ถ้ามีคนเห็นผมตอนนั่งดู Malignant อาจคิดว่าผมโรคจิตก็เป็นได้ครับ เพราะผมดูไปยิ้มไปเกือบตลอดเรื่องเลย
จริงๆ อยากดูหนังเรื่องนี้มานานพอสมควรแล้วครับ แต่ไม่สบโอกาสเพราะทั้งภรรยาและลูกต่างก็ไม่ถูกกับหนังสยอง ครั้นจะดูตอนพวกเขาอยู่ก็อาจต้องดูไป Pause ไปให้สะดุด เลยตัดสินใจรอจนอยู่บ้านคนเดียวแล้วเปิดดูครับ จะได้ดูต่อเนื่องแบบครบถ้วนทางอารมณ์
แล้วพอได้ดูก็ถูกใจครับ เข้าทางผมอย่างยิ่งเลยล่ะ – ได้ข่าวว่า Stephen King กับ Nicolas Cage ก็ชอบหนังเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน
หนังมาในแนวฆาตกรรมซ่อนเงื่อนยุค 80 – 90 ตามความตั้งใจของผู้กำกับ James Wan ที่คิดพล็อตเรื่องร่วมกับ Ingrid Bisu ภรรยาของเขา โดยทำออกมาเพื่อคารวะหนังแนว Giallo อันหมายถึงหนังแนวฆาตกรรมของอิตาลีที่จะผสมผสานระหว่างความซ่อนเงื่อน เปื้อนเลือด และบรรยากาศหลอน
และผู้กำกับที่ถือเป็นจอมสำหรับหนังแนวนี้ก็คือ Dario Argento ครับ ซึ่งบอกไว้ก่อนเลยว่าใครชอบหนังแนวนี้ขอแนะนำให้ตามดูหนังอย่าง Phenomena (อันเป็นแรงบันดาลใจให้เกม Clock Tower), The Bird with the Crystal Plumage, Tenebre และ Deep Red โดยเฉพาะเรื่องสุดท้ายนี่สุดยอดขึ้นหิ้งไปเลย
ขนบของหนัง Giallo นั้น ก็จะต้องมีตัวเอกที่เผชิญกับคดีปริศนาที่เกิดขึ้นรอบตัว, บรรยากาศจะดูอึมครึมชวนหลอน โดยเฉพาะตอนก่อนที่ฆาตกรจะลงมือ, จะมีการเล่นกับความมืดหรือแสงเงา, สภาพศพที่โดนเชือดจะต้องชวนสยองไปจนถึงขั้นเละ, ตัวเอกมักต้องเป็นสักขีพยานเห็นฉากฆาตกรรมต่อหน้าต่อตา, มักมีตำรวจมาสืบคดี (แต่มักจะเป็นบทสมทบ), ต้องมีการทิ้งปมให้ตัวเอกตามสืบ, มีประเด็นในเชิงจิตวิทยา/ความหวาดระแวง, ตัวเอกและฆาตกรมักจะมีอาการป่วยหรือบอบช้ำทางจิต, ฆาตกรจะไม่ถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง จนกว่าจะเข้าองก์สุดท้าย
Malignant ก็ว่าไปตามนั้นครับ ตัวเอกคือเมดิสัน (Annabelle Wallis) ที่มักจะเห็นภาพเหตุฆาตกรสุดโหดรายหนึ่งไล่ฆ่าคน จนในที่สุดเธอและน้องสาวที่ชื่อซิดนี่ย์ (Maddie Hasson) ต้องช่วยกันหาคำตอบว่ามันเกิดอะไรขึ้น และนอกจากนี้ก็ต้องพยายามหาทางป้องกันไม่ให้ฆาตกรไปฆ่าใครอีก
ว่าตามจริงหนังไม่ได้แปลกใหม่อะไรครับ อย่างที่บอกว่าหนังทำออกมาในสไตล์ยุค 80 – 90 ดังนั้นถ้าท่านผ่านหนังสยองยุคนั้นมา ก็น่าจะสนุกไปกับการรำลึกถึงบรรยากาศเก่าๆ หรือขนบหลายๆ อย่าง แต่แม้จะเป็นอะไรเดิมๆ Wan ก็ยังสามารถถ่ายทอดออกมาได้เข้าท่าอยู่ครับ หนังมีโทนสยอง มีกลิ่นคาวเลือด มีปมให้ติดตาม มีจังหวะจะโคนในการนำเสนอ
โดยเฉพาะช่วงท้ายที่ปมต่างๆ ได้รับการเฉลย จังหวะในการเฉลยนั้นถือว่ากำลังดี สร้างบรรยากาศความน่ากลัวให้เพิ่มขึ้นตามลำดับ ส่วนหนึ่งเลยที่ต้องชมคือดนตรีหวาดจิตหวิวใจโดย Joseph Bishara ที่คู่บุญกับ Wan มาตั้งแต่ Insidious และ The Conjuring มาเรื่องนี้ดนตรีก็จัดว่าหลอนได้เรื่องอยู่ครับ นึกถึงหนังยุค 80 – 90 ขึ้นมาเลย
แต่ไม่รู้ใครเป็นเหมือนผมไหมนะครับ โน้ต 2 ตัวแรกของดนตรีที่มักจะใช้ขึ้นต้นในฉากน่ากลัวๆ นั้น ทำให้ผมนึกถึงดนตรีใน สยึมกึ๋ย ทุกทีเลยเชียว
โดยรวมแล้วผมรู้สึกสนุกกับการดูหนังเรื่องนี้ครับ ทางมันใช่ สไตล์มันได้ แม้จะพอเดาอะไรๆ ได้ก็ตาม แต่การเล่าเรื่องมันก็ยังสนุกอยู่ ชวนติดตามอยู่ ฉากฆ่าหรือฉากไล่ล่าก็ตัดออกมาได้เร้าใจ ยิ่งตอนท้ายเมื่อเจ้าฆาตกรออกอาละวาดก็แอบรู้สึกมันส์อยู่ไม่น้อย เพราะลีลาการสู้ของฆาตกรมันร้ายกาจเอาเรื่อง และอีกอย่างที่ชอบคือตอนเฉลยปมนั้น มีการอ้างอิงถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเรื่อง ซึ่งก็เป็นมุกที่เข้าท่าดีครับ (ชวนให้ดูซ้ำเพื่อเก็บรายละเอียดอีกรอบเหมือนกันนะ)
ดาราถือว่าเลือกมาเหมาะครับ Wallis ดูเป็นหญิงสาวประสาทเสียได้ดี ส่วน Hasson ก็น่ารักกันไป ฉากที่เธอบุกเดี่ยวไปสืบหาความจริงนี่นับถือใจเลยครับ กล้าจริงๆ แม่คู๊ณ และอีกคู่หนึ่งที่ถือว่าแสดงร่วมกันได้อย่างพอเหมาะก็คือ George Young และ Michole Briana White คู่หูตำรวจที่ลงมาสืบคดีนี้ ดูแล้วเชื่อครับว่าคู่นี้เป็นคู่หูกัน โดยเฉพาะตอนจิกกัดกันนี่ดูเป็นธรรมชาติดี
และรายที่ต้องพูดถึงสักทีก็คือ Marina Mazepa ครับ ที่ใช้คำว่า “สักที” เพราะเอาเข้าจริงผมได้ดูผลงานของเธอมาหลายครั้งแล้ว เธอคนนี้แสดงเป็นเจ้าฆาตกรครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่ได้สปอยล์อะไร เพราะเราจะไม่ได้เห็นโฉมหน้าของเธอหรอก โดยหนังใช้ความสามารถในการดัดตัวบิดกายของเธอมาเป็นท่าทางในการเคลื่อนไหวของเจ้าฆาตกร ซึ่งเธอคนนี้เคยรับบทเป็นปีศาจใน The Unholy และเป็นลิซ่า เทรเวอร์ (เพื่อนเก่าของแคลร์) ใน Resident Evil: Welcome to Raccoon City มาแล้วครับ แต่ละเรื่องนี่เราไม่ได้เห็นหน้าจริงของเธอหรอก แต่จะได้เห็นความสามารถในการพลิกแพลงร่างกายของเธอ ซึ่งก็เสริมความน่ากลัวให้ตัวละครนั้นๆ ได้มากขึ้นเยอะ
และอีกคนที่ไม่ได้เห็นนานแล้วก็คือ Paula Marshall ที่มารับบทเป็นเบเวอร์ลี่ ที่สะกดจิตให้เมดิสัน รายนี้ถือเป็นดารายุค 90 อีกคนที่ผมชอบครับ (แต่เสียดายที่ไม่ดัง) เธอเคยแสดงในหนังสยองอย่าง Hellraiser III: Hell on Earth, Warlock: The Armageddon, Full Eclipse และเธอยังเคยรับบทเป็นไอริส เวสต์ใน The Flash ฉบับซีรี่ส์เมื่อปี 1990 ด้วย
ก็ขอว่าไปตามใจคิดครับ ดูแล้วสนุกเพราะมันถูกเส้นพอดี แม้จะเดิมๆ แต่ก็เดิมๆ แบบดีๆ ชวนให้ระลึกถึงหนังสยองยุค 80 -90 ที่ห่างหายกันไปนาน แต่ผมก็ไม่รับประกันนะครับว่าทุกท่านจะชอบเหมือนผมหรือไม่ เชื่อว่าคนที่เฉยๆ ก็คงมี อย่างผมชอบเพราะมันเดิมๆ แต่บางคนก็อาจไม่ชอบเพราะมันเดิมๆ ก็ได้เหมือนกัน – แต่อย่างไรก็อยากให้ลองลิ้มดูสักครั้งครับ
ส่วนผมนั้นแม้จะชอบและเข้าทาง แต่กระนั้นหนังก็ยังไม่ถึงกับสุดยอดสุดเยี่ยมครับ
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)