟเด้น ลากขึ้นมาทางซ้าย เจ้าตัวเปิดเลียดเข้ากลางโดนสกัดมาถึง อัลลัน ดีดเคลียร์ออกมาที่หน้าหัวกระโหลกไม่ดู กลายเป็นส่งตั้งให้ โรดรี้ วิ่งตะบันด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อแบบไม่จับ ระยะกว่า 25 หลา ส่งบอลพุ่งแรงเป็นจรวดหนีมือของ จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบเสาซ้ายมือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 60
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกขึ้นมาอีกระลอกไม่มีผ่อนเกม จังหวะนี้ ชูเอา คันเซโล่ เติมสูงขึ้นมารับบอลที่หน้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนไหลขวางสนามออกไปทางขวาให้ ริยาด มาห์เรซ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ที่ยืนรออยู่โล่ง ๆ ได้บรรจงปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบลูกถนัด ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยแต่ยังไม่เข้าเป้า ลอยหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 70
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ฟรีคิกระยะอันตราย ประมาณ 25 หลา หน้ากรอบเขตโทษตรงกลางพอดี ริยาด มาห์เรซ รับอาสา วิ่งมาบรรจงปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ ข้ามกำแพง ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยแต่ไม่หนีมือเท่าไหร่ จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน ขยับมารับเข้าซองเอาไว้ได้ทัน ไม่มีกระฉอก
นาที 74
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คุมเกมคุมสถานการณ์เอาไว้ได้แบบเบ็ดเสร็จ พับสนามบุกใส่ทีมเยือน เอฟเวอร์ตัน อยู่ฝ่ายเดียว จังหวะนี้ โคล พัลเมอร์ ขอลองส่องไกลด้วยซ้ายเน้น ๆ หน้าเขตโทษ ส่งบอลพุ่งแรง แต่ทิศทางยังไม่ตรงกรอบ เหินข้ามคานออกไปไกล
นาที 78
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูเพิ่ม เป็นจังหวะ โคล พัลเมอร์ แทงบอลทะลุช่องให้ ไคล์ วอล์คเกอร์ ได้วิ่งสอดหลุดขึ้นมาทางริมกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะครอสเลียดถวายพานไปที่หน้าประตูโล่ง ๆ ให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ลังเลสองจิตสองใจ สุดท้ายยิงด้วยซ้ายไปติดเซฟของ จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ออกมาปิดมุมได้ไว ปัดบอลเอาได้ทันเฉียดฉิว อย่างน่าเสียดายของสุด ๆ
นาที 86 GOAL!!!
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูปิดกล่องเป็น 3-0 !!! จากจังหวะ อิลคาย กุนโดกัน ลากจี้ขึ้นมาเองถึงหัวกระโหลก เจ้าตัวไหลสั้น ๆ ออกขวาให้ โคล พัลเมอร์ โยกซัดเลียดด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลไปแฉลบบล็อกแนวรับทีมเยือน เปลี่ยนทางกลิ้งไปที่หน้าเสาขวามือเข้าทาง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้สอดมาจิ้มจ่อ ๆ สวนตัว จอร์แดน พิคฟอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย ไม่เหลือซาก
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านไล่ถล่มเอาชนะทีมเยือน เอฟเวอร์ตัน ไปได้ด้วยสกอร์ 3-0 !!! รั้งอันดับที่ 2 ของตารางคะแนน โดยนัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในคืนวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านเอฟเวอร์ตัน อยู่อันดับที่ 11 ของตาราง นัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนเบรนท์ฟอร์ด ในวันเวลาเดียวกัน