ประเดิมเริ่มต้นปีใหม่นี้ด้วยหนังแนวอาชญากรรมสืบสวนสอบสวน พร้อมด้วยบรรยากาศชวนวังเวงน่าค้นหา ที่หยิบเอาวรรณกรรมชั้นเลิศมาเป็นหนังเรื่องล่าสุดใน “The Pale Blue Eye” ที่ว่าด้วยภูมิหลังของนักกวีชื่อดังกับเหตุการณ์ที่นำมาสู่การร้อยเรียงบทแนวสืบสวนสมัยใหม่ สู่การปลดแปลกเงื่อนงำของคดีฆาตกรรมอันน่าสยดสยอง ที่แม้ว่าจะหยิบมาจากเรื่องแต่งแต่ก็เต็มไปด้วยปริศนาที่น่าดึงดูดใจที่อยู่หน้าหนังไม่น้อย
The Pale Blue Eye เล่าเหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเวสต์พอยต์ ปี 1830 ช่วงเวลาเช้าตรู่ของฤดูหนาวอันสงบเงียบวันหนึ่ง มีนักเรียนนายร้อยคนหนึ่งถูกพบว่าเสียชีวิต แต่หลังจากศพของเขาส่งไปถึงสถานที่เก็บศพ โศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความป่าเถื่อนโหดร้าย เมื่อมีการค้นพบว่าหัวใจของนักเรียนนายร้อยคนนี้ได้ถูกควักออกไปโดยฝีมือของใครคนหนึ่งที่มีความชำนาญ
ด้วยความหวั่นเกรงว่าความเสียหายต่อโรงเรียนทหารที่เพิ่งก่อตั้งครั้งนี้จะลุกลามไปจนไม่อาจแก้ไขได้ ผู้บริหารของโรงเรียนจึงหันไปพึ่งนักสืบในท้องถิ่นอย่างออกัสตัส แลนดอร์ เพื่อให้มาช่วยไขปริศนาการฆาตกรรม ทว่าด้วยอุปสรรคจากการที่นักเรียนนายร้อยต่างปิดปากเงียบ เขาจึงต้องขอความช่วยเหลือในการคลี่คลายคดีจากนักเรียนนายร้อยบุคลิกแปลก ผู้รังเกียจความเข้มงวดของสถาบันทหาร หนำซ้ำยังมีความหลงใหลในบทกวี ชายหนุ่มที่ชื่อว่า เอ็ดการ์ แอลลัน โพ
ท่ามกลางยุคที่หนังแนวสืบสวนสอบสวน คลายปมปริศนา และค้นหาว่าใครคือฆาตกรรม ได้กลายเป็นหนังแนวนิยมที่ใคร ๆ มักจะนำมาสร้าง แต่ทว่าหนังสไตล์ whodunit ไม่ใช่ว่าจะทำออกมาได้ง่าย ๆ และลื่นไหลไปกับแนวทางการแกะปริศนาที่ต้องใช้ความซับซ้อนและลูกเล่นที่จับใจ ในหนัง The Pale Blue Eye ก็มาพร้อมกับสูตรนั้น เพียงแต่ว่าหนังเรื่องนี้เป็นการตามร่องรอยไปแบบค่อยเป็นค่อยไป
งานกำกับและดัดแปลงเขียนบทของ “สก็อตต์ คูเปอร์” ที่ว่าใครเป็นแฟนหนังของเขาก็น่าจะคุ้นเคยกับสไตล์หนังในแบบของเขาเป็นอย่างดี จุดเด่นของเขาคือการไม่รีบร้อนร้อยเรียงเรื่องราว แม้ว่าประเด็นในหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังสืบสวนฆาตกรรมที่คมคาย แต่หนังก็เลือกที่จะเล่าไปแบบเรื่อย ๆ ค่อยเก็บเบาะแสไปทีละน้อย ควบคู่ไปกับการสำรวจพฤติกรรมทางกายและทางใจของมนุษย์อย่างลุ่มลึก
หากว่าผู้ชมจะเข้ามาเพื่อดูหนังสืบสวนในจังหวะสนุก ๆ และบันเทิงแล้วละก็ ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของหนังเรื่องนี้อย่างเแน่นอน เพราะนี่คือหนังตามหาตัวฆาตกรที่ดำเนินไปอย่างเรียบเรื่อย อาจจะไม่ใช่หนังที่มีจังหวะช้าอะไรแบบนั้น แต่ระหว่างทางก็ปล่อยให้ผู้ชมได้เก็บข้อมูลผ่านพฤติกรรมตัวละครต่าง ๆ ไปทีละหน่อย ประเด็นของหนังค่อนข้างชัดเจน และน่าสนใจ เพียงแต่การเล่าเรื่องนั้นอาจจะยังไม่เข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้เท่าที่สุดสักเท่าไหร
การที่หยิบเอานักกวีในตำนานที่มีชีวิตอยู่จริง อย่าง เอ็ดการ์ แอลลัน โพ มาเป็นหนึ่งในตัวละครของเรื่องนี้ เป็นกิมมิกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาคือชายที่เต็มไปด้วยบุคลิกที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร และเมื่อบทนี้มาอยู่ในมือของ “แฮร์รี เมลลิง” ที่เราคุ้นเคยกับเขาดีในบทลูกพี่ลูกน้อยของแฮร์รี่ พอตเตอร์ และนี่ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในอาชีพนักแสดงของเขาทีเดียว
แฮร์รี เมลลิง สามารถดีไซน์บทบาทและการสวมวิญญาณเป็น เอ็ดการ์ แอลลัน โพ ได้ค่อนข้างน่าประทับใจ ด้วยอินเนอร์ทางภาษากายของเขาที่ชัดเจนดีอยู่แล้ว นำมาผนวกเข้ากับอินเนอร์ทางการแสดงที่เขาออกแบบออกมาในหนังเรื่องนี้ ยิ่งส่งเสริมให้ตัวละครนี้มีมิติเพิ่มเสริมขึ้นได้อย่างดี แม้ว่าตัวละครนี้จะเป็นเพียงตัวละครสมทบในหนัง แต่กลับโดดเด่นไม่แพ้กับตัวละคนนำ
ในขณะที่ “คริสเตียน เบล” ก็ยังคงมอบการแสดงที่ยอดเยี่ยมตามมาตรฐานการแสดงของเขา ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกว่าบทบาทที่เขาได้รับนักจะค่อนข้างซ้ำเดิมกับผลงานก่อน ๆ ของเขาอยู่บ้าง แต่การสวมวิญญาณเป็นตำรวจนักสืบที่เต็มไปด้วยบาดแผลข้างในใจเต็มไปหมด การปล่อยแอคติ้งธรรมดา ๆ ออกมาให้ดูทรงพลังได้อย่างไม่ยากเย็นสักเท่าไหร่นัก เมื่อบทนี้มาอยู่ในมือของเขา
The Pale Blue Eye ยังมีนักแสดงชั้นนำอีกเพียบที่มาสมทบและร่วมถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดี ไม่ว่าจะเป็น “ไซม่อน แม็คเบอร์นีย์”, “ทิโมธี สปอลล์” หรือ “โทบี้ โจนส์” พวกเขาถ่ายทอดการแสดงออกมาในหนังเรื่องนี้ได้อย่างคมคายทุกตัวละคร แม้ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์ที่มาส่งเสริมเท่านั้น แต่ก็ยังช่วยยกระดับหนังเรื่องนี้ออกมาให้ดูทรงพลัง กับเนื้อหาของหนังที่ค่อย ๆ ปลดล็อกทีละเรื่อย ๆ แบบไม่รีบร้อน
องค์ประกอบต่าง ๆ ในหนัง The Pale Blue Eye ถือทำออกมาได้ใช้ได้ทีเดียว ไม่ว่าเป็นสร้างบรรยากาศลึกลับเป็นปริศนาเข้าถึงอารมณ์ได้ด้วยดี ฉากในศตวรรษที่ 19 ของหนังเก็บรายละเอียดได้น่าประทับใจ และยังมีเพลงบรรเลงประกอบหนังเรื่องนี้ของ ฮาวเวิร์ด ชอร์ ที่ค่อนข้างทรงพลังและเข้ากับจังหวะเอาลึกลับวังเวงของหนังได้อย่างถึงใจถึงอารมณ์เช่นเดียวกัน
สรุปแล้วนั้น The Pale Blue Eye เป็นหนังสืบสวนตามหาฆาตกรที่ค่อนข้างคมคาย แต่อาจจะไม่ได้ดึงดูดความสนใจได้ดีเท่าที่ควรจะเป็นในหนังสไตล์นี้สักเท่าไหร่ แต่หนังก็เต็มไปด้วยองค์ประกอบและลีลาการเรียบเรียงเรื่องราวที่แสนคมคายดี หากเฝ้าติดตามและเดินไปตามตัวละครเรื่อย ๆ ก็ยังเป็นหนังที่ดูได้สนุกกับปริศนาที่ค่อย ๆ คลายออก และผู้ชมอาจจะจับทางได้ไม่ยากสักเท่าไหร่ เพราะปริศนาเรื่องนี้ไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไหร่ แต่เต็มไปด้วยปมหลากหลายของแต่ละตัวละครที่น่าค้นหา
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง The Pale Blue Eye
- ประเภท: ดราม่า / อาชญากรรม / ระทึกขวัญ
- ผู้กำกับ: สก็อตต์ คูเปอร์
- นำแสดงโดย: คริสเตียน เบล, แฮร์รี เมลลิง, ลูซี่ บอยน์ตัน
- ความยาว: 128 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 6 มกราคม 2023 (ที่ Netflix)
Movie.TrueID METRIC: The Pale Blue Eye
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐️✰✰✰ (7/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐️✰✰✰ (7/10)
คุณสามารถรับชม Netflix ได้ง่าย ๆ จากกล่อง TrueID TV ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ครบ!
————————————-