Category: รีวิวหนัง

Double Impact หนังบู๊เมื่อวันวานของ Jean-Claude Van Damme โดยเรื่องนี้เขารับบทเป็นฝาแฝดด้วยครับ คนหนึ่งชื่ออเล็กซ์ ส่วนอีกคนชื่อแชด พ่อแม่ของพวกเขาถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมตอนพวกเขายังแบเบาะ ครั้นพอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาก็ได้ทราบถึงความแค้นนี้ เลยร่วมมือกันจัดการกับเหล่าร้ายที่ฆ่าพ่อแม่เสียให้สิ้น ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่ในช่วงสร้างชื่อของ Van Damme ครับ และหนังก็ประสบความสำเร็จไม่น้อย โกยไป $30 ล้าน (จากทุนราว $15 ล้าน) แต่ถ้าว่ากันถึงตัวหนังแล้ว ความสนุกลื่นไหลถือว่ายังไม่เยอะครับ ที่แน่ๆ คือฉากบู๊ของ Van Damme ถือว่ามีไม่เยอะ นี่ขนาดเขารับบทเป็นฝาแฝดแล้วนะครับ แต่กลายเป็นว่าคิวบู๊มันส์ๆ ยังมีไม่เยอะสักเท่าไร ส่วนใหญ่แล้วเวลาในหนังก็จะใช้ไปกับฉากสนทนาเจรจา ระหว่างพวกพระเอกบ้าง พวกผู้ร้ายบ้าง…

ตอนดูตัวอย่างและอ่านเนื้อเรื่องของ Welcome to Sudden Death ก็รู้สึกเอะใจขึ้นมานิดนึงครับ เพราะพล็อตมันเหมือน Sudden Death หนังบู๊ปี 1995 ของ Jean-Claude Van Damme เลยนี่หน่า พอค้นข้อมูลเพิ่มก็ทราบความจริงครับ สรุปเรื่องนี้เป็นการรีเมคมาจาก Sudden Death นั่นแหละ ตัวเอกคือ รปภ. สนามกีฬานามว่า เจสส์ (Michael Jai White) ที่วันนี้เขาพาลูกๆ 2 คนมาดูการแข่งบาสเกตบอลด้วย แต่ทีนี้ดันมีผู้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งบุกมาจับตัวบุคคลสำคัญรวมถึงลูกของเขาเอาไว้ครับ เจสส์เลยต้องลุยกับพวกมัน พูดแบบไม่อ้อมค้อม Sudden Death ฉบับ Van Damme สนุกกว่าเยอะครับ แอ็กชันมันส์กว่า ความลุ้นระทึกมากกว่า…

Roommates ว่าด้วยเรื่องของคุณปู่ร็อคกี้ โฮเลเช็ค (Peter Falk) ที่แม้ตัวจะแก่แค่ไหนแต่ใจก็ยังหนุ่มอยู่เสมอ เขารับอาสาเลี้ยงดูหลานชายนามว่าไมเคิล (D.B. Sweeney) หลังจากที่พ่อแม่ของไมเคิลจากโลกนี้ไป หนังก็บอกเล่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณปู่กับคุณหลานตั้งแต่ตอนไมเคิลยังเล็ก เรื่อยไปจนถึงตอนโตเป็นหนุ่ม ทำงานทำการและแต่งงานมีลูกมีเต้า ซึ่งถ้าให้ว่ากันแบบไม่อ้อมค้อมแล้วหนังจัดว่าเรื่อยๆ ครับ ความน่าติดตามยังไม่มาก ความซาบซึ้งยังไม่เยอะ จริงๆ หนังมีองค์ประกอบที่ดีนะครับ โดยเฉพาะเรื่องคาแรคเตอร์ของแต่ละตัวละคร อย่างปู่ร็อคกี้เป็นคนที่ผ่านอะไรมาเยอะ มีอาชีพเป็นคนทำขนม แต่แม้จะแก่แค่ไหนก็ไม่ยอมงอมืองอเท้า ยังพยายามหางานทำและพึงพาตนเอง ชนิดที่ต่อให้ต้องจ้างทนายมาว่าความให้เพื่อให้ได้ทำงานก็ยอม (ประมาณว่าไม่มีใครรับคนชราอย่างเขาทำงานครับ ปู่แกเลยจ้างทนายมาช่วยซะเลย) และที่ลืมไม่ได้คือกิจวัตรที่จะต้องทำคุกกี้ทุกวันอาทิตย์ อันเป็นช่วงเวลาที่เขาตั้งใจจะใช้เพื่อสานสัมพันธ์ในครอบครัว ตั้งแต่รุ่นหลานไปยันรุ่นเหลน ผมว่าหนังโปรยรายละเอียดเหล่านี้ไว้ได้ไม่เลวครับ…

Tales from the Hood 2 ภาคต่อของหนังแนวรวมเรื่องสั้นสยอง in 1 ที่กลับมาพร้อมกับมิสเตอร์ซิมส์ (Keith David) นักเล่าเรื่องเจ้าเก่าเช่นเคยครับ หนนี้เขาถูกเชิญมาโดย ดูมัส บีช (Bill Martin Williams) ที่ต้องการให้มิสเตอร์ซิมส์มาเล่าเรื่องสยองเกี่ยวกับอาชญากรรมและการฆาตกรรมเพื่อที่เขาจะได้ให้ทีมงานบันทึกเรื่องพวกนี้ลงในหน่วยความจำของระบบปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ล่าสุด และนี่คือเรื่องที่มิสเตอร์ซิมส์เล่าครับ… ตอนที่ 1 Good Gollyออเดรย์ (Alexandria DeBerry) และโซ (Jasmine Akakpo) 2 เพื่อนสาวเดินทางไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์คนผิวสี…

ชายคนหนึ่ง (Tony Todd) อุ้มสาวน้อย (Sage Arrindelle) หนีไปซ่อนตัวจากอะไรบางอย่างที่ชายคนนั้นนิยามว่าเป็น “สิ่งชั่วร้าย” พวกเขาไปซ่อนกันที่อาคารร้างหลังหนึ่ง แต่ด้วยความกลัวทำให้สาวน้อยร้องขอให้ชายคนนั้นเล่านิทานให้เธอฟัง ทว่าชายคนนั้นปฏิเสธ สาวน้อยเลยขอเป็นฝ่ายเล่านิทานแทน… ตอนที่ 1 Ruby Gatesเดวิด เบอร์ (London Brown) ต้องการจะรื้ออพาร์ตเมนต์เก่าของเขาเพื่อเปลี่ยนเป็นคอนโดหรูราคาแพง แต่ครอบครัวแบรดฟอร์ดไม่ยอมย้ายออกเนื่องจากลูกชายของพวกเขาเป็นมะเร็งและกำลังทำการบำบัดอยู่ ในที่สุดเดวิดก็เลยจ้างโจรโรคจิตนามว่ามิคกี้ (Arne MacPherson) ไปเผาตึกครับ และผลลัพธ์ก็คือมีคนตาย หลังจากนั้น เดวิดก็เริ่มได้รับโทรศัพท์แปลกๆ… ปลายสายโทรมาจากอพาร์ตเมนต์ที่เขาเผานั่นแหละ! ตอนที่ 2…

มาสู่อีกหนึ่่งเรื่องราวการผจญภัยล้ำจินตนการระหว่างโลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยอสูรใหญ่ยักษ์ และนี่คือ “The Sea Beast อสูรทะเล” หนังแอนิเมชั่นออริจินัลเรื่องล่าสุดของเน็ตฟลิกซ์ ที่ถือว่าเป็นหนังการ์ตูนที่มาพร้อมกับพล็อตสูตรสำเร็จแต่เข้มข้นชวนติดตาม มาพร้อมกับเทคนิคงานสร้างและการสร้างสรรค์ออกแบบที่สมจริงน่าขนลุก นับว่าเป็นหนังที่อยู่นอกสายตาผู้ชมไม่น้อยทีเดียว The Sea Beast ทะเลอสูร เป็นเรื่องราวในยุคที่อสูรน่าสะพรึงกลัวเพ่นพ่านอยู่ทั่วท้องทะเล เหล่านักล่าสัตว์ประหลาดต่างได้รับการยกย่องให้เป็นฮีโร่ และสุดยอดฮีโร่ผู้เป็นขวัญใจของใครๆ ก็คือ เจค็อบ ฮอลแลนด์ แต่เมื่อเด็กน้อย เมซี่ แบรมเบิล แอบขึ้นเรือในตำนาน เขาจึงต้องเจอกับพันธมิตรที่ไม่คาดคิด ทั้งคู่จะออกเดินทางครั้งสำคัญสู่น่านน้ำที่ไม่มีใครเคยไปและร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ นี่คือผลงานล่าสุดของอดีตลูกศิษย์จาก วอลต์ ดิสนีย์ อย่าง “คริส วิลเลียมส์”…

ถ้าหากว่าปีที่แล้ว..เราเคยสะดุ้งไปกับความหลอนของไทยสุดสะพรึง อย่าง “ร่างทรง” มาแล้ว มาในปีนี้เรามาเผชิญหน้ากับความเร้นลับและหลอนชวนสะอิดสะเอียนจากไต้หวัน นี่คือ “Incantation มนตรา” หนังสยองขวัญที่ถล่มรายได้บนบ็อกซ์ออฟฟิศเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา นี่คือหนังสยองที่มาแนววิดีโอฟุตเทจที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไรแล้ว แต่มีทีเด็ดในสตอรี่และการเล่าเรื่องนี้ที่เขย่าขวัญผู้ชมได้ดีในชั่วโมงสุดเฮี้ยน!   Incantation มนตรา เป็นเรื่องราวของ หลี่รู่หนาน คุณแม่ยังสาวที่กำลังเผชิญหน้ากับการสูญเสียลูกสาวของตัวเอง จากคำสาปมนตราที่เธอเองก็ยังไม่มีความรู้ ดังนั้นเธอจึงเริ่มต้นที่จะบันทึกภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเอาไว้ เป็นหลักฐานและข้อมูลที่เกิดขึ้นกับเธอกับลูกเอาไว้ เพื่อแชร์ให้กับผู้ที่สนใจได้ศึกษา แม้ว่าเธอจะยังไม่รู้อนาคตเช่นเดียวกันว่า ลูกสาวกับเธอจะรอดปลอดภัยได้หรือไม่ ก่อนอื่นใด…ด้วยความหวังดีถึงคุณผู้อ่านและผู้ที่อยากดูหนังเรื่องนี้ทุกคน ถ้าหากว่าคุณมีอาการหวาดกลัว (Phobia) อะไรต่าง ๆ สารพัดอยู่แล้ว อยากจะแนะนำว่าไม่ควรดูหนังเรื่องนี้ก็ได้…

High Flying Romance หรืออีกชื่อว่า Kite Festival of Love เป็นหนังรักหวานๆ ลงสูตรครับอีกเรื่องที่เหมาะแก่การดูเพื่อความสบายใจและผ่อนคลายครับ เกวิน แมคควีน (Christopher Russell) ชายหนุ่มที่สูญเสียภรรยาไป เขาจึงตัดสินใจพา ปาร์กเกอร์ (Amélie Will Wolf) ลูกสาวตัวน้อยกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด แล้วเขาก็ได้พบกับ แฮนนาห์ อดัมส์ (Jessica Lowndes) โดยบังเอิญระหว่างกำลังจะสมัครลงแข่งในเทศกาลว่าวประจำปี หลังจากนั้นก็คงพอจะเดาได้น่ะนะครับว่าเกวินกับแฮนนาห์ก็จะมีโอกาสได้เจอกันบ่อยๆ จนในที่สุดความรักก็เริ่มก่อตัว เป็นหนังรักเบาๆ ที่ดูได้เรื่อยๆ ครับ เคมีของพระนางก็ถือว่าเข้ากันได้ไม่เลว…

ไม่ว่า Eraser: Reborn จะเป็นภาคต่อหรือรีบูทก็ตาม สิ่งหนึ่งที่บอกได้แบบเต็มปากเต็มคำคือหนังไม่น่าจดจำสักเท่าไรครับ หนังเอาโครงมาจากภาคแรกแบบเต็มๆ เปิดมาก็แนะนำเจ้าหน้าที่เมสัน พอลลาร์ด (Dominic Sherwood) ที่ภารกิจหลักของเขาคือลบตัวตนของพยานที่ถูกหมายหัว และพยานรายล่าสุดที่เขาต้องดูแลก็คือ รีน่า คิมูระ (Jacky Lai) แต่แล้วก็มีหนอนในองค์กรครับ เมสันกับรีน่าเลยต้องจับมือกันหาทางเอาตัวรอดมาให้ได้ สภาพของหนังก็เหมือนกับ Deep Blue Sea 2 น่ะครับ ที่เอาเนื้อเรื่องภาคแรกมาเล่าใหม่ หลายฉากนี่แทบจะถอดกันออกมาเลย เนื้อเรื่องเหมือน การลำดับเรื่องก็เหมือน เปิดเรื่องเหมือน กลางเรื่องเหมือน ฉากไคลแม็กซ์ตอนสู้กันก็ไปลงเอยที่ท่าเรือ เหมือนภาคแรกเป๊ะ…

และก็มาถึงหนังลำดับที่ 29 ของจักรวาลหนังมาร์เวล กับการกลับมาอีกครั้งของเทพเจ้าสายฟ้าที่เรารักใน “Thor: Love and Thunder” การกลับมาสู่หนังเดี่ยวของตัวเองอีกครั้ง ที่นับว่าเป็นภาคที่ 4 ที่ก็แอบประหลาดใจไม่น้อยที่ยังมีโอกาสได้สานต่อและเฉิดฉายเป็นของตัวเองได้อยู่ กับทีมงานและนักแสดงที่คุ้นเคย นี่คือจึงเป็นเหมือนการชมมหรสพฟอร์มใหญ่ที่โบ๊ะบ๊ะจัดเต็ม…ตั้งแต่นาทีแรก Thor: Love and Thunder เล่าเรื่องราวภารกิจในการค้นหาความสงบสุขภายในของ ธอร์ แต่การเกษียณของเขาถูกรบกวนโดยนักฆ่าข้ามจักรวาลนามว่า กอร์ นักเชือดเทพเจ้า ผู้แสวงหาการสูญพันธ์ของเทพเจ้าทั้งมวล เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามนี้ ธอร์ควานหาความช่วยเหลือจาก ราชาวัลคีรี่, คอร์ก และแฟนเก่าของเขา เจน ฟอสเตอร์ ผู้ที่ทำให้ธอร์ตกใจตาค้าง เมื่อเธอกำลังถือครองค้อนโยเนียร์ของเขา ในฐานะของ เดอะ ไมตี้ ธอร์ อาจจะต้องออกตัวก่อนเลยว่า…