สมัยเด็กๆ เคยเล่น “วิ่งไล่จับ-แปะแล้วเป็น” อะไรแบบนั้นไหมครับ ถ้าใครเคยผ่านการละเล่นแบบนั้นมา ผมว่าก็น่าจะเพลินกับหนังเรื่อง Tag นี้ได้ไม่ยาก
หนังว่าด้วยเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งที่มีการนัดแนะกันว่าทุกเดือนพฤษภาคมของทุกปี พวกเขาจะเล่นไล่จับ-แปะแล้วเป็นกัน แต่ไม่ได้เล่นตามสนามทั่วๆ ไปครับ แต่เป็นการเล่นแบบไม่จำกัดพื้นที่ เช่นสมมติเราอยู่จังหวัดหนึ่ง แล้วเพื่อนอยู่อีกจังหวัด เราก็ต้องย่องไปหาเพื่อนคนนั้น ไปหาทางแปะเพื่อนคนนั้นให้ได้ พอเพื่อนคนนั้นเป็น เขาก็ต้องไปหาทางแปะเพื่อนคนอื่นๆ ต่อ เล่นเวียนกันจนกว่าจะหมดเดือนพฤษภาคมน่ะครับ
ทีนี้ปรากฏว่าในกลุ่มเพื่อนหมู่นี้ มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง (Jeremy Renner) ที่ไม่เคยโดนแปะได้มาก่อนเลยตั้งแต่เล่นเกมนี้กันมา (พวกเขาเล่นกันมาได้ 30 ปีแล้วน่ะครับ) ทำให้ผองเพื่อนก๊วนที่เหลือรวมตัวกันและหาทางจะเผด็จศึกแปะหมอนี่ให้ได้ นั่นแหละครับคือพล็อตของหนังเรื่องนี้
ผมชอบนะ สิ่งสำคัญเลยที่ผมอยากบอกเกี่ยวกับหนังคือ ดีใจที่มันออกมาพอดี ไม่ล้ำเส้น – คือ… นึกออกไหมครับ หนังหลายๆ เรื่องมันสนุกน้อยกว่าที่ควรจะเป็นก็เพราะคนทำสร้างมันออกมาจนล้ำเส้น ไม่ว่าจะลามกเกิน หยาบคายเกิน สกปรกเกิน ซกมกเกิน เล่นแรงเกิน ฯลฯ มันล้ำเส้นเกินจนทำให้อะไรๆ มันไม่สนุก และอาจทำให้รู้สึกไม่ดีด้วย
แต่เรื่องนี้มันพอเหมาะพอดีครับ กำลังดี มันเลยทำให้หนังอร่อยได้เรื่อยๆ ไปจนจบ ทั้งๆ ที่จะว่าไปการเล่นในเรื่องนี้อาจดูเหมือนไร้สาระนะ แต่มันไม่ดูน่ารำคาญครับ แล้วไปๆ มาๆ เราก็จะรู้สึกสนุกไปกับพวกเขาด้วย
ดาราในเรื่องเล่นกันได้ดีหมดครับ ไม่ว่าจะ Ed Helms, Jake Johnson, Jon Hamm หรือ Lil Rel Howery แต่ละคนมีโมเมนต์และคาแรคเตอร์ของตัวเอง ครั้นพอมารวมทีมกันก็ดูเหมือนเป็นเพื่อนกันจริงๆ เวลาต่อปากต่อคำหรือแกล้งกันนี่ก็ดูสนุกไม่น้อย ในขณะที่ Renner นี่จะเด่นแบบเท่ห์ๆ ครับ เพราะการที่เขารอดจากการถูกแปะตลอดนั้น มันเนื่องมาจากพี่เขามือเซียนจริงๆ แหละ ผมชอบฉากตอนที่เขาคิดทีละสเตปเวลาเพื่อนบุกเข้ามา ว่าจะแก้เกมยังไง (อารมณ์ประมาณเชอร์ล็อค โฮล์มส์คิดในใจออกมาเป็นภาพน่ะครับ) ไอเดียเข้าท่าดี
แต่คนที่ถือว่าขโมยซีนคือ Isla Fisher รายนี้เล่นหนังตลกได้ดีเสมอ บทเธอก็มาตามสไตล์คุ้นเคยน่ะครับ เป็นสาวแกร่งแก่นๆ ไม่ยอมใคร และไปๆ มาๆ เจ๊แกจะจริงจังในการเล่นยิ่งกว่าพวกหนุ่มๆ ซะอีก ส่วน Annabelle Wallis ก็รับบทรีเบคกา นักข่าวที่ไปๆ มาๆ ก็วิ่งตามเพื่อนกลุ่มนี้เพื่อเก็บข้อมูลเอาการละเล่นนี้ไปทำเป็นข่าว ซึ่งอยากจะบอกว่าหนังอิงจากเค้าโครงเรื่องจริงนะครับ มีกลุ่มคนที่เขานัดกันเล่นเกมแบบนี้อยู่ในอเมริกาจริงๆ และเล่นกันมาเป็นสิบๆ ปีด้วย
จัดเป็นหนังที่ดูสนุกเลยล่ะครับ เพลินดี ดูแล้วก็คิดถึงเพื่อนนะครับ สมัยเรียนที่เราเล่นกัน รวมกลุ่มกันทำอะไรที่มันอาจจะเพี้ยนๆ หาสาระไม่เจอ แต่ก็สนุกดี – และผมก็แอบรู้สึกดีครับที่มีกลุ่มเพื่อนในโลกนี้ที่ยังคงเล่นกันแบบนี้แม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม ในแง่หนึ่งมันก็น่ารักดีนะครับ มันเป็นอีกมุมหนึ่งของมิตรภาพ การคิดถึงกัน ซึ่งในหนังเองก็มีการแฝงประเด็นมิตรภาพลงไปนิดๆ หน่อยๆ พอให้หนังมีรสชาติกลมกล่อมขึ้น
ถือเป็นหนังเล็กๆ ที่ทำเงินไปไม่น้อยครับ ลงทุนราว $28 ล้าน ได้คืนมา $78 ล้านจากทั่วโลก ก็ถือว่าใช้ได้อยู่ครับ
สรุปว่าหนังดูได้เพลินๆ ดูเอามันส์ก็ได้ ดูเอาตลกก็ได้ครับ
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)