รีวิว ซีรีส์ OZARK SEASON 4
รีวิว ซีรีส์ OZARK SEASON 4 การเดินทางมาถึงบทสรุปของสุดยอดซีรีส์ในยุคนี้
ซีรีส์เป็นอะไรที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันนี้ แต่จะมีสักกี่เรื่องที่ได้รับความนิยมจนถึงขั้นที่สามารถสร้างออกมาได้อย่างต่อเนื่องกี่ภาคต่อกี่ภาคก็ยังคงเป็นซีรีส์ที่คนต่างก็พูดถึงอยู่เหมือนเดิม การจะรักษามาตรฐานระดับความนิยมเอาไว้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นซีรีส์เรื่องไหนที่สามารถสร้างกระแสตอบรับได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคสุดท้ายจึงมักจะถูกยกย่องให้เป็นซีรีส์แห่งยุคอย่างไม่น่าแปลกใจ อย่างเช่นซีรีส์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้แม้ว่ามันจะดำเนินมาจนถึงบทสรุปเข้าปีที่ 5 แล้วแต่มันก็ยังคงได้รับความนิยมเหมือนเดิมนั่นก็คือ OZARK SEASON 4 PART 2 ซีรีส์ที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นจัดเต็มจนถึงขั้นที่ภาคสุดท้ายต้องแยกออกมาเป็น 2 PART เลยทีเดียว
มันเป็นซีรีส์ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นสุดยอดผลงานใน NETFLIX ที่คู่ควรกับการรับชมเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ซีซั่นแรกเราจะเห็นถึงเรื่องราวที่เต็มไปด้วยการสะท้อนภาพสังคมและชีวิตจริง ชนชั้นกลางที่ต้องพยายามเอาตัวรอดและดิ้นรนทุกวิถีทาง ในขณะเดียวกันก็ต้องก้าวข้ามผ่านปัญหาและอุปสรรคมากมาย ยังไม่รวมไปถึงการต้องพยายามดึงให้ครอบครัวยังคงเป็นครอบครัวอยู่เหมือนเดิม กับครอบครัวชนชั้นล่างที่ต้องอยู่ในรถบ้านดิ้นรนเอาตัวรอดตามศักยภาพที่ตัวเองมี การที่พวกเขาต้องร่วมมือกันทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นมามากมายและไม่สามารถคาดเดาต่อไปได้เลยว่าเรื่องราวจะเกิดอะไรขึ้นและมันจะลงเอยอย่างไร
และด้วยความที่มันเป็นซีรีส์ที่เล่าถึงเรื่องราวบทสรุปสุดท้ายทำให้มันออกมากลมกล่อมเป็นอย่างมาก มีความเข้มข้นทุกรสชาติทุกตอน การกลับมาในครั้งนี้ช่วยให้เราหายคิดถึงตัวละครได้เป็นอย่างดี โดยรวมแล้วถือเป็นซีรีส์ที่เราไม่อยากให้คุณพลาด หากใครไม่เคยรับชมมาก่อนขอแนะนำให้เริ่มต้นตั้งแต่ซีซั่น 1 มาจนถึงซีซั่นสุดท้ายรับรองว่าคุณจะได้สัมผัสกับความสนุกสนานอย่างเข้มข้นแน่นอน
ซีรี่ย์ netflix แนะนํา
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง OZARK SEASON 4
OZARK SEASON 4 จะเล่าถึงเรื่องราวต่อยอดจากซีซั่นก่อนหน้านี้นั่นก็คือครอบครัวเบิร์ด ครอบครัวที่ต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากเพราะพวกเขาดันเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินให้กับกลุ่มค้ายาผู้มีอิทธิพล ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องพยายามเอาชีวิตรอดออกมาให้ได้และล้างมือให้สะอาดก่อนที่จะโดนตำรวจจับและต้องระมัดระวังไม่ให้กลุ่มค้ายาเก็บพวกเขาไปก่อนด้วย ในขณะเดียวกันครอบครัวแลงมัวร์ที่เป็นครอบครัวยากจนต้องเผชิญหน้ากับการเดินทางของแต่ละตัวละครที่ต่างคนต่างไปคนละทิศละทางอย่างน่าใจหาย
ทั้งสองครอบครัวดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแต่พวกเขามีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก และเมื่อไหร่ก็ตามที่ทั้งสองครอบครัวมาประสบพบกันก็ต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาทุกครั้งไป ในขณะเดียวกันเองกลุ่มค้ายาก็ต้องการที่จะขึ้นมาสืบทอดอำนาจและสร้างข้อตกลงรับกับรัฐบาลที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความสลับซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจ มีการหักเหลี่ยมหักมุมกันมากมายจนทำให้เรื่องราวเต็มไปด้วยความซับซ้อนมากกว่าเดิมไปอีก บทสรุปของทั้งสองครอบครัวจะลงเอยอย่างไรเราต้องไปติดตามรับชมกันต่อในซีรีส์
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง OZARK SEASON 4
OZARK SEASON 4 เป็นซีรีส์ที่ยังคงความดีงามในการคาดเดาเนื้อเรื่องไม่ได้ทำให้มันมีความน่าติดตามและเต็มไปด้วยความน่าสนใจ เพราะเราก็ย่อมอยากรู้ว่าสรุปแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไรกันแน่ เรื่องราวเต็มไปด้วยการหักเหลี่ยมหักมุมพลิกไปพลิกมาตลอดทั้งเรื่องแบบไม่ทันให้ตั้งตัว มันจึงเต็มไปด้วยความเข้มข้นผสมความวุ่นวายได้อย่างลงตัวอย่างน่าเหลือเชื่อ
จุดที่ดีที่สุดสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ก็คือบทและการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละคร เราจะเห็นว่าแต่ละคนนั้นมีพัฒนาการเป็นภาพสะท้อนให้เราออกมาเห็นในทุกรูปแบบ ใครที่ติดตามชมมาตั้งแต่ซีซั่นแรกรับรองเลยว่าคุณจะรู้สึกร่วมไปกับตัวละครได้อย่างง่ายดาย ไม่เพียงเท่านั้นพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของแต่ละตัวละครก็ยังเต็มไปด้วยความน่าสนใจอีกด้วย นักแสดงแต่ละคนสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะการระเบิดอารมณ์ที่ทำให้ผู้รับชมอย่างเราต้องขนลุก
แต่ด้วยความที่มันเป็นภาคจบทำให้เนื้อเรื่องจึงเต็มไปด้วยความกดดันมากกว่าที่เคยผ่านมาโดยเฉพาะในช่วงสุดท้าย แผนที่ปัญหาจะคลี่คลายกับกลายเป็นว่ามันยิ่งประเดประดังเข้ามาแทบไม่ได้หยุดพักหายใจเสียอย่างนั้น นอกจากนี้ยังมีการนำเอาตัวละครเก่ากลับมาให้เราได้เห็นอีกครั้งด้วย
โดยรวมแล้วถือว่าเป็นซีรีส์ที่มีครบทุกรสชาติและเต็มไปด้วยความเข้มข้นทุกตอน รับรองว่าคุณจะไม่รู้สึกเบื่อตลอดการรับชมอย่างแน่นอนแม้ว่ามันจะไม่ได้มีความ ACTION ดูง่ายเข้าใจสบายแบบที่ได้รับความนิยมแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถสร้างความเข้มข้นได้ด้วยบทพูดและตัวละครที่สมจริง ไม่ได้ใส่ดราม่าเข้ามาพร่ำเพื่อแต่ก็เต็มไปด้วยปัญหาให้แก้ไม่หยุดหย่อน อย่างไรก็ตามต้องขอบอกก่อนว่าข้อสังเกตของซีรีส์เรื่องนี้หลักๆ เลยก็คือมันอาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับผู้ชมทุกประเภทแต่อย่างใด
ตัวอย่างซีรีส์ OZARK SEASON 4
รีวิวซีรีส์ OZARK SEASON 4 บางส่วนจาก playinone
บทสรุปทั้งหมดของเรื่องราวนั้น ต้องบอกได้เลยว่าครบทุกรสชาติ เข้มข้นทุกตอน บทพูกเฉียบคมทุกครั้งที่ตัวละครเปิดปากคุยกัน ยกให้เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ดีที่สุดในยุคนี้ไม่ถือว่าเกินไปเลย เพราะมันดีมากจริงๆ แม้มันอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบในตอนจบ แต่มันทำให้เราฉุกคิดถึงความเรียลเสียจนรู้สึกขนลุกในจุดนี้เลย Ozark Season 4 Part 2 ครึ่งหลังของซีรีส์สุดเข้มข้นที่ดำเนินมายาวกว่า 5 ปี 4 ซีซั่น ได้ปิดม่านลงแล้ว กับความเข้มข้น ลุ้นระทึก กดดัน คาดเดาไม่ได้ และการันตีได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอดผลงานบน Netflix ที่ควรจะดูให้ได้จริงๆ ถ้าชอบแนวนี้
จากจุดเล็กๆ จนบานปลาย ขยายเรื่องราวต่อยอดจากครอบครัวเบิร์ด ที่ต้องฟอกเงินให้แก๊งค์ค้ายาและหาทางเอาตัวเองออกมา กับการดิ้นรนของคนในชุมชนและตระกูลแลงมัวร์ ค่อนข้างน่าใจหายเหมือนกันที่การเดินทางของทุกตัวละครในซีรีส์เรื่องเยี่ยมนี้ได้มาถึงจุดสิ้นสุดของมันแล้ว
แรกเริ่มเดิมทีซีรีส์เรื่องนี้ถูกนำมาเปรียบเทียบกับซีรีส์ขึ้นหิ้งอย่าง Breaking Bad ว่าจะเป็นยังไง ดีกว่าหรือห่วยกว่า เพราะว่าพล็อตเรื่องคล้ายกันมาก จากครูสอนเคมีไปปรุงยาเสพติด กับพนักงานบัญชีต้องฟอกเงินให้แก๊งค์ยาเสพติดเม็กซิกัน แต่มันก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแต่ละเรื่องมีทางของตัวเองอย่างชัดเจนมากจนยากที่จะเทียบกันได้ เพราะว่ามันเป็นสุดยอดผลงานซีรีส์ทั้งคู่จริงๆ การันตีด้วยรางวัลมากมาย ทั้งนักแสดงและผู้กำกับที่ได้รับจากเรื่องโอซาร์ก
ตั้งแต่ซีซั่นแรกนั้น เราจะเห็นสองครอบครัวที่ค่อนข้างจะผุๆ พังๆ แต่อยู่คนละชนชั้น เหมือนป็นภาพสะท้อนของชีวิตจริง อย่างครอบครัวเบิร์ดคือคนชนชั้นกลางที่พยายามดิ้นรนเอาตัวรอด ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามดึงครอบครัวให้เป็นปึกแผ่นและก้าวผ่านปัญหาไปให้ได้ อีกด้านหนึ่งคือครอบครัวแลงมัวร์ อยู่บ้านรถเทรลเลอร์โทรมๆ ข้างทะเลสาบ พยายามหาทางดิ้นรน หาทางเอาตัวรอดตามวิถีคนชนชั้นล่าง และรักษาครอบครัวของพวกเขาเอาไว้ แต่ทั้งสองครอบครัวที่เหมือนจะต่าง แต่กลับมีอะไรคล้ายๆ กันนี้ต้องมาร่วมมือกัน มันเลยเกิดเป็นความบันเทิงและโกลาหลในแบบที่เราคาดเดาไม่ได้
ความคาดเดาไม่ได้ในเรื่องนี้มันคือสิ่งที่ทำให้ผู้คนติดพัน อยากจะดูเรื่องนี้ต่อว่ามันจะลงเอยยังไง ดำเนินไปทิศทางไหน เพราะทุกสิ่งที่เราคิดตามไปกับเรื่อง มันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแบบไม่ให้ทันตั้งตัว คนนี้จะหักหลังคนโน้น หรือคนนั้นจู่ๆ เกิดบ้าขึ้นมาเลยเอาปืนยิงตัวละครสำคัญหน้าตาเฉยจนเกิดเป็นเหตุการณ์และปัญหาใหม่ ที่ทำให้ครอบครัวเบิร์ดต้องคอยตามล้างตามเช็ด ในสิ่งที่พวกเขาก่อไว้และไม่ได้ก่ออยู่เรื่อย
สิ่งที่เป็นจุดเด่นและทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เป็นมาสเตอร์พีชได้ นอกจากบท ก็คือเหล่าตัวละครต่างๆ ที่มีพัฒนาการและเหมือนเป็นภาพสะท้อนของคนแทบทุกรูปแบบ มันเลยทำให้ทุกๆ ส่วนของซีรีส์ เราสามารถที่จะอิน และร่วมรู้สึกไปกับพวกเขาได้ง่ายมาก และการพัฒนาการของแต่ละคนก็น่าสนใจมาก เพราะนักแสดงหลักอย่าง Jason Bateman ที่นั่งแท่นทั้งผู้กำกับและนักแสดงนำเองก็ได้รับทั้งรางวัลเอมมี่ สาขานักแสดงชายและสาขาผู้กำกับจากเรื่องนี้ และ laura linney ที่เป็นภรรยาก็เป็นนักแสดงระดับลูกโลกทองคำ การแสดงมันเลยสื่อถึงตัวละครที่มีหลากหลายมิติออกมาได้ โดยเฉพาะฉากระเบิดอารมณ์ต่างๆ ในซีซั่นสุดท้ายนี้ต้องบอกเลยว่าทำให้รู้สึกขนลุกจริงๆ
เพราะทุกการพัฒนาตัวละครหลัก ถ้าหากเปรียบเทียบกับ breaking bad ก็จะเปลี่ยนจากดีเป็นค่อยๆ เลว แต่กลับกันซีรีส์เรื่องนี้จะพัฒนาตัวละครไปในอีกรูปแบบหนึ่ง คือเป็นคนที่สีเทาๆ อยู่ตรงกลาง ทำดีด้วยถ้าตัวเองได้ประโยชน์อยู่แล้ว มันจะไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากที่เห็นตั้งแต่ซีซั่นแรกจนมาซีซั่นสุดท้าย มันเหมือนเป็นการเปิดเผยก้นบึ้งในจิตใจลึกๆ ของตัวละครออกมาทีละเปลาะมากกว่า เพราะการเจอปัญหาแต่ละครั้งในเรื่องนี้นั้น คือการนำเอาผลลัพท์ที่ดี ที่อาจจะสร้างอีกปัญหา มาโปะกองทับถมกันไปเรื่อยๆ และทุกปัญหาในเรื่องนี้มันก็เสี่ยงและกดดัน ไม่รู้เลยว่าตัวละครไหนจะอยู่หรือตาย กลายเป็นคนสุดท้ายที่สามารถรอดพ้นจากเรื่องราว การฆาตกรรม อาชญากรรม ความโกลาหลพวกนี้ไปได้
ในพาร์ทสุดท้ายของซีซั่น 4 เนื้อเรื่องกดดันกว่าที่ผ่านๆ มา เพราะมันเป็นช่วงสุดท้ายแล้ว ดังนั้นปัญหาต่างๆ ที่ประเดประดังจะถาโถมทุกตัวละครไม่หยุด จนแทบไม่ได้พักหายใจ และมีการนำตัวละครเก่าๆ กลับมามีบทบาทอีกครั้ง อารมณ์เหมือนกับไม่ได้เจอเพื่อนเก่าที่เจอกันมานาน แต่จะมาดีหรือมาร้ายคงต้องไปลุ้นกันเอาเอง
โดยหลักๆ ก็จะเป็นเรื่องราวของรูธ แลงมัวร์ กับครอบครัวเบิร์ด ที่ดำเนินมาขนานกัน เพราะเมื่อทั้งสองมาป๊ะกันเมื่อไหร่ แทบจะเรียกได้ว่าฉิบหายเมื่อนั้นทุกคราไป ถ้าหากเปรียบมาร์ตี้ เบิร์ด เป็นวอลเตอร์ไวท์ รูธแลงมัวร์ก็คือ เจสซีพิงค์แมน ที่เป็นอาจารย์ลูกศิทย์กัน มีความห่วงใยกัน คอยช่วยเหลือกัน และแทบจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่งจริงๆ
อีกด้านก็คือเรื่องราวของแก๊งค์นาวาร์โรกับการขึ้นมาสืบทอดอำนาจ และดีลลับๆ กับรัฐบาลที่ซับซ้อนและวุ่นวาย หักเหลี่ยมเฉือนคมกันไปมา และในเมื่อมันเป็นพาร์ทสุดท้าย หลายๆ ปมปัญหามันจบลงด้วยโศกนาฏกรรม ซึ่งฉากจบนั้นเรียกได้ว่าจบได้โอเคสำหรับเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ อาจจะไม่ได้เพอร์เฟค แต่ถ้ามองย้อนถึงการเดินทางผ่านเรื่องราวหลายๆ อย่าง จนมาถึงจุดนี้ได้ ต้องบอกเลยว่าสมแล้วที่ได้รับรางวัลหลากหลายสาขา