ถึงคิวของอีกหนึ่งหนังชีวิตอันจัดจ้านน่าดูอีกเรื่องในปีนี้จากฝั่งญี่ปุ่น นี่คือ “Call Me Chihiro ฉันชื่อจิฮิโระ” ความดราม่าที่ดัดแปลงมาจากมังงะชื่อดังของ ฮิโระยูกิ ยาสุดะ ที่ได้นำมาร้อยเรียงเล่าเรื่องราวสู่หน้าจอในฉบับไลฟ์แอคชั่น ที่พร้อมจะพาผู้ชมไปสำรวจกับร่องรอยบาดลึกแห่งชีวิตปัจจุบันที่ขับเคลื่อนไปด้วยการหันหลังให้กับอดีตที่เคยผ่านมา…
Call Me Chihiro เป็นเรื่องราวชีวิตของ จิฮิโระ หญิงสาวที่มีอดีตเป็นสาวขายบริการทางเพศ ปัจจุบันได้มาทำงานอยู่ที่บ้านเบนโตะเล็ก ๆ ในเมืองชายฝั่งทะเลแห่งหนึ่ง เธอเป็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยอิสระ ทั้งการกระทำและวาจาที่บางครั้งดุเดือดตามลักษณะนิสัยของเธอ และในเมืองแห่งนี้ทำให้เธอเริ่มคิดสงสัยกับความหมายที่แท้จริงของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ผ่านอิริยาบถและแนวคิดจากคนในเมืองที่เธอได้รู้จักด้วย
นี่คือผลงานชิ้นล่าสุดของผู้กำกับหนังสายคัลท์ “ริกิยะ อิมาอิซูมิ” ที่ถือว่าเลือกมารับหน้าที่ได้ตรงสายตรงประเด็นดี เพราะนี่คือหนังชีวิตที่เหมือนจะไม่หนัก แต่เนื้อแท้ก็แทรกซึมน้ำหนักที่หนักอึ้งเอาการอยู่เหมือนกัน หนังเรื่องนี้ถือว่ามีกลิ่นอายคล้ายกับผลงานเรื่องก่อน ๆ ของผู้กำกับรายนี้ ไม่ว่าจะเป็น Over The Town หรือ In Those Days ที่มักจะยึดตัวละครหลักเป็นแกนเรื่องหลัก
ริกิยะ อิมาอิซูมิ ยังรับหน้าที่ร่วมเขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วย กลายออกมาเป็นหนัง 2 ชั่วโมงนิด ๆ ที่เต็มไปด้วยความดราม่าที่ปนความเหงาวังเวงแบบสัมผัสได้ ภายใต้แง่มุมสะท้อนสังคมที่ใส่เอามาได้อย่างแยบยล ผ่านวิธี “การให้” ที่ตัวละครแต่ตัวละส่งถึงกันและกัน มันกลายเป็นหนังที่เต็มไปด้วยประเด็นที่หนักแน่น แต่ไม่หนักหน่วง ซ้ำยังสร้างฟีลดี ๆ ให้กับคนดูได้อย่างคาดไม่ถึงอีกด้วย
Call Me Chihiro ไม่ใช่หนังดราม่าฟูมฟาย แต่เป็นหนังที่หยิบเอาแง่มุมการใช้ชีวิตของมนุษย์มาตีแผ่ออกมาเป็นจังหวะและท่วงทำนองในหนัง มีไฮไลต์เด่น ๆ ที่ปฏิกิริยาและพัฒนาการความสัมพันธ์ของมนุษย์เชื่อมโยงเข้าหากันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งหมดเล่าผ่านตัวละครเพียงตัวเดียวหลัก ๆ ที่ต้องแบกรับหน้าที่ในการประคับประคองหนังเอาไว้
และแน่นอนว่าต้องยกนิ้วให้กับ “คาซุมิ อาริมุระ” นี่เป็นอีกครั้งที่เธอได้รับโอกาสคว้าบทดี ๆ มาใส่ตัวอีกครั้ง นี่แหละนักแสดงมืออาชีพตัวจริง เธอสามารถแบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อยู่หมัด การแสดงที่ดูเหมือนจะไม่ยาก แต่บท จิฮิโระ ในหนังเรื่องนี้ นับว่าเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งทางกายภาพและทางอารมณ์ ทุกอย่างมีที่ไปที่มาผ่านภูมิหลังในอดีต ซึ่งเธอก็สามารถถ่ายทอดอารมณ์นั้นออกมาได้ดี
ถึงแม้ว่า Call Me Chihiro จะอบอวลไปด้วยบรรยากาศความเป็นณี่ปุ่นจ๋า ๆ เต็มไปหมด แต่ก็ยอมรับว่านี่คือหนังดราม่าที่เต็มไปด้วยจังหวะและฟีลที่ดี ส่วนองค์ประกอบงานสร้างของหนังเรื่องนี้อาจจะไม่มีอะไรแปลกใหม่สักเท่าไหร่จากหนังญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไป แต่มุมภาพและมุมกล้อง รวมทั้งการดีไซน์การถ่ายภาพในหลายจังหวะของหนังเรื่องนี้ถือว่าทำออกมาได้จับใจได้ดีเช่นเดียวกัน
ดังนั้นในภาพรวมแล้ว Call Me Chihiro ฉันชื่อจิฮิโระ ถือว่าเป็นหนังดราม่าที่แบกไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวไปทั้งเรื่อง แม้ว่าจะยังมีตัวละครสมทบอื่น ๆ พยายามเข้ามาบรรเทาความเหงาแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีกลิ่นอายความเหงาไปตลอดทั้งเรื่อง จังหวะการถ่ายทอดเรื่องราวในหนังเรื่องนี้ถือว่าใช้ได้ แม้จะเป็นสูตรสำเร็จหนังญี่ปุ่นอยู่หน่อยก็ตาม
งานสร้างและการแสดงในเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่ดีงาม โดยเฉพาะ คาซุมิ อาริมุระ ที่ทำหน้าที่ออกมาได้เกือบจะสมบูรณ์แบบ ในการแบกรับหนังทั้งเรื่องเพียงคนเดียว ทั้งที่ตั้งแง่ว่าหนังอาจจะมีเนื้อหาที่หนักและจัดจ้าน แต่ปรากฏว่าเรื่องนี้สามารถผ่อนประเด็นที่หนักให้เบาลงได้อย่างที่ผู้ชมยังสามารถสัมผัสเข้าถึงได้ และต้องอิ่มเอมตามไปด้วยเมื่อหนังเล่ามาถึงฉากสุดท้าย…
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Call Me Chihiro ฉันชื่อจิฮิโระ
- ประเภท: ดราม่า
- ผู้กำกับ: ริกิยะ อิมาอิซูมิ
- นำแสดงโดย: คาซุมิ อาริมุระ, ฮานะ โทโยชิมะ, เท็ตตะ ชิมาดะ, แวน
- ความยาว: 131 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 23 กุมภาพันธ์ 2023 (ที่ Netflix)
Movie.TrueID METRIC: Call Me Chihiro ฉันชื่อจิฮิโระ
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10)
คุณสามารถรับชม Netflix ได้ง่าย ๆ จากกล่อง TrueID TV ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ครบ!
————————————-