เรื่องนี้นิยามได้แบบไม่อ้อมค้อมเลยครับว่ามาสูตรเดียวกับ The Forbidden Kingdom แบบเด๊ะๆ (เพียงแต่จะไม่มีดาราใหญ่ระดับเฉินหลงหรือหลี่เหลียนเจี๋ยมาร่วมจอเท่านั้นแหละ)
หนังว่าด้วยตัวเอกที่เป็นเด็กหนุ่มชาวตะวันตกชื่อ แจ็ค (Uriah Shelton) ที่ติดเกมนักรบผู้กล้าแบบงอมแงม แล้ววันหนึ่งเขาก็ไปได้หีบเก่าแก่จากเจ้าของร้านขายของเก่าชาวจีน ซึ่งหีบที่ว่าก็เป็นประตูทะลุมิติครับ
เนื้อเรื่องถัดจากนี้ก็คือการผจญภัยของเขาในดินแดนจีนโบราณ เขาต้องร่วมมือกับนักรบและจอมเวทย์ผู้วิเศษในการช่วยองค์หญิงผู้เลอโฉมให้พ้นจากเงื้อมมือของหัวหน้าเผ่าบาร์บาเรียนผู้โหดร้าย
ครับ มันคือ The Forbidden Kingdom จริงๆ เปิดมาแนะนำให้เรารู้จักเด็กหนุ่มที่คลั่งไคล้ในอะไรสักอย่างแบบสุดๆ ตามด้วยฉากที่เจ้าหนุ่มโดนพวกอันธพาลตามกระทืบ (แน่นอนว่าเจ้าหนุ่มต้องหนีแบบเต็มที่ เพราะสู้เขาไม่ได้) ก่อนจะไปหาคนจีนที่เขารู้จัก แล้วก็ได้อุปกรณ์ทะลุมิติมา
แต่จุดที่ต่างหน่อยก็คือ FK นั้นตัวเอกจะทะลุมิติไปผจญภัยแบบไม่ตั้งตัวตั้งแต่ตอนต้นๆ ในขณะที่เรื่องนี้ก็คงพยายามทำให้มันแปลกจากเรื่องนั้นน่ะครับ เลยสลับขั้วให้คนจากต่างมิติทะลุมาโลกนี้แทน แล้วก็มีเรื่องวุ่นๆ เปิ่นๆ นิดนึง ก่อนที่การผจญภัยของจริงจะเริ่มต้น
ถ้าให้ว่าแบบตรงๆ แล้ว FK สนุกกว่าเยอะครับ ไม่ว่าจะเพราะดาราหรือฉากที่สวยงามตระการตากว่ากันมาก ในขณะที่เรื่องนี้ หากว่าตามจริงแล้วก็ไม่ถึงกับเลวร้ายหรอกครับ จริงๆ มันก็พอดูได้เพลินๆ นะ เพียงแต่ความสนุกยังไม่ถึงกับเยอะเท่านั้นเอง
หนังอำนวยการสร้างโดย Luc Besson โดยเขาเขียนบทร่วมกับ Robert Mark Kamen ซึ่งคู่นี้ก็ร่วมงานกันมาหลายรอบแล้วครับ ไม่ว่าจะ Taken, Transporter หรือ Colombiana สำหรับเรื่องนี้ก็พยายามเอาสูตรที่ว่ามาเล่าใหม่ แต่ผลที่ได้ก็ถือว่ากลางๆ ครับ
ดาราในเรื่องแม้จะไม่เด่น แต่ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้โอเคครับ คนที่เด่นจริงๆ คงหนีไม่พ้น Ni Ni ในบทองค์หญิงที่งดงามขาวสวยและน่ารัก ชนิดที่เชื่อว่าหนุ่มๆ หลายคนจะรู้สึกว่าหนังดีขึ้นหลายเท่า หรือไม่ก็มองข้ามจุดบกพร่องของหนังไปได้ ก็เพราะการปรากฏตัวของเธอนี่แหละ (555)
ส่วนอีกคนที่ผมว่าโอเคคือ อู่เจิ้นหวี่ (Infernal Affairs II) ในบทผู้วิเศษที่มาแนวเดียวกับเฮียเฉินหลงใน FK เลยครับ ดูช่างพล่ามๆ กวนๆ แต่งตัวกระเซอะกระเซิง เพียงแต่พี่แกปรากฏตัวน้อยไปหน่อย ส่วนตัวนำอย่าง Shelton ก็ถือว่ากลางๆ ครับ, Mark Chao ในบทนักรบจ้าวก็อยู่ในระดับโอเค และ Dave Bautista ในบทบอสใหญ่ของตัวร้ายก็ไม่ถึงกับน่าจดจำอะไรมาก
จริงๆ สูตรที่หนังใช้นั้นโอเคครับ แต่การเล่าเรื่องธรรมดาไป ลูกเล่นก็ไม่เยอะเท่าไร อย่างการผจญภัยนี่จริงๆ ในเรื่องมันก็อิงจากเกมที่พระเอกเล่นอยู่แล้ว มันก็น่าจะมีด่านโหดๆ, บอสเก่งๆ หรือโจทย์ยากๆ ให้เขาแก้ (แบบตอนเราๆ ท่านๆ เล่นเกมแล้วกว่าจะผ่านได้ก็แทบจะปาจอยหรือทุบคีย์บอร์ดทิ้งน่ะครับ ไม่รู้จะยากไปไหน)
แต่เอาเข้าจริงโจทย์หรือด่านที่ต้องผ่านก็ไม่ได้ยากอะไร ทีนี้พอการผจญภัยไม่มีอะไรยาก ความลุ้นก็ลดปริมาณลงเป็นของธรรมดาครับ จริงๆ ก็แอบเสียดายนะ เพราะสูตรน่ะแม้มันจะเดิมแค่ไหนก็เถอะ แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยครับ เพราะหนังสูตรเดิมๆ แต่เล่าได้มันส์ก็มีถมไป ทว่ากับเรื่องนี้มันไม่มีจุดสนุกหรือจุดดึงดูดมากพอ
กระนั้นถ้าไม่คิดมากหนังก็ดูเอาเพลินได้น่ะครับ มีการผจญภัย มีแอ็กชัน (บ้าง) มีเวทย์มนต์ (บ้าง) และพอจะมีอารมณ์ขันอยู่บ้าง (ทั้งจากตัวหนังและทีมพากย์) ดังนั้นหากอยากดูอะไรเบาๆ มากๆ ล่ะก็ เรื่องนี้ก็อาจจะตอบโจทย์ท่านครับ แต่หากใครคาดหวังในระดับ FK ก็ต้องปรับลดระดับความคาดหวังลงมาสักหน่อยครับ ^_^
ดาวครึ่งครับ
(5.5/10)