หนัง Love Rosie – เพื่อนรักกั๊กเป็นแฟน

Love, Rosie (Christian Ditter / UK, Germany / 2014) หนังน่ารักดีนะ ดูเพลินๆ สนุกดีเลย ถึงตัวละครต่างๆ มันจะเดี๋ยวเข้าเดี๋ยวออกชีวิตนางเอกง่ายแบบจับวางตั้งใจให้เซอร์ไพรส์ไปหน่อย แล้วมันขาดช่วงบรรยากาศโมเมนต์ความสัมพันธ์เรียลๆ เมจิกๆ ที่ไม่ปั้นให้มันโรแมนติกหรือตลกเกินไปน่ะ แต่ทำไงได้ก็มันปูทางมาเป็นพล็อตฟีลกู๊ดแฟนตาซีขนาดนั้น  ความฝันของตัวละครก็ดูเพ้อๆ แต่ก็รู้สึกว่านางเอกมันก็เป็นตัวแทนผู้หญิงกลุ่มเพ้อนี้ได้ตลกดีเหมือนกัน เหมือนเวลาเราได้ยินเพื่อนผู้หญิงคุยกันใฝ่ฝันผู้ชายดีๆ แต่บางทีหน้าหล่อหุ่นเฟิร์มกลับทำให้ตัดสินใจเหมารวมหรือเป็นข้อยกเว้นไปได้ในพริบตา  ***สปอยล์***ชอบช่วงที่เหมือนพระเอกนางเอกเป็นชู้กันนะ ผู้หญิงที่อยากได้ผู้ชายที่ตัวเองชอบมาครอบครองโดยที่ไม่แคร์ผู้หญิงอีกคน ผู้ชายที่ก็ยังรักผู้หญิงคนเดิมถึงจะมีเมียที่กำลังท้องอยู่แล้วก็ตาม คือพอนึกตามส่วนที่หนังไม่ได้เล่ามันน่าสนใจดีและเป็นฉากที่เราอยากเห็น อย่างเช่น พระเอกนั่งเขียนเมล์หรือจดหมายหานางเอกให้นางเอกมาหาหลังจากที่เมียพระเอกบอกว่าตั้งท้อง มันน่าจะเป็นฉากที่พิเศษดี แต่แน่นอนว่าจะไม่ได้เห็นในหนังเรื่องนี้ ก็เลยได้เห็นแค่ฉากที่นางเอกคิดอะไรโง่ๆอย่างที่จะไปแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพระเอกในพิธีแต่งงาน(ซึ่งยังดีที่มันไม่เกิดขึ้น)   แล้วเวลาในหนังผ่านไปเป็นสิบปีกลับไม่ค่อยเห็นพัฒนาการตัวละครสักเท่าไหร่ สัมผัสการเติบโตของตัวละครได้แค่ผิวเผินโดยมีลูกที่กระเตง…

Ninja Turtles – เต่านินจา

นินจาเต่าเอาใจไปเลย! [ไม่สปอล์ย] ตามวิถีแห่งผู้ฝึกตน เหล่านินจากลายพันธุ์ทั้งสี่แห่งสำนักใต้ท่อระบายน้ำใจกลางกรุงนิวยอร์คได้ทำความรู้จักและ  ‘ได้ใจ’ ผู้ชมทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ไปเต็ม ทั้งที่เป็นแฟนพันธุ์ตั้งแต่สมัยเกือบยี่สิบปีที่แล้ว หรือพึ่งได้รู้จักกันคราวนี้จากภาพยนตร์เรื่อง Teenage Mutant Ninja Turtles ก็จะรักเจ้าเต่านินจาทั้งสี่ได้อย่างไม่ยากเย็น หนังแอ็คชั่นทุ่มทุนสร้างจากผู้กำกับหน้าใหม่ โจนาธาน ลีเบสแมน ที่สร้างผลงานมันส์ๆอย่าง The Texas Chainsaw Massacre – The Beginning (2006) ที่ได้โปรดิวเซอร์มือโปรด้านการระเบิดภูเขา เผากระท่อมแห่งฮอลลีวู้ดอย่าง ไมเคิล เบย์ ผู้กำกับภาพยนตร์มหากาพย์หุ่นยักษ์ถล่มโลกทรานส์ฟอร์มเมอร์ ทำให้ Teenage Mutant Ninja Turtles…

Sin City 2 – ซินซิตี้ ขบวนโหด นครโฉด

Sin City: A Dame to Kill For (2014) Directors: Frank Miller, Robert Rodriguez           สิ่งที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดที่สุดจาก Sin City มาจนถึง Sin City: A Dame to Kill For ย่อมหนีไม่พ้นสไตล์ภาพอันเป็นลักษณะพิเศษแตกต่างจากหนังทั่วไป ภาพขาวดำคอนทราสต์จัดจ้านแต้มบางจุดเป็นสีสันแสบตาเหมือนเป็นภาพที่หลุดมาจากการ์ตูนคอมมิก…

Deepsea – ดิ่งระทึกลึกสุดโลก

Deepsea Challenge (John Bruno, Ray Quint, Andrew Wight / USA / 2014) ‘James Cameron ผู้กำกับชื่อดังเจ้าของหนังท็อปบ็อกซ์ออฟฟิศโลกอย่าง Avatar และ Titanic จะพาเราไปสำรวจโลกใต้มหาสมุทรลึกที่ๆ ยังไม่เคยมีมนุษยชาติชนใดเคยไปถึง’ พอได้ยินมาประมาณนี้ความอยากดูอยากรู้อยากเห็นก็บังเกิดพร้อมกับคำถามที่ว่า…James Cameron ไปมีแรงบันดาลใจอะไรกระตุ้นให้เขาอยากเสี่ยงตายดำลงไปในทะเลลึกได้ขนาดนั้น แล้วก็จะได้รู้ว่าที่ผลงานหนังห่างหายไปหลังจาก Avatar ถล่มบ็อกซ์ออฟฟิศนั้นเป็นเพราะอะไร และมันคุ้มค่ามากแค่ไหนหนอ หนังเล่าเปิดมาด้วยการเกริ่นนำเข้าเรื่องราวด้วยเสียงบรรยายเหมือนสารคดีที่เห็นอยู่ทั่วไป แล้วพอเอาเข้าจริง การดำเนินเรื่อง…

Interstellar – ทะยานดาวกู้โลก

Interstellar (Christopher Nolan / USA, UK / 2014) ไม่ได้ตื่นตาตื่นใจอะไรโดยเฉพาะงานภาพที่ถึงแม้จะจัดว่าดีมีความอลังการให้เห็นบ้าง แต่ว่าปีที่แล้ว Gravity จัดเต็มทำเอาไว้ได้ดีกว่าหลายขุม แล้วมันก็ไม่ได้จัดเต็มจอ IMAX ทั้งเรื่องด้วย(ดูที่พารากอนไม่แน่ใจว่าที่อื่นเหมือนกันหรือเปล่า) ถ่ายมาเฉพาะฉากเอาท์ดอร์ในอวกาศ พวกอินดอร์ในยานในบ้านก็ลดขนาดลงมาปกติสลับกันไปมา บวกกับเวลาเต็มจอแถบซับไตเติลภาษาไทยมันก็จะไม่ย้ายตามขอบเฟรมภาพและยังอยู่ที่เดิมให้เคืองตาเล่นโดยเฉพาะเวลาในฉากอวกาศสีเข้มๆ มืดดำนี่ทำให้คำว่า Spectacular แทบจะหายไปในทันที …สปอยล์…หนังก็ดูเพลินไปเรื่อยๆ มีตัวละครที่รู้สึกว่าอะไรของมึงว้า!! เช่นตัวละครของ Jessica Chastain กับ Casey Affleck ผลัดเปลี่ยนกันให้ปวดหัว แล้วก็รู้สึกคลิเชกับเซ็ตอัพช่วงแรกๆ อยู่บ้างแต่ก็เข้าใจว่าเลี่ยงลำบาก…

Before I Go to Sleep – หลับ ลืม ตื่น ตาย

Before I Go to Sleep (Rowan Joffé / UK, USA / 2014) ดูจบแล้วก็นึกถึง Gone Girl ในแง่ที่มันเป็นเรื่องผัวๆเมียๆเหมือนกัน ดัดแปลงมาจากนิยายขายดีเหมือนกัน แต่มันไม่ได้มีมิติเท่าทั้งตัวละครและบริบทสังคมในหนังซึ่งทำให้เรามีอารมณ์ร่วมและคล้อยตามได้มากกว่า ตัวละครในเรื่องนี้มันดูเป็นหญิงร้ายที่ไม่ได้ร้ายเต็มตีนที่ติดกับดักให้อยู่ในโลกแคบๆเดิมๆเพราะอาการความจำเสื่อมที่ทำให้ทุกวันหลังจากเธอตื่นขึ้นมาจะจำอะไรไม่ได้ และแน่นอนว่าความทรงจำที่บังเอิญหายไปมันซ่อนปริศนาสำคัญเอาไว้ซึ่งมีทางเดียวคือการรื้อฟื้นความทรงจำให้ค่อยๆ เปิดเผยออกมาแต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะมีหนึ่งในคนที่เธอไว้ใจกำลังพยายามรีเซ็ตความจำใหม่ให้กับเธอ ***สปอยล์***ถึงจะไม่ใช่หนังดีเด่แต่มันก็มีความน่าสนใจที่เราชอบอยู่บ้าง อย่างเช่น นางเอกที่ความจำเสื่อมคิดว่าไม่มีทางที่ตัวเองจะมีชู้ แต่มารู้ความจริงว่าตัวเองเคยนอกใจสามีในฉากเดียวกันกับที่รู้ว่าสามีของเธอก็เคยมีเซ็กส์กับเพื่อนรักที่เป็นที่พึ่งของเธอในตอนนั้น มันเป็นภาวะกระอักกระอ่วนที่มีอะไรให้สัมผัสจับต้องได้มากที่สุดในหนัง อีกฉากหนึ่งคือฉากฝันที่นางเอกเห็นผีลูกชายมาบอกว่าคนที่ทำร้ายนางเอกชื่ออะไร..แต่ความจริงเฉลยต่อมาว่าลูกชายยังไม่ตาย ผีในฝันจึงไม่ใช่ผีจริงๆ เป็นแค่การระลึกไปเองของจิตอะไรก็ว่ากันไปอันนั้นรู้สึกว่ามันเป็นการแถจิตวิทยาผสมผีที่น่าสนใจดี เสียดายที่มันเป็นแค่หนังพล็อตที่ดูแล้วไม่ได้สนุกไปมากกว่าเซ็ตอัพที่ปูไว้หลอกล่อรอการหักมุมให้หงายเงิบ(ซ่อนเงื่อนด้วยโฟโต้ช็อป..ส่วนตัวชอบนะมันประหลาดดี..ความไม่เนียนไม่ฉลาดของคนร้ายมันมีอยู่จริงแต่ไม่คิดว่าจะใช้ไม้นี้)ก่อนจะทำทีซาบซึ้ง..ซึ่งพอมันไม่ได้พยายามโหมธีมมันก็เลยไม่ได้สะท้อนเรื่องราวในตอนท้ายให้สะเทือนไปมากกว่านั้นทั้งที่ทำได้ แต่ชอบที่ได้เห็นวัตถุดิบตัวละครที่เหมือนบิดมาจาก 50 First Dates ที่นางเอกมีอาการความจำเสื่อมเดียวกันมาใช้ในเรื่องราวความรักดราม่าเขย่าขวัญอีกมุมหนึ่งที่ต่างกันสิ้นเชิง แต่พอบรรยากาศหนังและความสัมพันธ์ของตัวละครไม่ได้เล่าด้วยฝีไม้ลายมือที่โดดเด่นจากหนังเรื่องอื่นๆ…

Hunger Games 3 Part 1 – เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท1

The Hunger Games: Mockingjay – Part 1 (Francis Lawrence / USA / 2014) ถึงมันจะไม่ได้แปลกตาเพลินใจด้วยแฟชั่นหลุดโลกเว่อร์วังของชาวแคปิตอล ตื่นตาตกใจวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์อย่างสัตว์ประหลาด ไฟป่า คลื่นซัด หมอกพิษฯลฯ เหมือนสองภาคที่ผ่านมา ไม่ได้ลุ้นตัวเกร็งหวาดกลัวเสียวสันหลังไปกับการประลองและสะเทือนใจกับการสูญเสียตัวละครที่ช่วยเรียกน้ำตาอย่าง ริว ซินนา หรือแม็กส์ แต่แผนเกมการเมืองในหนังก็ยังดูสนุกให้ได้ตื่นเต้นน่าติดตามทดแทนฉากแอคชั่นพุ่งพล่านที่น้อยลงกว่าสองภาคที่ผ่านมา ลดลงในระดับที่หากนับด้วยนิ้วมือเพียงข้างเดียวจาก 5 นิ้วแล้วมันถูกเก็บมาใช้แค่นิ้วเล็กๆ สั้นๆ อย่างนิ้วโป้งกับนิ้วก้อยเท่านั้น แต่ส่วนตัวแล้วหนังยังสนุกมากทีเดียวถึงแม้ว่ามันจะยังมีร่องมีรอยให้พอกระเทาะเปลือกให้เห็นเนื้อในที่ลักไก่ใส่ไม่ครบเครื่องอยู่พอสมควร แคตนิสยังคงเป็นผู้หญิงสติแตกที่เริ่มแรกไม่เห็นความสำคัญของการเมืองภายนอกนอกจากคนรัก ครอบครัวและคนใกล้ชิดเหมือนๆ…

John Wick – จอห์นวิค แรงกว่านรก

John Wick (David Leitch, Chad Stehelski / 2014) เห็นหลายคนบอกว่าสนุกโคตรก็เลยตั้งเป้าไว้สูงพอสมควร ที่หวังว่าจะฟินถึงยอดตาลก็ได้แค่ประมาณยอดมะพร้าว มันไม่ค่อยมีหลักใหญ่ใจความอะไรให้รู้สึกพิเศษน่าตื่นตาตื่นใจสักเท่าไหร ทั้งการไปไกลของพล็อตเรื่องและการดีไซน์ฉากแอคชั่น แต่ในความพล็อตของมันก็ยังน่าชื่นใจ มันมีจุดเล็กจุดน้อยที่ทำให้น่าติดตามได้เพลินมาก อย่างเช่น ทีมบริษัทเก็บกวาดศพเนี้ยบนิ้งหลังการฆ่าบริการถึงที่ หน้าลุงหัวหน้าทีมตอนแกถอดหมวกนี่ดูฉมังเก๋ากวนยวนตีนดีจริงๆ รวมถึงพนักงานต้อนรับโรงแรมมาดนิ่งก็เป็นตัวเรียกอารมณ์ขันได้ดี ตัวละครเล็กๆ พวกนี้มันช่วยสร้างเสน่ห์ให้โลกนักฆ่าได้มีสีสันมาก และกฎบังคับบริเวณสั่งห้ามฆ่า มันเป็นเงื่อนไขที่น่าตื่นเต้นและเล่นแง่มุมของอำนาจเงินที่เหนือกว่าจรรยาบรรณและมิตรภาพได้สนุกดี เป็นธรรมดาที่หนังแอคชั่นมักมีช่องโหว่ สำหรับเรื่องนี้เพื่อให้พระเอกไม่ตายทั้งที่บางครั้งอยู่ในจังหวะที่ฆ่าด้วยปืนนัดเดียวได้ง่ายๆ แต่ตัวร้ายกลับรีรอและยั้งมืออย่างสมควรตาย และเสียดายที่บทสรุปของตัวร้ายบางคนก็เร็วไปหน่อย รวมๆ แล้วก็สนุกไล่กันจริงยิงกันมันส์ไม่หยอกทีเดียว นอกจากมาดเท่ๆ ของเฮีย Keanu Reeve แล้ว ก็จะได้เห็นมาดชั่วๆ…

Whiplash – ตีให้ลั่น เพราะฝันยังไม่จบ

Whiplash Damien Chazelle  หนังดราม่าน้ำดีที่ทั้งหนักแน่นและเรียบง่ายในการเล่าเรื่อง การแสดงขั้นท็อปฟอร์มระดับอาจเข้าชิงออสการ์ของตัวละครนำทั้งสอง และการจับประเด็นห้วงชีวิตของการอยากก้าวพ้นจากสามัญชนธรรมดาไปสู่จุดสุดยอดบนเวทีอันเป็นที่จดจำ เป็นตำนาน ซึ่งต้องแลกด้วยชีวิตจิตใจ หยาดเหงื่อแรงกาย เลือดเนื้อที่หนังเฉือนแล่ชีวิตของไอ้หนุ่มนักฝันกับอาจารย์โหดซาดิสท์ออกมานำเสนอได้อย่างเข้มข้นทรงพลังและตรึงตราใจเอามากๆ Whiplash ผลงานของผู้กำกับ เดเมียน แซซเซลล์ ทีเจ้าตัวเผยว่าต้องการให้หนังที่ว่าด้วยนักดนตรีแจ๊ซเรื่องนี้เต็มไปด้วยอารมณ์แอคชั่นจนเลือดสูบฉีด แอนดรูว์ เด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ด้านการตีกลองและมีความทะเยอทะยานอยากไปไกลถึงระดับตำนาน ต้องมาพบกับการฝึกซ้อมสุดหฤโหดที่พร้อมจะบดขยี้ทั้งกำลังใจและกำลังกายจากครูระดับเซียนจอมซาดิสท์อย่าง เฟล็ตเชอร์ การฝึกซ้อมของเฟล็ตเชอร์ที่เต็มไปด้วยความกดดัน ความรุนแรงที่กระแทกทางอารมณ์ถึงขนาดปาเก้าอี้ใส่หัวจากตีกลองผิดจังหวะ หรือการให้ตีจนมือเหวอะเลือดอาบกลอง ปะทะกับลูกบ้าและความทะเยอทะยานจนเข้าขั้นเสียสติเกินคนทั่วไปจะทนไหวของแอนดรูว์ ทำให้หนังเรื่องนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่น่าขนลุกและเฮี้ยนเกินกว่าหน้าหนังหรือคำโปรยว่าเป็นหนังสู้เพื่อฝันอันสวยงามไปไกลหลายเท่านัก ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดคือการที่หนังผลักตัวละครทั้งสองไปไกลในทางที่พวกเขาเป็นอย่างสุดโต่งโดยที่ไม่ใช้บทสรุปง่ายๆ ตามขนบดีงามใดๆ มาตีกรอบจนลดค่าพวกเขาลงไป นี่จึงเป็นหนังที่มีเลือดเนื้อพลังชีวิตเต็มเปี่ยมถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีบทสรุปสำหรับคนดูทุกคน หนังเพียงแค่นำเสนอทางเลือกของคนในรูปแบบหนึ่งที่เต็มไปด้วยราคาที่ต้องจ่ายอย่างสาหัสเพื่อความหมายของชีวิตเฉพาะตัวที่แสวงหาโดยไม่ประนีประนอมใดๆ คนดูอาจไม่ได้เห็นด้วยกับทางเลือกของตัวละคร…

คนเห็นผี – Khon-Hen-Phee

The Eyes Diary คนเห็นผี (ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล / Thailand / 2014) นักแสดงหลักทั้ง 4 คน มารวมตัวกันในหนังแล้วน่าสนใจมากๆ พอหลอมรวมกับคาแร็กเตอร์ตัวละครแล้วยิ่งมีเสน่ห์ที่ช่วยหล่อเลี้ยงส่วนขาดส่วนเกินได้จริงๆ ปั้นจั่น เข้ากับตัวละครที่รักจริงโกรธจริงด้วยแววตามุ่งมั่นกล้าได้กล้าเสียและการเป็นอาสากู้ภัยก็ไม่ขัดกับบุคลิกลักษณะได้เหมาะเจาะ โฟกัส มีเสน่ห์มากๆ กับตัวละครผีในเรือนร่างคนที่ยังน่ารัก น่าทะนุถนอม น่าสงสาร น่าเอาใจช่วย ทำให้พอเปลี่ยนไปเป็นหน้าผีหน้าเละแล้วมันน่ากลัวมากๆ เพราะความน่ารักสดใสตั้งแต่ต้นมันช่วยขับความคิดถึงแทบใจจะขาดได้จนเราชะงักขนลุกขนชันไปเลย เมโกะ ที่ดูซื่อๆและบอบบางแต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะเปรี้ยวซ่ากล้าหาญได้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่ตัวละครของเมโกะอยู่สองต่อสองกับตัวละครของปั้นจั่นเราจะรู้สึกถึงประกายออร่าความจิตและบิทช์ที่แผ่ซ่านออกมาซึ่งไม่แปลกใจเลยที่ผีโฟกัสจะดูหึง และแจ๊ค ที่ตอนแรกรู้สึกว่ายังเด็กไปกับบทที่ทั้งต้องเล่นเป็นอาสาสมัครและเพื่อนของปั้นจั่น แต่พอได้เห็นกลับอยู่กับตัวละครแล้วมีมิติดี…