ภาพยนต์ที่ได้ลง Netflix ส่งตรงจากประเทศโปแลนด์ กับเรื่องราวของชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนถึงบั้นปลาย ของสุดยอดตัวพ่อแห่งวงการนักเลง และกลายเป็นคนที่มีผู้คนชื่นชมและรักเขาเพราะอะไร ต้องลองไปหาคำตอบในเรื่องได้เอง
ตัวอย่าง How I Fell In Love With A Gangster
รีวิว How I Fell In Love With A Gangster
เรื่องย่อ
“จะอยู่อย่างเสือ 1 ปี หรืออยู่อย่างเต่า 20 ปี” คำพูดเปิดของเรื่องที่เริ่มต้นโดยหญิงสาวปริศนา กับนักเขียนที่กำลังสัมภาษณ์เธอเกี่ยวกับอดีตของชายคนหนึ่ง ที่เป็นอาชญากร มาเฟีย แก๊งสเตอร์ และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางอย่างที่สุดในประวัติศาสตร์ของโปแลนด์ นิโคเด็ม “นิโคช” สกอตาค์ชัค
หญิงสาวปริศนาคนนี้จะค่อยๆ เล่าเรื่องราวตั้งแต่วัยเด็กของ นิโคช ตัวเอกของเรื่องตั้งแต่จุดเริ่มต้น จุดสูงสุด จุดต่ำสุด จนถึงจุดจบ ว่าทำไมเขาถึงเป็น “เสือ” ไม่ใช่ “เต่า” ตั้งแต่การเลี้ยงดู เติบโตมาเป็นคนแบบไหน เริ่มหันหน้าเข้าสู่ธุรกิจแลกเงินผิดกฏหมาย จนกลายมาทำธุรกิจลักลอบขโมยรถจากเยอรมันเข้าสู่โปแลนด์ โดยจะสรุปรวมเรื่องราว อัตชีวประวัติของอาชญากรคนนี้ ที่ไม่ใช่แค่ในแง่ของเรื่องราวอาชญากรรม แต่จะถ่ายทอดทั้งมุมมอง ครอบครัว ความรักตั้งแต่ยุค 1960s จนถึงปลายปี 1990s สรุปรวมเรื่องราวชีวิตของคนๆ หนึ่ง 30 กว่าปี ใน 3 ชั่วโมงเต็มๆ
หนังยาว 3 ชั่วโมง! เป็นเวลาที่ยาวนานมากจริงๆ แต่ถ้าเราลองเปิดใจดูแล้วล่ะก็ การเล่าเรื่องและการนำเสนอจะทำให้เราติดหนึบและอินไปกับชีวิตของ นิโคช ได้ไม่ยากเลย
อันดับแรก มีแต่เนื้อ ไม่เน้นน้ำ ไม่น่าเชื่อว่าความยาวของหนังแม้จะมาก แต่ด้วยการเล่าเรื่องที่กระชับ ฉับไว ไม่เวิ่นเว้อ ยืดเยื้อ อัดมาให้ผู้ชมดูไปเพลินๆ จนเผลอรู้ตัวอีกทีก็จบเสียแล้ว กลายเป็นสามชั่วโมงที่เต็มอิ่มมาก ผมจะบอกให้ว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงไม่น่าเบื่อ
การเล่าเรื่องจะสลับกับเสียงบรรยายของหญิงสาวปริศนาในตอนต้นเรื่อง กับภาพที่เห็นตรงหน้า โดยจะเริ่มตั้งแต่ไทม์ไลน์ของปี 1965 ไล่ไปเรื่อยๆ อย่างลื่นไหล โดยจุดสำคัญๆ ตัวหนังจะใช้เทคนิคในการที่ทำให้ตัวละครในเรื่อง คุยกับผู้ชม และอธิบายไปเลย (Break the 4th wall) โดยตัวละครแทบทุกตัวจะคุยและอธิบายจุดสำคัญๆ ให้ผู้ชมเข้าใจเดี๋ยวนั้น ตรงนั้นทันที ยกเว้นตัวละครหลักอย่างนิโคช ที่จะไม่มีฉากนั้นในเรื่องเลย มันเลยทำให้เรื่องราวต่างๆ กระชับ มีแต่เนื้อหาสำคัญ ไม่มีการใส่ดราม่าพร่ำเพรื่อ ส่วนไหนเป็นดราม่าคือผลกระทบกับเรื่องราวจริงๆ
เรื่องราวอื่นที่น่าสนใจ
อันดับที่สอง ดนตรีประกอบ ต้องบอกเลยว่าผู้กำกับหนังเรื่องนี้มีรสนิยมมาก ส่วนใหญ่หนังที่สร้างจากเรื่องจริง โดยเฉพาะพวกชีวประวัติอาชญากรอะไรเทือกๆ นี้ จะเน้นความดิบ ความเรียล ฉากคุยกันแบบกดดัน ที่มีเสียง Ambient ข้างหลัง แต่เรื่องนี้กลับเลือกที่จะใช้ดนตรี เป็นตัวขับเคลื่อนอารมณ์ของผู้ชม จุดไหนของตัวละครกำลังพุ่งขึ้นสูง ดนตรีก็จะบิ้วเรา ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ฉากแอคชั่นเลย และดนตรีประกอบในเรื่องนี้ไม่มีการหยิบมาใช้ซ้ำกัน ยกเว้นเพลงประกอบหลักบางฉากเท่านั้น
ด้วยความที่ตัวเรื่องดำเนินไว ไม่เวิ่นเว้อ หลายๆ ฉากอาจจะมีการอุปมาอุปไมย หรือใช้นิมิต สัญญะบางอย่างเพื่อเล่าถึงภาวะทางอารมณ์และอื่นๆ ของนิโคช ยกตัวอย่างที่เขาบอกว่าตัวเองเป็นเสือ มีครอบครัว เพื่อนฝูงรายล้อมมากมาย แต่เขากลับเห็นนิมิตเป็นวัยเด็กของเขาเองพร้อมกับหมาป่า หรือ Lone Wolf ซึ่งเหมือนจะเป็นการสื่อถึงชะตากรรม หรือสิ่งที่เขาเป็นจริงๆ ที่อาจจะต้องโดดเดี่ยว ตรงนี้ค่อนข้างนามธรรม และต้องนำไปตีความเองสักเล็กน้อย ดูว่าผู้กำกับเขาอยากจะสื่ออะไรในเรื่อง แต่ถ้าดูโดยไม่ใส่ใจตรงนี้ก็จะไม่งงแน่นอน ตัวหนังไม่ได้มีความลึกขนาดนั้น
อีกอย่างที่ทำให้หนังไม่น่าเบื่อนั่นก็คือมุกตลกหน้าตายที่โผล่ออกมา เช่นฉากที่ตัวเอกโดนเอาปืนจ่อหัว แต่ก็เริ่มพูดอะไรเท่ๆ ออกมาจนคนที่เอาปืนจ่อหัวต้องถอยกลับไป แล้วถามว่าพวกตัวร้ายและลูกน้องตัวเอกเข้าใจคำพูดพระเอกไหม ก็ไม่ ตรงนี้มันยิ่งทำให้ฮาก๊ากในแบบที่คาดไม่ถึง และมีมุกประมาณนี้อยู่สองสามฉาก
แต่เมื่อถึงด้านดราม่า เกี่ยวกับเรื่องราวชีวิต และความรักของนิโคช กับเหล่าคนรักของเขาที่มีหลายคนเหลือเกิน ก็ทำได้ถึงอารมณ์เช่นกัน ตรงนี้ก็จะค่อยๆ เฉลยเกี่ยวกับหญิงสาวปริศนาที่โผล่มาเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นด้วย
อีกอย่างหนึ่ง การได้เห็นพัฒนาการของตัวละครจาก 0 จนสู่สุดยอดตัวท็อปของวงการ ทั้งการเจรจาธุรกิจ เรื่องหัวการค้าแบบโกงๆ การคิดค้นว่าจะทำยังไงถึงจะลักรถข้ามประเทศได้ จนถึงเข้าไปมีบทบาทในสมาคมฟุตบอล มีหน้ามีตาถึงขั้นได้แสดงหนัง จนสู่จุดต่ำแบบสุดๆ ด้วยเวลาสามชั่วโมงกลายเป็นว่า ทำให้เรารู้สึกผูกพันธ์กับตัวละครนี้ได้แบบไม่รู้ตัวทีเดียว
แต่ในอีกด้าน เรื่องราวเกี่ยวกับอาชญากรรม ยาเสพติด เซ็กซ์ จะเป็นอะไรที่เบาบางมากถ้าหากเทียบกับหนังแนวเดียวกันเรื่องอื่นๆ ยกตัวอย่างเทียบง่ายๆ ก็คือเรื่อง The Irish Man โดยหนังเรื่องนี้มันไม่ได้เจาะลึกว่านิโคชเป็นเจ้าพ่อ คุมคนยังไง โหดระดับไหน ในส่วนนี้บอกเลยว่าเล่าถึงน้อยมาก แทบจะไม่ได้เห็นความรุนแรงจากตัวเอกคนนี้เลย อาจจะเป็นเพราะด้วยคาแรคเตอร์ของบุคลที่นำมาสร้างด้วย ตรงนี้ก็พอเข้าใจได้ แต่ถ้าหากว่าจะเจาะลึกลงไปในรายละเอียดสิ่งต่างๆ ในประวัติของนิโคเด็มจริงๆ อาจจะสามารถสร้างหนังแยกย่อยได้อีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องความรัก เรื่องกลโกงต่างๆ การเติบโตของเด็กยุคคอมมิวนิส แต่นั่นก็จะยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้ยาวกว่าเดิมมากๆ ต้องบอกเลยว่าถ้าหากใครหวังอยากเห็นความเข้มข้น แบบบทพูดเชือดเฉือนกันระหว่างเจ้าพ่อ หนังเรื่องนี้แทบไม่มีเลยก็ว่าได้
อย่างที่บอกว่า ส่วนใหญ่มันจะเน้นการเล่าเรื่องราว ชีวิต ชีวประวัติของคนๆ หนึ่ง แม้จะเป็นอาชญากร แต่ก็ไม่เน้นเล่าในด้านอาชญากรรม จะค่อนข้างสมดุลกันไป และด้วยความที่มันเป็นหนังสร้างจากเรื่องจริง มันเลยไม่ได้มีความพลิกบทบาท หรือหักมุมอะไรเทือกนั้น มันดำเนินของมันเรื่อยๆ จนถึงสุดทางชีวิตของคนๆ หนึ่ง
มันเลยทำให้ความเข้มข้นที่จะเป็นพล็อตเรื่องรองมาตลอด นอกจากเรื่องดราม่าส่วนตัวและการเติบโตของนิโคช ตำรวจที่ตามจับเขาเป็นอีกเรื่องรองหนึ่งที่น่าลุ้น น่าติดตามเหมือนกัน แต่ส่วนนี้ก็กลับถูกทำให้จืดลงทั้งๆ ที่มันมีเรื่องราวที่น่าขยี้ต่อได้ เพราะในเรื่องจะมีตำรวจเยอรมันที่พยายามจะตามจับเขาตั้งแต่สมัยเริ่มสร้างตัวจนถึงบั้นปลายชีวิต ทำให้รู้สึกน่าเสียดายเล็กน้อย
นักแสดงทุกคนก็แสดงดีมาก โดยเฉพาะตัวเอก นิโคเด็ม ที่รับบทโดย Tomasz Wlosok สามารถแบกหนังได้ รวมไปถึงตัวละครอื่นๆ ที่โผล่มาเป็นสีสันด้วย ติดอยู่อย่างเดียวก็คือ การที่เรื่องราวมัน Skip ข้ามไปไว เวลาในเรื่องผ่านไปหลายสิบปี แต่หน้าตาตัวเอกแทบไม่แก่ลง ตรงนี้อาจจะมีทำให้ผู้ชมขัดใจเล็กๆ ได้
อีกเรื่องที่ต้องชมเลยก็นอกจากการเลือกใช้เพลงประกอบ งานภาพก็ใช่ย่อยเหมือนกัน โดยเฉพาะในฉากท้ายๆ ก็จะยิ่งเห็นสีที่แสดงถึงอารมณ์ของหญิงคนหนึ่งที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อคนที่ตัวเองรัก ประกอบกับเพลงเพราะๆ ก็ยิ่งเป็นบทสรุปเรื่องราวที่น่าประทับใจ
เสียดายอีกอย่างหนึ่ง โดยทั่วไป ภาพยนต์ หรือซีรีส์ที่สร้างจากเรื่องจริง ท้ายเรื่องก็จะมีบอกเล่าเรื่องราวของคนจริงๆ ที่เป็นตัวละครในเรื่องว่า ปัจจุบัน เขาเป็นอะไร ยังไงบ้าง แต่เรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนนี้เลย
สรุป How I Fell In Love With A Gangster สนุกและดีไหม?
นี่คือหนังที่สนุกและน่าสนใจที่จะชมมากๆ แม้ว่าความตัวหนังเองจะยาวถึง 3 ชั่วโมง แต่ผมกล้ารับประกันเลยว่าไม่ยืดเยื้อและไม่น่าเบื่อแน่นอน มันเป็นการเอาเรื่องราว 30 กว่าปี มาบีบอัดและเล่าแบบมีสไตล์และรสนิยม พร้อมกับเพลงประกอบเพราะๆ การเล่าเรื่องแบบที่จะทำให้ผู้ชมเข้าใจและตามติดอยู่ตลอด แต่ในแง่ของความเป็นหนังอาชญากรรมแก๊งส์เตอร์ เรื่องความรุนแรง หรือความเข้มข้นเชือดเฉือนระหว่างผู้มีอิทธิพลก็จะมีน้อยกว่า เพราะส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องราวชีวิตของตัวเอก แต่โดยรวมนี่คือหนังดีอีกเรื่องหนึ่ง ที่คุณควรลองเปิดใจดู แล้วจะพบกับเพชรในตมที่ซ่อนอยู่ในกองหนังของ Netflix แน่นอน