ดิ อินดิเพนเดนต์ รายงานว่า ตระกูลเกลเซอร์ พิจารณาข้อเสนอของ เอลเลียตต์ เมเนจเมนต์ ที่ต้องการเข้าถือหุ้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 60 เปอร์เซนต์แต่ยังหวังต่อรองเผื่อเป็นฝ่ายถือหุ้นใหญ่ต่อไป
เชื่อว่า โจเอล และ อัฟราม สองพี่น้อง ตระกูลเกลเซอร์ สนใจที่จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสโมสรต่อไปและเล็งที่จะเจรจาเพื่อต่อรองข้อเสนอของ เอลเลียตต์ ให้เหลือเหลือเพียงแค่การถือหุ้น 40 เปอร์เซนต์
กลุ่มทุนที่ยื่นข้อเสนอมาก่อนหน้านี้อย่าง ชีค จัสซิม บิน ฮาหมัด อัล-ตานี่ จากกาตาร์และ INEOS ของ เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ กำลังรอคำตอบจากทาง เรน กรุ๊ป แต่ข้อเสนอเข้าเทคโอเวอร์สโมสรแบบ 100 เปอร์เซนต์ของทั้งสองกลุ่มนั้นถูกมองว่ายื่นมาในราคาต่ำกว่าที่คาดหมาย
ข้อเสนอแรกที่ยื่นมาก่อนเดตไลน์เมื่อเดือนที่แล้วนั้นไม่มีข้อเสนอไหนเกิน 4.5 พันล้านปอนด์ แล้วถึงแแม้เบื้องต้นเชื่อว่า เกลเวอร์ จะตอบรับข้อเสนอระดับ 5 พันล้านปอนด์ แต่จริงๆแล้วพวกเขาหวังจะทำราคาให้ได้ถึง 6 พันล้านปอนด์
แม้เชื่อว่าสุดท้ายแล้วกาตาร์จะยอมจ่ายเงินเท่าไหร่ก็ตามเพื่อครอบครองเป้าหมายที่มีมูลค่ามหาศาล แต่หลายฝ่ายที่สนใจก็เป็นกังวลมาพักนึงแล้วว่าท้ายที่สุด เกลเซอร์ จะต้องการเพียงแค่ผู้ร่วมลงทุนถือหุ้นส่วนน้อยเท่านั้น
พี่น้องในหมู่ ตระกูลเกลเซอร์ ก็ไม่ได้เห็นพ้องตรงกันหมดหลัง โจเอล กับ อัฟราม อยากจะเก็บสโมสรไว้หรือไม่ก็ยังถือหุ้นต่อไป ซึ่งในรายของ อัฟราม ก็เพิ่งปรากฏตัวในเกมคาราบาว คัพนัดชิงชนะเลิศที่เอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เอลเลียตต์, ที่เป็นเจ้าของ เอซี มิลาน จนถึงเมื่อซัมเมอร์ที่แล้วก่อนจะขายทีมให้ เรดเบิร์ด แคปิตอล พาร์ทเนอร์ส นั้น, อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเพราะพวกเขาพร้อมที่จะสนับสนุนเงินสำหรับการปรับปรุง โอลด์ แทรฟฟอร์ด
แมนฯ ยูไนเต็ด พูดคุยกับ Populous บริษัทสถาปนิกในเรื่องของรังเหย้าพวกเขา, ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงหรือก่อสร้างใหม่เลย, และเป็นส่วนสำคัญในการเทคโอเวอร์เพราะสนามเหย้าโฉมใหม่จะช่วยเพิ่มมูลค่าของสโมสร
กลุ่มทุนที่ยื่นข้อเสนอได้ยกตัวอย่างรังเหย้าของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ว่าช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสโมสรได้อย่างน้อย 1.5 พันล้านปอนด์ หลังสนามของพวกเขากลายเป็นหนึ่งในสนามชั้นนำของยุโรปสำหรับการจัดอีเวนต์สร้างความบันเทิง