Category: รีวิวหนัง

ผมเปิดเรื่องนี้ดูแบบแก้เหงาครับ ประมาณว่าเปิดหนังอะไรก็ได้เป็นเพื่อนระหว่างทำงาน ไม่ได้ตั้งใจดูอะไรแบบเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ไปๆ มาๆ หนังดันดูเพลินกว่าที่คาด เรียกความสนใจจากผมได้มากกว่าที่คิด บอกก่อนนะครับว่าตัวหนังมันไม่ได้เจ๋งอะไร จริงๆ มันคือหนังตลกปนแอ็กชันที่เนื้อหาผูกขึ้นแบบหลวมๆ ตามสไตล์หนังฮ่องกง ตัวเอกคือ หวังปู้เอ้อ (เหวินจาง) ตำรวจตัวแสบที่ตามสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องชาย 3 คนที่ศพมีความเหมือนกันอย่างหนึ่งคือตายแบบมีรอยยิ้มครับ โดยเขาก็สืบร่วมกับหัวหน้า (เฉินเหยียนซี) และมือปราบมือเก๋าแห่งกองปราบอย่าง หวงเฟยหง (หลี่เหลียนเจี๋ย) เนี่ยครับ พล็อตมันประมาณนี้แหละ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมดูสนุกก็ด้วยพลานุภาพแห่งทีมพากย์พันธมิตรครับ พากย์ได้ฮากระจาย ยิงมุกกระหน่ำจนอดขำไม่ได้ ซึ่งจริงๆ ผมว่าตัวหนังเพียวๆ น่ะอาจไม่ได้ฮาขนาดนั้น…

เรื่องนี้ในแง่เนื้อหาอาจจะไม่ได้มีอะไรมากนะครับ แต่หากใครเป็นคนชอบหนังบู๊ ชอบหนัง Martial arts ที่มีตัวละครมาออกหมัดซัดมวยกันมันส์ๆ ล่ะก็ ขอแนะนำให้ดูเรื่องนี้เลยครับ ตัวเอกของเราคือฮาโหวโหมว (เจิ้นจื่อตัน) อดีตครูฝึกสอนวิชาป้องกันตัวของกรมตำรวจ ที่เกิดไปพลั้งมือทำให้คนตายเขาเลยต้องติดคุกอยู่หลายปีครับ แล้วพอหลายปีผ่านไปก็มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้น ซึ่งฮาโหวโหมวพอได้ยินข่าวก็รู้เลยว่าฆาตกรจะต้องลงมืออีกแน่ๆ เขาเลยหาทางติดต่อกับ ลู่เสียนซิน (หยางไฉ่หนี) ตำรวจสาวเจ้าของคดี และเจรจาว่าจะช่วยตำรวจในการตามหาฆาตกรเพื่อแลกกับอิสรภาพ พล็อตหนังออกแนวตามล่าฆาตกรต่อเนื่องครับ แต่ที่ไม่เหมือนเรื่องอื่นก็คือฆาตกรรายนี้ ที่มีนามว่า เฝิงอี๋ซิว (Baoqiang Wang) จะฆ่าคนโดยใช้กังฟูครับ ใช้วิชาที่ถนัดของคนผู้นั้นในการสังหารเจ้าตัว ดังนั้นเวลาเขาลงมือแต่ละทีเราก็จะได้เห็นการประลองยุทธ์ที่จัดว่ามันส์เอาเรื่อง ซึ่งจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ก็คือคิวบู๊นี่แหละครับ แต่ละซีนแต่ละฉากนี่ทำมาเพื่อสนองตอบต่อคนชอบฉากบู๊ออกหมัดโดยเฉพาะ…

Spooks เป็นชื่อของซีรี่ส์แนวระทึกขวัญที่ว่าด้วยปฏิบัติการของหน่วยความมั่นคงแห่งชาติของอังกฤษ หรือที่เรียกย่อๆ ว่า MI5 (ซึ่งจะเป็นคนละหน่วยกับ MI6 ของเจมส์ บอนด์ครับ แต่ในแง่การทำงาน ก็ถือว่าทำงานร่วมกันไป) ซีรี่ส์ชุดนี้ฮิตไม่น้อยเลยครับ ทำออกมา 11 ซีซั่น ซึ่งผมนั้นสารภาพเลยว่ายังไม่เคยดูเลยสักปีเดียว แต่ก็ได้ข่าวว่าทำออกมาเข้มข้นน่าติดตามอยู่เหมือนกัน สำหรับ Spooks: The Greater Good ก็เป็นภาคหนังใหญ่ที่ขยายแตกหน่อมาจากซีรี่ส์ครับ โดยมีตัวละครเดิมอย่าง แฮร์รี่ เพียร์ซ (Peter Firth) หัวหน้าหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายมาร่วมจอ แต่ดูๆ ไปก็เหมือนว่าทีมงานจะพยายามดันให้ตัวละครใหม่นามว่า วิลล์ ฮอลโลเวย์…

ซีรี่ส์ล่าสุดที่ทำเอาผมกับภรรยาติดหนึบ ดูทีเดียว 13 ตอนรวดครับ ส่วนหนึ่งคงเพราะแนวทางมันใช่ มันครบรสทั้งลึกลับซับซ้อน หักมุม ดราม่า อารมณ์ขันร้ายๆ และเต็มไปด้วยสีสัน (ทั้งในงานภาพและเนื้อหา) ได้ข่าวว่าซีรี่ส์นี้ได้รับไฟเขียวทันทีที่ผู้สร้างรู้ว่าซีรี่ส์ Pretty Little Liars จบลง ประมาณว่าทำออกมารับช่วงต่อน่ะครับ เพราะแนวทางจะคล้ายกัน ว่าด้วยตัวเอกที่เป็นวัยรุ่นในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อ “ริเวอร์เดล” ที่มาร่วมกันตามปมปริศนาคดีฆาตกรรมวัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งคดีที่ว่าก็เต็มไปด้วยปมปริศนาที่ยิ่งสืบก็ยิ่งซับซ้อน ตัวละครหลักก็มี อาร์ชี่ แอนดรูว์ส (K.J. Apa) หนุ่มผมแดงนิสัยดีและมองโลกในแง่ดี, เบ็ตตี้…

รู้จัก Cast & Creator จากซีรีส์ สควิดเกม เล่นลุ้นตาย อุ่นเครื่องก่อนลงสนามชิงเงินรางวัลจากเกมเด็กเล่น! ด้วยพล็อตเรื่องและงานภาพที่โดดเด่นสะดุดตา ซีรีส์ สควิดเกม เล่นลุ้นตาย (Squid Game) ได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลามตั้งแต่ก่อนวันออนแอร์เสียอีก ซีรีส์โดย Netflix เรื่องนี้เล่าถึงผู้เข้าแข่งขันนับร้อยชีวิตที่สิ้นหวังและประสบปัญหาทางการเงิน จนต้องมาร่วมแข่งขันเกมเด็กเล่นเพื่อชิงเงินรางวัลมหาศาล และก็ต้องพบความจริงในภายหลังว่าราคาของความพ่ายแพ้นั้นต้องจ่ายด้วยชีวิต เมื่อสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตายต้องมาขึ้นอยู่กับเกมเด็กเล่น ทำให้ สควิดเกม เล่นลุ้นตาย เป็นเรื่องราวที่แปลกใหม่และน่าสนใจ ดังนั้นระหว่างที่กำลังรอให้ซีรีส์ออนแอร์กันในเร็วๆ นี้ ลองมาทำความรู้จักบรรดาผู้กำกับและนักแสดงไปพร้อมๆ กันก่อนเลย! ฮวังดงฮยอก ภาพ จาก…

เรื่องนี้ดูแล้วอึ้งครับ คือจริงๆ แล้วก็ได้ยินมาว่าหนังไม่ใคร่จะเวิร์กสักเท่าไร แต่ไม่นึกว่ามันจะจืดได้ถึงขนาดนี้ วิลล์ มอนโกเมอร์รี่ (Nicolas Cage) คือยอดขโมยชั้นเซียนที่หากหมายตาว่าจะโจรกรรมสิ่งใดแล้วล่ะก็ สิ่งๆ นั้นไม่มีทางจะเล็ดลอดจากมือเขาไปได้ แต่ในการขโมยครั้งล่าสุดดันเกิดความผิดพลาดจนส่งผลให้วิลล์ต้องติดคุกถึง 8 ปี พอวิลล์ออกจากคุกเขาก็โดนเพ่งเล็งจากเอฟบีไอ และเพื่อนเก่าของเขาอย่างวินเซนต์ (Josh Lucas) ก็ยังมาจับลูกสาวเขาไปเพื่อบังคับให้วิลล์นำเงินที่ได้จากการขโมยครั้งนั้นมาแลกตัวลูกสาวไป ทีนี้การตามล่าไล่ล่าท้านรกก็เริ่มต้นครับ เป็นการดูหนังที่นิ่งมากครับ คือมันไม่ตื่นเต้นเลย ทั้งๆ ที่เนื้อเรื่องนี่มันคือการเอา Blue Streak มาเจอกับ Taken และมีส่วนผสมของ The Score ลงไปด้วย กล่าวคือเนื้อเรื่องมันเอื้อให้หนังมรทั้งแอ็กชัน โจรกรรม และระทึกขวัญ แต่ผลที่ได้มันไม่ก่อให้เกิดอารมณ์เหล่านั้นเลยน่ะครับ…

หนังไซไฟสยองขวัญสัญชาติเยอรมันครับ โดยเนื้อเรื่องนั้นดัดแปลงจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกันนี้ของ H.P. Lovecraft ครับ เรื่องเริ่มต้นเมื่อชายคนหนึ่งเดินทางไปเยอรมนีเพื่อตามหาพ่อที่หายไป เขาพยายามถามชาวบ้านว่ามีใครเคยพบเจอพ่อของเขาหรือไม่ แต่ทุกคนก็ตอบว่าไม่เคยเจอเลย จนกระทั่งเขาได้เจอชายคนหนึ่งที่บอกว่าเคยเจอพ่อของเขา และชายคนนั้นก็เล่าเรื่องราวชวนขนลุกเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่งนั้น… เหตุการณ์ลึกลับที่ว่าเกิดขึ้นหลังจากมีอุกกาบาตลูกหนึ่งตกลงมาแถบหมู่บ้านแห่งนั้น… หนังนำเสนอในรูปแบบขาวดำครับ ซึ่งก็ทำให้หนังดูขลังและคลาสสิกไปอีกแบบ และเหตุผลสำคัญที่ต้องนำเสนอเป็นขาวดำก็น่าจะเพราะ “สีปริศนาจากอวกาศ” นั่นแหละครับ เรื่องมันจะประมาณว่าในอุกกาบาตนั้นมีสีที่แปลกประหลาดที่คนบนโลกไม่เคยพบเจอมาก่อนฝังอยู่ภายในนั้น ดังนั้นเพื่อทำให้ “สี” ที่ว่ามีความโดดเด่น ก็เลยต้องทำให้ภาพหนังเป็นขาวดำ ส่วนเจ้าสีปริศนานั่นก็ใช้สีม่วงเพื่อเสริมความน่ากลัวชวนฉงนให้กับสีปริศนานั้น ซึ่งจะว่าไปก็ได้ผลครับ มันทำให้สีปริศนา (ที่ในหนังจะออกเป็นสีม่วง”) ดูลึกลับ น่ากลัว และดูมีชีวิตขึ้นมาทุกครั้งที่มันปรากฏบนจอ ตัวหนังนั้นเดินเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไปครับ ลักษณะเหมือนเป็นนิยายทีค่อยๆ เล่าไปทีละหน้า ดังนั้นใครคาดหวังความฉับไวก็ทำใจได้เลยครับ…

ภาคแรกผมดูแล้วรู้สึกเพลินกว่าที่คิดครับ เป็นหนังตลกร้ายปนสยองที่ทำออกมาได้น่าพอใจ ส่วนภาคต่อนี่ก็สารภาพเลยว่าผมไม่ได้ตามข่าวอะไรเลยครับ รู้ตัวอีกทีเขาก็ทำออกมาให้ดูกันแล้ว ก็เลยจัดมาดูตามระเบียบครับ ภาคนี้เกิดหลังจากภาคแรก 2 ปีครับ ตอนนี้โคล (Judah Lewis) มาเรียนไฮสคูลแล้ว แต่ฝันสยองเมื่อ 2 ปีก่อนยังคงตามมาหลอกหลอน และที่แย่กว่านั้นคือ ไม่มีใครเชื่อสิ่งที่เขาพูดเลยครับ อันนำมาสู่สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าก็คือ เขากลายเป็นตัวตลกในสายตาเพื่อนนักเรียน โดนล้อโดนแซวโดนจิกกัดไม่เว้นวัน ทีนี้เมลานี่ (Emily Alyn Lind) เพื่อนของเขาก็เสนอให้เขาออกไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง โคลเลยยอมไปด้วยครับ ไปนั่งเรือเล่นกลางลำน้ำ แต่โคลหารู้ไม่ว่าเรื่องสยองครั้งใหม่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง ตัวหนังนั้นมีทั้งส่วนที่เวิร์กและส่วนที่ขัดๆ ครับ…

ผมนั้นโปรดปรานรายการแนวตามล่าหาความจริงมานานครับ ประเภทล่าปริศนาลึกลับทั้งคดีฆาตกรรมหรือเรื่องเหนือธรรมชาติ ซึ่งผมว่ารายการเหล่านี้มีเสน่ห์นะ เพราะมันจะมาพร้อมปมที่ชวนติดตาม คำถามชวนสงสัย แล้วบางตอนก็ทำให้เรารู้สึกหลอนได้อย่างชะงัดนัก ซึ่งทั้งนี้และทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้นำเสนอล่ะครับว่าจะสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้น่าติดตามแค่ไหน สำหรับ Unsolved Mysteries คือรายการทีวีเก่าแก่ของอเมริกาครับ ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1987 แล้วก็สร้างต่อเนื่องกันมาเป็นสิบๆ ปีทีเดียว แต่ละตอนก็จะนำเอาคดีที่ยังไขไม่ออกมานำเสนอให้ผู้ชมได้รับทราบ พร้อมทั้งทิ้งท้ายว่าหากใครมีเบาะแสก็ให้แจ้งไปที่รายการเพื่อที่จะได้ช่วยกันไขคดีเหล่านี้ให้ลุล่วงไป ซึ่งก็มีอยู่หลายคดีครับที่สามารถไขได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากคนที่ได้ดูรายการนี้ ส่วนผมนั้นก็มีโอกาสได้ดูอยู่พอสมควรครับ (เพราะเขาอัพโหลดให้ดูกันฟรีๆ ทาง Youtube เพียงแต่จะไม่มีบรรยายไทยเท่านั้นเอง) ซึ่งก็ยอมรับนะว่าเป็นรายการที่ทำออกมาได้น่าติดตามดี แต่ละคดีก็ชวนให้สงสัยจริงๆ ว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งแต่ละตอนนั้นก็จะนำเสนอราว 4 – 5 คดี แล้วแต่กันไป…

ยอมรับครับว่าอยากดู NCIS: New Orleans มาก คือเหตุผลจริงๆ ที่ผมเอา NCIS กลับมาดูใหม่ก็คือดูเพื่อนำร่องทางอารมณ์ก่อนจะดูภาค New Orleans นี่แหละ (เพราะชุด New Orleans ได้รับการเปิดตัวที่ NCIS ปี 11 ก่อนจะมีภาคแยกมาเป็นของตัวเอง) ถ้าถามว่าทำไมอยากดู ก็เพราะผมหลงเสน่ห์เมืองนิว ออร์ลีนส์มานานแล้วครับ ดูหนังที่มีฉากหลังเป็นนิว ออร์ลีนส์ทีไรก็จะต้องใจกับบรรยากาศของเมือง สีสันที่ผสมกันระหว่างฉูดฉาดกับอึดครึม แล้วในเมืองยังอุดมไปด้วยอารมณ์มนต์ขลังแบบวูดู ถือเป็นเสน่ห์ที่โดนสำหรับผมทีเดียว แน่นอนว่าก่อนดูก็อดคาดหวังไม่ได้ล่ะครับ ว่าซีรี่ส์จะสามารถจับเอาบรรยากาศของนิวออร์ลีนส์มาถ่ายทอดได้มากน้อยแค่ไหน…