Belle เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง
ต้องสารภาพตรงๆ เลยว่า…แทบจะไม่มีข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับหนังอนิเมะญี่ปุ่น แต่เห็นแค่เพียงว่าเป็นหนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังแอนิเมชั่นที่ได้รับเสียงชื่นชมมากๆ ในรอบปีที่ผ่่านมา อีกทั้งยังถูกวางตำแหน่งเอาไว้ให้ตัวเต็งบนเวทีรางวัลต่างๆ รวมทั้ง รางวัลออสการ์ อีกด้วย และในที่สุด “Belle” (เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง) ก็ได้ฤกษ์ลงโรงฉายในเมืองไทย และเมื่อได้มาพิสูจน์กับตาและหูของตัวเอง ก็พบว่าหนังอนิเมะเรื่องนี้…ว้าวจริงๆ
Belle เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง เป็นเรื่องราวของเด็กนักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลายที่ชื่อว่า สึสึ เธออาศัยอยู่ที่บ้านพักนอกเมืองกับพ่อ ที่เมื่อเติบใหญ่มาเธอก็ไม่ค่อยจะสนิทกับพ่อสักเท่าไหร่นัก สึสึได้แตกต่างไปจากวัยเด็กเป็นอย่างมาก เพราะจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เธอใช้ชีวิตเหมือนหลบเงาตัวเองอยู่เสมอ
จนกระทั่งเธอได้รู้จักและพาตัวเอาไปสู่ U โลกเสมือนจริงที่เป็นโซเซียลโด่งดังที่นิยมไปทั่วโลก อีกตัวตนของเธอในโลกออนไลน์ที่ชื่อว่า “เบลล์” ได้ทำการปลดล็อกตัวเองภายในเงาเสียงและเปล่าเสียงร้องที่ทำให้คนทั่วโลกต้องหลงใหลในน้ำเสียงของเธอ…
นี่คือผลงานชิ้นใหม่ล่าสุดของผู้กำกับชื่อดัง “มาโมรุ โฮโซดะ” (จาก The Boy and the Beast หรือ Summer Wars) ที่คงต้องยอมรับว่า…แทบไม่เคยมีโอกาสได้ดูผลงานของเขาเลย แต่กระนั้นก็เคยเสพผลงานของผู้กำกับรายนี้เพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือ Mirai หนังอนิเมะเรื่องก่อนหน้านี้ (ที่คุณสามารถเช่าชมได้ที่ทรูไอดีด้วยนะ) ยังคงจำเอกลักษณ์-ลายเส้นและการเล่าเรื่องสไตล์ของเขาค่อยข้างได้ดี
มาโมรุ โฮโซดะ ยังรับหน้าที่เขียนบทหนังเรื่องนี้เองด้วย และนี่คือก็องค์ประกอบที่น่าประทับใจอีกสิ่งหนึ่งของหนังเรื่องนี้ เพราะ Belle กลายเป็นหนังที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นของบท ถึงแม้ว่าจะมีการหยิบขึ้นมาเล่นอยู่หลายประเด็นไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น การเติบโตของเด็กสาว, ชีวิตครอบครัวที่หักเห, ความรุนแรงภายในครอบครัว และการใช้สื่อโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน
แต่เพื่อองค์ประกอบต่างๆ ได้มารวมเอาไว้เป็นหนัง Belle เรื่องนี้ ปรากฏว่ากลายเป็นหนังอนิเมะแฟนตาซีที่ผสมผสานความเป็นมิวสิคัลดราม่าที่ซาบซึ้งและกินใจเป็นอย่างมาก ผู้ชมได้ดื่มด่ำกับเรื่องราวและท้องทำนองเพลงเพราะๆ ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงเต็มของหนัง นับว่าเส้นเรื่องที่ค่อนข้างแข็งแรงของ Belle เรื่องนี้เป็นจุดเด่นที่ทำให้หนังแทบจะไม่น่าเบื่อเลย
หนังเรื่องนี้มีการใส่สัญลักษณ์เอาไว้เป็นนัยแบบผิวเผินแต่กลมกล่อมดี โดยเฉพาะการเอาโครงสร้างของเทพนิยาย Beauty and the Beast เข้ามาใส่เป็นอุปมาอุปมัยเอาไว้ นับว่าเป็นการใส่เชิงสัญลักษณ์ที่มีความเป็นสากลดี และการเปรียบเทียบนี้ก็ไม่ได้เข้าไปแตะต้องเกี่ยวกับเทพนิยายต้นฉบับอะไรเลย และหนังก็คงความเอกลักษณ์ในตัวเองได้ค่อนข้างเต็มเปี่ยม
แน่นอนว่าอีกหนึ่งไฮไลต์เด่นของ Belle ก็คือเพลงประกอบภาพยนตร์ ที่ต้องบอกว่า…ไพเราะทุกเพลงในหนังเรื่องนี้ แค่เพลงแรกที่โหมโรงเปิดฉากแรกของหนังก็มัดใจผู้ชมได้อยู่หมัด เพลงที่มีความป็อปร็อกสไตล์ญี่ปุ่นกลายเป็นความลงตัวที่สร้างอนุภาพและทำหน้าที่ส่งข้อความของหนังถึงผู้ชมได้เป็นอย่างดี เพราะเนื้อหาแก่นแท้ของแต่ละเพียงนั้น เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้งที่กินใจ
ในขณะที่งานสร้างและการออกแบบหนังแอนิเมชั่นนั้น ก็ยังคงสไตล์ของมาโมรุ โฮโซดะได้เป็นอย่างดี กับลายเส้นที่เรียบง่ายแต่งดงาม เป็นอนิเมะภาพวาดเชิง 2 มิติแต่ได้เพิ่งอีกมิติเข้าไปอย่างลงตัว การออกแบบโลกของ U ที่ดีไซน์ออกมาแค่ง่ายๆ ไม่ได้ดูสวยตระการตาสักเท่าไหร่ แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าสนใจเป็นอย่างดี
เอาเป็นว่า Belle เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง ได้กลายเป็นหนังอนิเมะญี่ปุ่นที่ดีที่สุดในรอบปีของผู้เขียนไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ประหลาดใจเลยว่าทำไมหนังถึงได้รับเสียงชื่นชมและเป็นตัวเต็งเวทีรางวัลต่างๆ เพราะองค์ประกอบที่ออกมานั้นคือความน่าหลงใหล กับข้อความของหนังที่หนักแน่นมากๆ และสามารถแตะถึงได้ในทุกประเด็นของแข็งแรง นี่จึงเป็นหนังดีๆ อีกเรื่องที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาดชมเลยจริงๆ
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Belle เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง
- ประเภท: แอนิเมชั่น / แฟนตาซี / มิวสิคัล
- ผู้กำกับ: มาโมรุ โฮโซดะ
- ให้เสียงพากย์โดย: คาโฮะ นากะมูระ, เรียว นาริตะ, โชตะ โซเมะตานิ, ทินะ ทามะชิโร
- ความยาว: 121 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 20 มกราคม 2022 (ในโรงภาพยนตร์)
Movie.TrueID METRIC: Belle เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (9/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - ออกแบบงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (9/10)
————————————-