Category: รีวิวหนัง

Scary Stories to Tell in the Dark เรื่องนี้ใช้ได้เลยครับ เป็นหนังสยองแนวไขปริศนาล้างคำสาปบวกด้วยหนังสยองเรื่องสั้น (เพราะแต่ละตัวละครก็จะเจอเรื่องสยองเฉพาะตัวกันไป) เรื่องของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่แอบเข้าไปในบ้านผีสิงประจำเมืองในวันฮาโลวีน แล้วหนึ่งในนั้นก็ไปเจอสมุดบันทึกรวมเรื่องเล่าเขย่าขวัญ จากนั้นเธอก็ติดมือนำมันกลับมาบ้าน แล้วเรื่องน่ากลัวก็เกิดครับ เมื่อมีเรื่องสยองผุดขึ้นมาตามหน้ากระดาษที่ว่างอยู่ และเรื่องเหล่านั้นก็มีชื่อพวกเขาเป็นตัวละครด้วย พวกเขาเลยต้องแข่งกับเวลาหาทางหยุดยั้งเรื่องนี้ให้ทันก่อนพวกเขาจะโดนเล่นงานทั้งหมด ถ้าให้นิยามก็เหมือนเอา The Ring มาเจอกับ It แล้วบวกด้วย Tales From the Crypt น่ะครับ ประมาณนั้นเลย แล้วหนังก็ทำออกมาได้เข้าท่าพอตัวครับ ครบเครื่องสำหรับหนังสยอง มีความน่ากลัว ตื่นเต้น และบรรยากาศชวนผวาครบถ้วน แต่บอกก่อนว่าดีกรีความสยองในเรื่องจะไม่ถึงกับหนักมากครับ ไม่ถึงขั้นแหวะแต่อย่างใด เรียกว่าอยู่ในระดับที่คอหนังสยองดูได้แบบเพลินๆ…

ตอนได้ข่าวว่าจะมีการทำภาคใหม่ของ Critters หรือ กลิ้ง งับ งับ นี่ผมดีใจนะครับ เพราะเป็นแฟนหนังชุดนี้มาตั้งแต่เด็ก น่าจะถิือเป็นหนังแนวสยองเรื่องแรกๆ ที่ผมดูเลยล่ะครับ เพราะตอนยังเด็กนั้นผมก็ยังกลัวที่จะดูหนังสยอง แต่ด้วยความที่หนังชุดนี้มันสยองไม่มากก็เลยกล้าลองหยิบมาดู จำได้เลยว่าดูภาค 3 เป็นตอนแรก แล้วก็มาตามดูภาคอื่นๆ จนครบ สมัยเด็กนี่ชอบมากครับ ครั้นพอโตขึ้นความชอบก็ค่อยๆ ลดปริมาณลงตามวัย จนตอนนี้ก็อาจจะไม่ได้ชอบมากเท่าสมัยก่อน แต่ถ้าถามว่าอยากเอามาดูอีกไหม ก็ตอบได้เลยว่าถ้ามีโอกาสก็อยากเอามาดูอีก มันสนุกดี และยังเป็นการระลึกถึงวันเก่าๆ ที่เข้าท่าอีกด้วย แต่กระนั้นก่อนจะเอาภาคนี้มาดูผมก็เผื่อใจน่ะนะครับ เพราะหนังสยองยุคใหม่ๆ นี่ความอร่อยมันไม่เหมือนยุค 80 – 90 ยิ่งพวกหนังรีเมคนี่ก็เจอไปหลายเรื่องเลยครับที่ความอร่อยมันสู้ของเก่าไม่ได้ และกับเรื่องนี้…

Wheel of Fortune and Fantasy ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในรอบปีที่ผ่านมา สปอตไลต์ได้ส่องไปที่วงการหนังญี่ปุ่นเป็นพิเศษ เพราะการร่ายมนตร์ในผลงานของผู้หนุ่มชาวญี่ปุ่นที่กำลังมาแรง อย่าง “ริวสุเกะ ฮามะกุชิ” ที่ส่งผลทำให้ “Drive My Car” ผลงานหนังดราม่าบาดจิตของเขาได้มุ่งตรงเข้าชิงรางวัลออสการ์ได้อย่างประสบความสำเร็จ แต่กระนั้น..รู้หรือไม่ว่า เขาก็ยังมีอีกหนึ่งผลงานที่ส่งออกฉายในปีเดียวกัน แม้ว่ากระแสจะเบากว่าแต่ความดีงามไม่ลดหลั่งเลย นั่นก็คือ “Wheel of Fortune and Fantasy” (วงล้อแห่งโชคชะตาและฝันหวาน) อีกหนึ่งผลงานโดดเด่นที่ผู้กำกับริวสุเกะ ในปี 2021 ที่ต้องยกนิ้วให้เช่นเดียวกัน สำหรับผลงานอย่าง Wheel of Fortune…

Memoria เมมโมเรีย ฟีดแบกคนดูหนัง Memoria เมมโมเรีย – ได้ฤกษ์ลงโรงฉายในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ สำหรับผลงานชิ้นล่าสุดของผู้กำกับชาวไทยที่สร้างตำนานไปทั่วโลกอย่าง “เจ้ย-อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล” ที่ได้นำเอา “Memoria” หนังเรื่องแรกที่เหวี่ยงหนีจากเรื่องราวไทยๆ สู่มุมมองอีกฟากโลกถึงโคลอมเบีย ที่กลายมาเป็นความสำเร็จอย่างล้นหลามอีกครั้ง นับตั้งแต่เปิดตัวออกอากาศที่เทศกาลเมืองคานส์ปีที่แล้ว และเมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) Common Move ในฐานะผู้คือครองสิทธิ์หนังในการจัดจำหน่ายออกฉายในเมืองไทย ได้ฤกษ์จัดงานรอบพรีเมียร์และรอบสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกของเมือง ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ซินีม่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด โดยมีเซอร์ไพรส์เป็นการปรากฏตัวเป็นๆ ของผู้กำกับ เจ้ย อภิชาติพงศ์ พร้อมกับนักแสดงนำ “ทิลด้า สเวนตัน” ที่เดินทางมาร่วมงานปฐมทัศน์หนังครั้งแรกในเมืองไทยอย่างน่าประทับใจ สำหรับกระแสตอบรับของหนัง Memoria ในหมู่คอหนังชาวไทยกลุ่มแรกนั้น…

The Librarians เริ่มต้นจากการเป็นหนังสำหรับฉายทีวีครับ ทำออกมา 3 ภาคโดยมี Noah Wyle แสดงเป็น ฟลินน์ คาร์เซ่น ยอดบรรณารักษ์ที่มีหน้าที่ปกป้องสมบัติมหัศจรรย์ทั่วโลก และล่าสุด The Librarians ก็ถูกสานต่อในรูปแบบซีรี่ส์ครับ ซึ่งปี 1 ก็ทำออกมาได้สนุกสนาน ดูแล้วไม่ผิดหวังทีเดียว โดยฉบับซีรี่ส์ในปีแรกนี้ บทของฟลินน์กลายเป็นบทสมทบครับ ส่วนตัวเอกก็กลายเป็นเหล่าบรรณารักษ์รุ่นใหม่อย่าง เจค สโตน (Christian Kane), แคนแซนดร้า ซิลเลียน (Lindy Booth) และ เอเซคีล โจนส์ (John…

แจ็ค เคลลี่ย์ (Lorenzo Lamas) กับมาอีกครั้งเป็นคำรบ 3 โดยเขาได้รับการว่าจ้างให้ไปตามสืบหาแก๊งมอเตอร์ไซค์วายร้ายที่ชื่อ เฮลส์ฟิวรี่ ที่ก่อกรรมชั่วทั้งปล้น ฆ่า ค้ายา และข่มขืน โดยส่วนตัวผมว่าภาคนี้เข้าท่าสุดในบรรดา 3 ภาคครับ หนังใช้งานเสน่ห์ของ Lamas ได้ค่อนข้างดี และแอ็กชันก็ถือว่าพอกล้อมแกล้มสำหรับหนังเกรดบีลงวีดีโอแบบนี้ ในขณะที่เนื้อเรื่องก็อาจจะไม่ได้ดีเด่ไปกว่าภาคแรกสักเท่าไรนัก ดาวกว่าๆ ใกล้ครึ่งครับ (4.5/10)

ผมเป็นคนที่ชอบดูหนังแนวผจญภัยครับ พวกบุกไปใต้โลก ลงไปใต้น้ำ หรือผจญถ้ำปริศนา ทีนี้พอได้มาเจอซีรี่ส์สารคดีเกี่ยวกับการสำรวจโลกใต้ดินก็เลยจัดว่าเข้าทางสำหรับผมล่ะครับ Cities of the Underworld เข้ามาฉายในบ้านเราผ่านทางช่อง Thai PBS ครับ จำได้ว่าปีแรกๆ ฉายในรายการท่องโลกกว้าง ในขณะที่ปีหลังๆ ก็มาฉายในรายการมิติโลกหลังเที่ยงคืน ผมก็ไล่ตามดูจนครบทั้ง 3 ปีน่ะครับ ก็ต้องขอบคุณ Thai PBS กับทีมงานที่นำเอาสารคดีดีๆ แบบนี้มาให้ได้ชมกันแบบครบทุกซีซั่นครับ รูปแบบของรายการก็จะเป็นการพาเราเดินทางไปทั่วโลกเพื่อสำรวจเมืองใต้ดินที่ซ่อนอยู่ใต้เมืองต่างๆ ซึ่งก็เป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจมากสำหรับผมครับ คือดูแล้วมันทึ่งจริงๆ ที่ได้เห็นโลกใต้ดินที่เกิดขึ้นจากฝีมือของมนุษย์ ใช่ครับ มนุษย์เรานี่แหละที่สร้างมันขึ้น…

หลักการดูซีรี่ส์ซิทคอมของผม ก็เหมือนการเลือกคบเพื่อนครับ นั่นคือลองคบดูสักระยะ หากคบแล้วจูนไม่ค่อยจะติด ก็ไม่เป็นไร ถือว่ารู้จักกันเอาไว้ เพียงแต่เราอาจไม่สนิทนัก แต่ถ้าจูนติดล่ะก็ ได้คบกันยาวแน่นอน ^_^ สำหรับ New Girl ปี 1 นี่ก็เข้าข่ายจูนติดในระดับหนึ่งครับ นั่นคือมีทั้งส่วนที่ติดและไม่ติด แต่จะมีปริมาณการจูนติดมากกว่าไม่ติด ก็เลยทำให้ผมพร้อมจะดูปี 2 ต่อไปอย่างแน่นอน New Girl ว่าด้วย เจสส์ (Zooey Deschanel) แม่สาวจอมต๊องที่โดนแฟนหักอกมาหมาดๆ เธอเลยไปหาที่อยู่ใหม่ที่มี 3 หนุ่มอาศัยอยู่ แล้วมิตรภาพสนุกๆ ก็เริ่มขึ้น…

เรื่องนี้อายุหลายปีแล้วน่ะนะครับ แต่ผมเพิ่งได้ดูเมื่อเช้าทางช่องหนังของ True พอเห็นมีเรื่องนี้ในตารางก็ตั้งเวลารอดูเลยล่ะครับ เพราะแนวหนังก็จัดว่าเข้าทางผมอยู่เหมือนกัน (เป็นแนวดราม่าบอกเล่าช่วงหนึ่งของชีวิตคนน่ะครับ) ดาราก็ Morgan Freeman และผู้กำกับก็คือ Rob Reiner ที่ทำหนังแนวนี้ไว้หลายเรื่องอยู่ (ไม่ว่าจะ The Sure Thing, Stand By Me, When Harry met Sally, The Bucket List และ Flipped) เรียกว่าครบองค์ประชุมน่าดูสำหรับผมเลยล่ะ เรื่องของ มอนตี้ ไวลด์ฮอร์น (Freeman) นักเขียนนิยายแนวคาวบอยที่เคยโด่งดังในอดีต แต่ตอนนี้เขาประสบปัญหาติดเหล้าจนชีวิตเคว้งคว้าง หลานของเขาก็เลยตัดสินใจพามอนตี้ไปเปลี่ยนบรรยากาศ+ตั้งศูนย์ชีวิตใหม่โดยการไปใช้ชีวิตช่วงซัมเมอร์ที่เกาะเบลล์…

จริงๆ นี่ถือเป็นหนังที่ถูกจับตามากที่สุดเรื่องหนึ่งของจักรวาล The Conjuring เลยล่ะครับ เพราะผีแม่ชีปริศนานี่โผล่มาเรียกน้ำย่อยความสยองอย่างได้ผลใน The Conjuring 2 และโผล่แว่บๆ ใน Annabelle: Creation จนทำเอาหลายคนตั้งตารอ ส่วนผลลัพธ์ที่ได้ ก็ถือว่าเป็นหนังสยองระดับกลางๆ อีกเรื่องครับ คือถ้าให้ว่ากันตรงๆ ก็คือหากเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆ ในจักรวาลแล้ว เรื่องนี้ถือว่าพอๆ กับ Annabelle ภาคแรก แต่อ่อนกว่าเรื่องอื่นๆ พอสมควร โดยส่วนตัวผมมองว่าหนังในจักรวาล The Conjuring นั้น นอกจากจะเด่นในเรื่องความขนพองสยองเกล้าแล้ว ที่เด่นอีกอย่างคือเนื้อเรื่องและตัวละครครับ กล่าวคือเนื้อเรื่องมันไม่ได้โล่งโถงจนเกินไป มันมีปมและมีรายละเอียดเพิ่มความน่าสนใจให้กับเรื่องราว แล้วก็ได้ตัวละครที่มีมิติมาเป็นตัวเดินเรื่อง ในขณะที่หนังสยองดาดๆ ทั่วไปมักจะละเลยเรื่องตัวละครและเน้นแต่จะตุ้งแช่สร้างความสยองกันท่าเดียว ปัญหาคือ The Nun ดันเดินตามรอยสูตรหนังสยองดาดๆ ที่ผมบอกนั่นแหละครับ…