ยังจำหนังเรื่อง Class of 1999 ได้ไหมครับ ชื่อไทยว่า “เหี้ยมหุ้มเหล็ก” น่ะครับ คาดว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกับผมน่าจะคุ้นชื่อหนังไม่มากก็น้อย
เนื้อหาของหนังจะว่าด้วยคุณครูพันธุ์ใหม่ที่ถูกส่งมาเพื่อปราบนักเรียนแสบๆ ซึ่งจริงๆ แล้วพวกเขาเป็นหุ่นเหล็กครับ ถูกโปรแกรมให้มาสอนนักเรียน หากนักเรียนซ่าส์มากไปก็โดนเล่นซะ ถ้าโชคดีก็แค่คางเหลือง ถ้าโชคร้ายก็ไม่เหลือซากกันไป นี่เป็นหนังที่มีชื่อพอดูเมื่อประมาณ 23 ปีก่อนซึ่งผมจะนำมารีวิวเป็นลำดับถัดไปครับ วันนี้จะขอพูดถึง Class of 1984 ก่อน เพราะมันถือเป็นภาคแรกของไตรภาคชุดนี้ครับ ส่วน Class of 1999 นั่นคือภาค 2
แอนดรูว์ นอร์ริส (Perry King) คือคุณครูคนใหม่ที่ต้องมาสอนเหล่าเด็กเหลือขอในโรงเรียนที่แสนจะเสื่อมโทรม เด็กนักเรียนที่นี่ล้วนขาดวินัย เป็นอันธพาล ค้ายาเสพติด และชอบเล่นอะไรเลยเถิดล้ำเส้นแบบไม่เห็นหัวอาจารย์ ชนิดที่ทำเอาอาจารย์กดดันจนเสียสติกันไปเลยทีเดียว
ในที่สุดเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดที่แอนดรูว์สุดที่จะทน เขาเลยตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเพื่อต่อกรกับนักเรียนนรกเหล่านี้ให้มันหลาบจำ
เป็นหนังสะท้อนปัญหานักเรียนนักเลงนะครับ บางอย่างอาจดูรุนแรงจนเกิดคำถามว่า “มันจะเป็นไปได้หรือ?” แต่หากพิจารณาจากโลกปัจจุบันจะพบว่าสิ่งที่เกิดในหนังนั้นไม่เกินจริงสักเท่าไรครับ นักเรียนบางส่วนในโลกนี้ที่เลือกจะเดินทางสายนักเลง คอยหาเรื่องและท้าตีทุกคนที่ไม่ยอมทำตามพวกเขา
หนังค่อยๆ ไล่ระดับความขัดแย้งระหว่างอาจารย์และนักเรียนขึ้นตามลำดับ จนนำมาสู่แอ็คชั่นตอนท้ายระหว่าง แอนดรูว์ กับนักเรียนจอมอันธพาลที่ไม่ยอมกลับใจอย่าง ปีเตอร์ สเต็กแมน (Timothy Van Patten) ซึ่งหนังทำได้ดีกว่าที่คิดครับ ทั้งตื่นเต้น ระทึก กดดัน แม้การวาดภาพสงครามระหว่างครูกับนักเรียนอาจดูแรงจัด แต่หนังก็สามารถทำให้คนดูคล้อยตามเหตุการณ์ตรงหน้าได้ครับ
ดาราในเรื่องถือว่าเล่นกันได้ดี โดยเฉพาะครูแสนดีอย่างเทอร์รี่ คอร์ริแกน ที่ได้ Roddy McDowall มาแสดงนั้น ถือว่าเหมาะกับบทมาก ตอนเขาเจอเรื่องเลวร้ายนั้นยอมรับว่าสงสารแบบสุดๆ ครับ นอกจากนี้เรายังจะได้เห็น Michael J. Fox มาแสดงบทสมทบเล็กๆ บทหนึ่งด้วย
ถือเป็นหนังแอ็คชั่น ทริลเลอร์ที่ทำได้เข้าท่าเกินคาด จนพอจะยกให้เป็นงานกำกับชิ้นที่ดีที่สุดของ Mark L. Lester ก็ว่าได้ (แต่ที่ว่าดีนี่ก็คือดีในบรรดางานของเขาน่ะครับ) สนุกเท่ากับ Commando ที่เขากำกับ ที่นำแสดงโดย Arnold Schwarzenegger น่ะครับ เรื่องนี้อาจแอ็กชันไม่มากเท่า แต่สาระนับว่ามากกว่า และความน่าติดตามก็เยอะด้วย
มันลุ้นน่ะครับ ว่าเรื่องจะเป็นไงต่อไป เด็กมันจะนรกได้ขนาดไหน และครูจะทนได้ไหม หากทนไม่ได้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ครั้นพอเกิดแล้วเรื่องมันจะไปสุดที่ไหน เป็นการวางเรื่องที่ดีครับ ดูแล้วติดจนอยากดูจนจบ
ดูแล้วก็สะใจในส่วนหนึ่งครับ แล้วก็อดหดหู่นิดๆ ไม่ได้เพราะทุกวันนี้โลกเรามีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ อาจแรงไม่เท่าในหนัง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีครับ คำถามคือเราควรทำอะไรสักอย่างสักทีหรือไม่… ทำเพื่อป้องกันไม่ให้อนาคตของโรงเรียนหรือสังคมต้องเป็นเหมือนในหนังเรื่องนี้
กดดัน ตื่นเต้น ไม่ผิดหวัง
สองดาวเฉียดครึ่งครับ
(6.5/10)