The Purge: Anarchy (James Demonaco / USA / 2014) ตรรกะที่ว่าถัดจากวันล้างบาปแล้วคนที่ฆ่าคนอื่น อย่างเช่น ฆ่าเพื่อนร่วมงานวันรุ่งขึ้นเวลามันไปทำงานถ้าคนอื่นรู้มันจะทำยังไงวะ คนอื่นๆ จะไม่ระแวงว่าจะถูกมันฆ่าในปีต่อๆ ไปเหรอ? คนพวกนี้จะใช้ชีวิตในสังคมต่อไปยังไง หรือถ้าฆ่าเพื่อนบ้านวันถัดมาก็ญาติดีกันภายใต้กฎหมายที่กลับมามีผลเหมือนเดิมอย่างงั้นเหรอ? คือเรื่องราวหลังจากหนังจบมันน่าสนใจมากๆ แต่ก็ไม่ได้นำมาเล่าเหมือนเดิม ยังรู้สึกว่าถ้าหนังเล่าด้วยการสร้างโลกใหม่ไปเลยอาจจะได้ผลในเชิงตรรกะกว่านี้ก็ได้ อย่างเช่น สมมติว่าให้ผู้ล่าเป็นหุ่นยนต์ หรือเป็นมนุษย์ที่ถูกหุ่นยนต์ไล่ล่าไปเลย แต่ของเดิมมันก็ดีในเชิงจิกกัดนั่นแหละและคนดำคนขาวยังคนรวยคนจนยังถูกนำมาใช้ ยังดีที่มีสิ่งที่เพิ่มจากภาคแรกคือโปรดักชั่นที่ใหญ่มากขึ้นและการสร้างเงื่อนไขให้ตัวละครออกมาผจญภัยนอกบ้าน จากที่ภาคแรกมีแค่มุมมองคนที่ถูกล่า กลายเป็นมีทั้งสองมุมคือทั้งคนที่ถูกล่าและคนดีผู้ออกล่าที่ต้องการล้างบาปจริงๆ ไม่ได้ทำไปตามกลไกของรัฐบาลมาอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ทำให้เรื่องมีความขัดแย้งที่น่าสนใจกว่าเดิม มีกลุ่มไม่เห็นด้วยกับการล้างบาป มีการล้างบาปที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวเดียวกัน เพื่อนร่วมงาน หรือว่านักล่าที่ฆ่ากันเองโดยไม่มีเหตุผล โดยเฉพาะผลพวงที่ทำให้เกิดการซื้อขายมนุษย์ที่คนจนตกเป็นเหยื่อในการทำพิธีล้างบาปของคนรวยซึ่งแสดงออกมาในลักษณะของเกมไล่ล่าเพื่อความสนุกสนานได้เกือบจะสะใจดีแล้ว แต่การสำรวจตัวละครก็ไม่ได้ลึกล้ำมากจนดำดิ่งถึงเงามืดหรือมีมิติใหม่ๆ จากภาคแรกมากพอที่จะทำให้เราสะเทือนใจได้ ***สปอยล์*** คนทำยังประนีประนอมเช่นกันกับภาคแรกที่ให้ตัวละครเอกเป็นคนดีที่สามารถยับยั้งโทสะผดุงความยุติธรรมได้เป็นเลิศต่อไป โดยที่ไม่มีใครแหกกฎลงมือฆ่าหลังหมดเวลาล้างบาป รวมๆ แล้วสนุกดีนะ มองโดยรวมแบบทั้งเรื่องก็สมเหตุสมผลกว่าภาคแรก แต่ถ้ามองเป็นฉากๆก็มีขัดใจอยู่บ้างในบางครั้งที่ตกอยู่ในพื้นที่อันตรายอย่างไม่ระมัดระวังและการหนีรอดของตัวละครง่ายและเหมาะเจาะเกินไป รู้สึกว่ามันเล่นกับบรรยากาศอันตรายได้มากกว่านี้ ถึงแม้ตัวละครบางตัวจะชี้ชวนกวนใจให้ตกเป็นเป้าได้ตลอดเวลา และดีที่เสื้อเกาะตัวนั้นไม่ได้ถูกใช้งาน
Category: รีวิวหนัง
Naked Ambition – ซั่มกระฉูด ทะลุโตเกียว
ทะยานฝัน ไต่เต้าเธอ… ไม่ได้คาดหวังอะไรมากจาก Naked Ambition นอกเสียจากความสนุกล้นทะลักจอจากเหล่าสาวเอวีญี่ปุ่นหน้าหวานบ้องแบ๊วแน่นอก ซึ่งได้โฆษณาไว้ที่ชื่อหนังและหน้าโปสเตอร์แบบล้นทะลักไม่ต่างกับหน้าหนังอาร์เรื่องอื่นๆที่ผ่านๆมา แต่แล้ว Naked Ambition กลับให้ความสนุกและเฮฮาที่มากกว่านั้นมาก ราวกับอ่านหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นสนุกๆเล่มหนึ่งอยู่ก็ไม่ปาน “ความหน่อมแน้มที่สาวๆตามหา” เพราะพล็อตเดิมๆมันไม่ถูกใจ กลุ่มนักขายหนังเอวีใต้ดินชาวฮ่องกงแก๊งค์ตัดสินใจไปญี่ปุ่นเพื่อจ้างบริษัทผลิตเอวีผลิตหนังเรทเอ็กซ์ตามที่พวกเขาต้องการ แต่ด้วยสถานการณ์บางอย่างทำให้ ชาน (แชมป์แมน โต) นักเขียนบทที่มีประสบการณ์เซ็กที่จืดชืดอ่อนด้อยที่สุดต้องมาแสดงหนังเอวีของพวกเขาเอง และโชว์ลีลาสุดหน่อมแน้ม จนนางเอกเอวีต้องเป็นฝ่ายรุกแทน เมื่อได้สร้างความอัปยศไว้ขนาดนี้ ชานเลือกเก็บหนังเอวีไว้ส่วนตัว แต่ความลับมันมีที่ไหนกันในยุคนี้ หนังเรื่องนี้แพร่อย่างรวดเร็วในอินเตอร์เนต และได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มสาวๆ(ซะอย่างนั้น) เพราะความนุ่มนิ่มหน่อมแน้ม ปล่อยให้เหล่าสาวๆคุมเกม ทำให้สาวๆถูกใจคาแรกเตอร์นี้เป็นอย่างมาก…
Ninja Turtles – เต่านินจา
นินจาเต่าเอาใจไปเลย! [ไม่สปอล์ย] ตามวิถีแห่งผู้ฝึกตน เหล่านินจากลายพันธุ์ทั้งสี่แห่งสำนักใต้ท่อระบายน้ำใจกลางกรุงนิวยอร์คได้ทำความรู้จักและ ‘ได้ใจ’ ผู้ชมทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ไปเต็ม ทั้งที่เป็นแฟนพันธุ์ตั้งแต่สมัยเกือบยี่สิบปีที่แล้ว หรือพึ่งได้รู้จักกันคราวนี้จากภาพยนตร์เรื่อง Teenage Mutant Ninja Turtles ก็จะรักเจ้าเต่านินจาทั้งสี่ได้อย่างไม่ยากเย็น หนังแอ็คชั่นทุ่มทุนสร้างจากผู้กำกับหน้าใหม่ โจนาธาน ลีเบสแมน ที่สร้างผลงานมันส์ๆอย่าง The Texas Chainsaw Massacre – The Beginning (2006) ที่ได้โปรดิวเซอร์มือโปรด้านการระเบิดภูเขา เผากระท่อมแห่งฮอลลีวู้ดอย่าง ไมเคิล เบย์ ผู้กำกับภาพยนตร์มหากาพย์หุ่นยักษ์ถล่มโลกทรานส์ฟอร์มเมอร์ ทำให้ Teenage Mutant Ninja Turtles…
แผลเก่า – Phlae-Kao
เมื่อแผลเก่าถูกเล่าใหม่… ออกตัวล่วงหน้าว่าไม่เคยรู้เรื่องตำนานรักแห่งท้องทุ่งบางกะปิของไอ้ขวัญและอีเรียมมาก่อนแม้จะเป็นจากภาพยนตร์สมัยก่อนหรือละครก็ตาม… เป็นอีกครั้งที่ประทับใจกับภาพยนตร์ไทยที่ประณีตน้ำงาม ทั้งมีคุณค่าในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นความสุนทรีย์ทางอารมณ์ คุณค่าทางศิลปะวัฒนธรรม ทางสังคมและจริยธรรม ฟังดูอาจจะเคร่งเครียดแต่ตัวภาพยนตร์เรื่อง “แผลเก่า” ไม่ได้เสพยากเย็นอะไร ดูง่าย เพลิดเพลิน ดื่มด่ำและลื่นไหลเสียด้วยซ้ำ เคยได้ยินว่าแผลเก่าเป็นภาพยนตร์ยอดฮิตที่สร้างจากวรรณกรรมของ ไม้ เมืองเดิม หลากหลายเวอร์ชั่นมากและยังสร้างเป็นละครก็หลายครั้งหลายหน แผลเก่าเวอร์ชั่นนี้กำกับภาพยนตร์โดย หม่อมน้อย หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ผู้กำกับที่มีสไตล์โดดเด่นคนหนึ่งในประเทศไทยที่มีผลงานสร้างชื่ออย่าง “ชั่วฟ้าดินสลาย” , “อุโมงค์ผาเมือง” , “จันดารา” และยังได้นักแสดงนำที่น่ากังขาในบทบาทเด็กบ้านทุ่งอย่าง ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต และนักแสดงร้อยล้านอย่างดาวิกา โฮร์เน่ ที่เป็นลูกครึ่งเสียขนาดนี้จะเป็นไอ้ขวัญและอีเรียมในอีท่าไหน? ไม่ต้องฉงนสงสัยแต่ประการใดทุกองค์ประกอบในภาพยนตร์ทำให้ตำนานรักแห่งคลองแสนแสบ ท้องทุ่งบางกะปิน่าประทับใจ กลมกลืนผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวคือการกำกับของหม่อมน้อยนั่นเอง…
Hercules (เฮอร์คิวลีส)
Hercules (Brett Ratner / USA / 2014) B+ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็มีหนังที่หยิบเอา เฮอร์คิวลิส มายำแล้วรอบหนึ่ง ซึ่งผลตอบรับไม่ได้ดีไปกว่าเป็นหนังประดับเรื่องหนึ่งคือเรื่อง The Legend of Hercules (Renny Harlin / 2014) ที่นำแสดงโดย Kellan Lutz นักแสดงหนุ่มล่ำที่คุ้นหน้าคุ้นตามาบ้างจากบท เอ็มเม็ต คัลเลน หนึ่งในสมาชิกครอบครัวแวมไพร์ Twilight ฝ่ายธรรมะ ตั้งแต่ภาคแรกถึงภาคสุดท้าย ซึ่งไม่ได้มีนักแสดงดังระดับซุป’ตาร์อย่าง Dwayne Johnson หรือที่รู้จักกันในนาม เดอะร็อก รวมถึงนักแสดงระดับชิงรางวัลออสการ์อย่าง John Hurt ในบท ลอร์ดโคติส จอมชั่วร้ายมาดึงดูดคนดู ตำนานเฮอร์คิวลิสเลยขายไม่ออกหนำซ้ำยังเป็นตัวช่วยดันให้ Hercules ลำดับที่สองของปีเรื่องนี้น่าสนใจมากขึ้น …
Sming – สมิง
สมิง (นรินทร์ วิศิษฏ์ศักดิ์ / Thailand / 2014) C+ อยากให้ลองไปดูกันเยอะๆนะถึงแม้มันจะยังไม่ใช่หนังที่ดีแต่ถือว่าเป็นหนึ่งในหนังไทยที่น่าสนใจมากๆในรอบหลายปี อย่างแรกคือความกล้าหาญของคนทำที่กล้าทำหนังที่แบกรับวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ไว้ทั้งเรื่องซึ่งแนวโน้มความเสี่ยงที่จะเจ็บตัวสูงเพราะมีคู่แข่งเป็นหนังฮอลลีวู้ดที่งานเทคนิคภาพรวมถึงความกลมกล่อมของบทยังไม่สามารถสู้ได้ อย่างที่สองคือความตั้งใจที่สัมผัสได้ในหลายๆ รายละเอียดที่พยายามสร้างชั้นเชิงในส่วนของบทและความหลากหลายของตัวละคร การต่อสู้กับสมิงที่มีทั้งความเชื่อไทย เขมร จีน ถึงแม้จะไม่ลงตัวดูเก้ๆกังๆอยู่มากแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นจับฉ่ายสุกเอาเผากินเพื่อโชว์ความกระหายCGIลูกเดียว อย่างที่สามคือมันไม่ใช่หนังที่ขายหน้าหนังเกินหนังตัวเองที่เป็นจริงๆ จนถึงขั้นน่าเกลียด หนังแนวๆนี้ที่นึกถึงคือ ‘ปืนใหญ่จอมสลัด’ ที่ขายทั้งวิชวลเอฟเฟ็กต์ ดารา ผู้กำกับและคนเขียนบทคนดัง แต่หนังที่ออกมาเหลวแหลกมาก เสียดายที่บทมันเยอะตัวละครแยะเลยกลายเป็นว่ากระจายความสำคัญให้ตัวละครหลายตัวเกินไปจนจับจุดให้เราติดตามเรื่องราวได้ไม่ไหลลื่น อีกทั้งยังทิ้งข้อข้องใจไว้ตามรายทางโดยเฉพาะขอบเขตความสามารถของสมิงกับร่างจำแลงของมันและเหล่าวิญญาณที่สมิงสังหารซึ่งถูกพันธนาการไว้ในร่างสมิงนั้นมีความซับซ้อนกับร่างเสือสมิงที่แท้จริงอย่างไร หยิบจับขยายเรื่องราวผิดส่วนไปมากซึ่งแทนที่จะจับธีมอันใดอันหนึ่งให้อยู่หมัดเพื่อสะท้อนสาส์นและสะเทือนอารมณ์อารมณ์ได้ในตอนท้าย กลับไปแบ่งใสใจรายละเอียดส่วนขยายต่างๆอย่างละเล็กละน้อยเพื่อรองรับการหักมุม ซึ่งก็เล่นท่ายากเพราะเป็นแบบที่ต้องบาลานซ์การปรากฏตัวของตัวละครและการซ่อนที่รอการเฉลยให้ไม่งกเงิ่นจนดูคลิเช่โต้งๆจนเกินไป ซึ่งในส่วนนี้ทำให้นึกถึง บอดี้ศพ19 แต่สำหรับสมิงมันยากในการเล่ากว่ามากๆ เพราะต้องเล่าตัวละครที่มีทั้งสองสถานะจิตที่แตกต่างกันอยาสงสิ้นเชิงในตัวเดียวกันให้น่าเชื่อ การกำกับช่วงแรกๆ ยังดูขาดๆ เกินๆ เชยๆ…
Boyhood – บอยฮูด
Boyhood (Richard Linklater / 2014 / A+) E+30 for Enjoy นึกถึง Daniel Radcliff ที่เติบโตไปพร้อมๆ กับบท Harry Potter ร่วมสิบปีโดยที่มีแนวโน้มพัฒนาการความสูงและหน้าตาไปทางเดียวกันกับ Ellar Coltrane ซึ่งกายภาพของทั้งคู่ช่วยเสริมแง่มุมให้ตัวละครมากๆ อย่าง Harry Potter การเติบโตของ Daniel Radcliff ช่วยเพิ่มความเห่ยให้ตัวละครได้มากขึ้น สำหรับเรามันน่าเอาใจช่วยมากกว่าจะให้โตมาหล่อเหลาในแบบที่สาวๆ กรี๊ดกร๊าดกัน และ Ellar Coltrane ใน Boyhood ที่ถึงแม้ตัวละครในเรื่องไม่ได้ถึงขั้นเปลี่ยนไปมากมาย อย่างเช่น ความเชื่อศาสนา อุดมคติทางการเมือง หรือรสนิยมทางเพศ ซึ่งพอ Ellar Coltrane ไม่ได้โตมาด้วยรูปลักษณ์เพียงพอจะให้เป็นหนุ่มหล่อล่ำนักกีฬาแบบพิมพ์นิยม มันก็ทำให้เกิดตัวละครที่มีมิติไม่ธรรมดาโดยไม่ต้องปรุงแต่งมากมายซึ่งน่าสนใจไปอีกแบบ นักแสดงทุกคนในเรื่องเติบโตไปพร้อมตัวละครตลอดระยะเวลา 12 ปี ของเรื่องราวในหนังที่เดินตามเวลาการถ่ายทำตั้งแต่ต้นจนจบ พอใช้วิธีนี้การเติบโตของตัวละครในหนังมันสมจริงมากขึ้น มันมีเสน่ห์ให้ติดตามทั้งโดยเฉพาะพัฒนาการรูปลักษณ์ภายนอกรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างกันจากการเติบโตของความรู้สึกนึกคิดทัศนคติและรสนิยมภายใน ที่ก่อให้เกิดอุปสรรคชีวิตความขัดแย้งการตัดสินใจแก้ไขปัญหาที่ก้าวผ่านไปทีละน้อยได้เห็นการเติบโตที่ละเอียดอ่อนเพียงพอที่จะทำให้เรานึกย้อนอดีตชีวิตครอบครัว ความรักและมิตรภาพทั้งดีงามและเลวร้ายตามไปพร้อมๆ กับตัวละครได้ ขนาดเราไม่ได้รู้จักวัฒนธรรมอเมริกาดีพอก็ยังรู้สึกเชื่อมโยงได้มากๆ จากลูกเล่นระลึกอดีตที่มาในรูปแบบของสื่อบันเทิงต่างๆ ทั้งเพลง การ์ตูน หนังสือ คลิปวิดีโอ โซเชียลมีเดียฯลฯ นักแสดงกลายเป็นเมจิกขับเคลื่อนทุกอย่างให้มีชีวิตด้วยเสน่ห์จากวิธีการที่ยังไม่มีใครเคยทำช่วยสร้างมิติการรับรู้ใหม่ที่ยังไม่เคยมีหนังเรื่องไหนไปถึง หรืออย่างน้อยส่วนตัวเรายังไม่เคยได้เห็นวิธีการเล่าด้วยนักแสดงแบบนี้ ให้ความรู้สึกคล้ายว่าเรากำลังเฝ้ามองเพื่อนบ้านเพื่อทำความรู้จักและเรียนรู้เรื่องราวการเติบโตของคนที่มีตัวตนจริงๆ เรื่องราวมันเข้าถึงเราแบบไม่ต้องพยายามซึมซาบรมเร้าให้รู้สึกเศร้าหรือสุขเกินไปแต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามชีวิตปกติมากที่สุด ชอบการเล่าความเปลี่ยนแปลงของแต่ละตัวละครที่มีรูปแบบการดำเนินชีวิตแตกต่างกันไปกระทั่งพ่อแม่ลูกคนในครอบครัวเดียวกัน แม่ที่จริงจังกับชีวิตเริ่มเรียนป.ตรีป.โทใหม่และเปลี่ยนสามีใหม่ที่เหมือนจะดีทุกครั้งแต่สุดท้ายก็ไม่เคยดี พ่อที่เคยขาดความรับผิดชอบปล่อยวางชีวิตก็ได้มีความสุขกับภรรยาใหม่ ช่างประปาที่ศิวิไลซ์ตัวเองด้วยการศึกษาจนกลายเป็นผู้จัดการร้านอาหาร ครอบครัวธรรมดาๆครอบครัวหนึ่งไปพร้อมกับตัวละครในสังคมแวดล้อมที่เหมือนจะดีแต่ก็ร้ายเหมือนจะร้ายแต่ก็มีเรื่องดีเข้ามา ก่อนที่จะเลวร้ายอีกครั้ง ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ต้องเรียนรู้ที่จะจริงจังเอาใจใส่ซึ่งมีบ้างที่ต้องปล่อยวางและต้องดิ้นรนต่อไปไม่มีที่สิ้นสุดอย่างเอาแน่เอานอนไม่ได้ คิดว่าผู้กำกับก็ต้องมีแผนหนึ่งแผนสองก๊อกสามก๊อกสี่ตลอดการถ่ายทำที่จะทำให้พลิ้วไหวไหลลื่นไปได้เผื่อนักแสดงเกิดอุบัติเหตุล้มหายตายจากหรือเปลี่ยนแปลงไปจากที่คาดคิด ส่วนสนุกอย่างหนึ่งคือการคาดเดาพัฒนาการความเป็นไปของตัวละครนี่แหละ ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน มีนักแสดงตายแล้วจะจัดการยังไงบ้าง และพอมีเงื่อนไขที่ต้องใช้นักแสดงคนเดิมมันก็ไม่ใช่แค่นักแสดงต้องเปลี่ยนตามตัวละครในหนัง แต่ตัวละครในหนังก็ต้องเปลี่ยนไปตามนักแสดงซึ่งทำให้เกิดเสน่ห์ความกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ทำให้มองมุมกลับย้อนเห็นรายละเอียดของชีวิตตัวละครที่เชื่อมโยงโลกความเป็นจริงคือชีวิตจองนักแสดงได้มากขึ้น ในหนังส่วนใหญ่มักจะเห็นตัวละครหล่อสวยหรืออย่างน้อยก็น่ารักน่ามองทั้งตอนเด็กและตอนโต กระทั้งตอนแก่ แต่การเติบโตของนักแสดงเรื่องนี้ตั้งแต่ตัวหลักไปจนถึงตัวประกอบมันถูกบังคับให้ปรากฏในหนังไม่ว่ารูปลักษณ์จะเปลี่ยนไปในทิศทางใด จากตอนเด็กน่ารักสดใสที่พอโตขึ้นเดี๋ยวมีมุมหล่อสวยบ้างเดี๋ยวหน้าใสเดี๋ยวหน้าสิวบ้าง สำหรับเรามันเป็นสิวในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ที่จริงใจที่สุดและมีความหมายสะท้อนความจริงที่ไม่แน่นอนของชีวิตได้งดงามที่สุด ปล. คิดตื้นๆ TO’YO’TA ท้ายรถพระเอก YO ที่เหลืออยู่คือ ‘Years Old’ เปล่าวะ มันเจ๋งที่ว่านอกจากจะเป็นสปอนเซอร์(รึเปล่า?)แล้ว มันยังเป็นการไทอินสินค้าให้มีฟังก์ชั่นในหนังเป็นหนึ่งในโมทีฟ Coming of Age ได้ฉกาจเข้าท่ามากๆ อยากเห็นหนังไทยใช้’ไทยประกันชีวิต’ได้แบบนี้บ้างจัง
Dolittle – ด็อกเตอร์ ดูลิตเติ้ล
The Maze Runner (Wes Ball / 2014 / B+) E+20 for Enjoy ตลอดระยะเวลาสามปีจะมีเด็กหนุ่มถูกส่งมายังท้องทุ่งใจกลางเขาวงกตมฤตยูเดือนละคนโดยที่พวกเขาจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากชื่อของตัวเองที่จะจำได้ในสองสามวันหลังจากที่มาถึง เริ่มตั้งแต่คนแรกคือ ‘อัลบี้’ หนุ่มผิวสีที่ต้องใช้ชีวิตคนเดียวในช่วงเดือนแรก และในฐานะผู้มาถึงคนแรกเขาจึงกลายเป็นผู้นำไปโดยปริยาย เมื่อเวลาผ่านไปคนใหม่ก็ทยอยเข้ามามากขึ้นเดือนละคนๆ และเด็กใหม่ที่เพิ่งมาถึงจะถูกเรียกว่า ‘กรีนี่’ ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำงานเพื่อความอยู่รอดและพยายามหาวิธีออกไปจากที่นี่ให้ได้จึงต้องมี ‘นักวิ่ง’ ทีมทำภารกิจสำรวจเขาวงกตที่ต้องปิดผลการสำรวจไว้เป็นความลับ นำทีมโดย ‘มินโฮ’ หนุ่มเกาหลีเอเชียเพียงหนึ่งเดียว เป็นคนที่เข้าไปสำรวจในวงกตเพื่อศึกษาพื้นที่ของเขาวงกตที่เต็มไปด้วยอันตรายที่ลึกลับซับซ้อนและการจู่โจมของ ‘กรีฟเวอร์’ สิ่งมีชีวิตกึ่งจักรกลคล้ายแมงป่องหัวล้านขนาดใหญ่ที่คอยขย้ำทุกคนที่ผ่านเข้ามาเพื่อหาทางออกแต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เคยเจอ จนกระทั่งวันหนึ่ง ‘โทมัส’ กรีนี่คนล่าสุดถูกส่งมาทำให้กฎกติกาของท้องทุ่งเปลี่ยนแปลงไป…
Invasion – มหาวิบัติเอเลี่ยนล้างโลก
[รีวิว] Invasion – มหาวิบัติเอเลี่ยนล้างโลก— 4.4/10 —เอ๊า!…หนังภาคต่อซะงั้นนอกเหนือจากเอฟเฟคอลังแล้วก็มีแต่ความ “อิหยังวะ”ง่ายๆ คือ ไม่สนุกอะ Invasion – มหาวิบัติเอเลี่ยน บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเอเลี่ยนที่ได้เดินทางกลับมายังโลกเพื่อกลับมาหาหญิงสาวที่เขาหลงรัก แต่มันขัดต่อยานแม่ที่หมายจะฆ่าเธอทิ้งซะ ทำให้เขาต้องร่วมมือกับมนุษย์โลกต่อกรกับภัยพิบัติในครั้งนี้ ***รีวิวนี้มีสปอยล์*** พอตอนหนังเริ่มฉาก เราเริ่มรู้สึกเอะใจแล้วว่าทำไมช่วงแรกมันนานจัง มีฉากนู่นนี่นั่นบอกเล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ราวกับว่ามันเคยมีหนังมาก่อนหน้านี้แล้ว และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ Invasion คือ “หนังภาคต่อ” ภาคต่อจากหนังที่ชื่อว่า Attraction (2017) ซึ่งจริงๆ ในเรื่องนี้ตอนจบมันใช้ชื่อว่า Attraction…