Daylight (★★) หนังภัยพิบัติของพี่ Sylvester Stallone ครับ โดยรับบทเป็น คิท ลาทูร่า อดีตหัวหน้าหน่วยกู้ภัยที่ตอนนี้ผันตัวเองมาเป็นคนขับแท็กซี่แทน แต่แล้วเขาก็ต้องไปอยู่ในเหตุการณ์อุโมงค์ลอดแม่น้ำแห่งเมืองนิวยอร์คที่เกิดถล่มเนื่องจากมีการระเบิด ทีนี้ก็มีคนติดอยู่ในนั้นน่ะครับ และพวกเขาก็ตกอยู่ในอันตรายเพราะอุโมงค์มันจะถล่มได้ทุกเมื่อ อากาศก็จะหมดลง เลยต้องมีใครซักคนเดินทางไปช่วย… ก็แน่ละครับ ไม่ใช่ตัวประกอบที่ไหนหรอก คนไปช่วยต้องเป็นพี่คิทของเราอยู่แล้ว ซึ่งเขาก็ต้องแข่งกับเวลาลงไปใต้อุโมงค์ช่วยผู้รอดชีวิตออกมาให้มากที่สุด แล้วก็ต้องหาทางออกให้เร็วที่สุดด้วยหนังเข้าสูตรสำเร็จของแนวนี้เลยครับ ตัวเอกต้องมีอดีตเลวร้าย หรือไม่ก็โดนไล่ออกจากหน้าที่ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็จะเป็นความหวังเดียวที่ยอมเสี่ยงภัยช่วยคนอื่น แล้วจากนั้นก็จะมีการผจญภัยเอาชีวิตรอด มีคนตาย มีผู้เสียสละ และในตอนจบ คนที่ดวงดีสุดๆ ก็จะรอด มันก็เป็นสูตรทั่วๆ ไปที่ใช้กันมาหลายเรื่อง แต่ทว่าหากคนทำสามารถจับทางได้ ใส่ลูกเล่นและความตื่นเต้นลงมาได้ถูกจังหวะล่ะก็ หนังก็จะออกมาดีครับกับเรื่องนี้ หนังก็ถือว่าสนุกในระดับหนึ่งครับ น่าติดตามดี งานด้าน Effect ทำได้เยี่ยมครับ ตอนที่น้ำค่อยๆ สูงขึ้นหรือตอนที่อุโมงค์ค่อยๆ ปริแตก รวมไปถึงฉากภายในต่างๆ ผมว่าทำได้ดีเลยล่ะครับ ค่อนข้างสมจริง ดูไปก็เลยตื่นเต้นจริงๆ ไปด้วย ตัวละครในเรื่องก็แสดงได้น่าพอใจ พี่สไลแกดูเป็นฮีโร่ครับ เชื่อได้ไม่ยากเลยว่าแกต้องช่วยพวกนี้ได้แน่ๆ และท่าทางเขายังดูอมทุกข์แฝงไว้ด้วยดราม่านิดๆ ด้วย ถือว่าไปกับบทได้ดีครับส่วนรายอื่นๆ ก็ทำได้ดีตามที่บทจะอำนวยครับ Amy Brenneman รับบทนางเอก และอีกรายที่น่าจดจำก็คงหนีไม่พ้น Stan Shaw ในบทจอร์จ ไทเรลล์เจ้าหน้าที่ประจำอุโมงค์ที่พยายามจะช่วยคนให้ได้มากที่สุด แล้วเรายังจะได้เจอกับ Viggo Mortensen หรืออารากอนแห่ง The Lord of The Rings ด้วยนะครับผม เพียงแต่บทอาจจะไม้่มากเท่าไร แต่ถ้าคุณรักวิกโก้ ก็ลองตามมาดูได้ครับ แกก็เท่ห์อยู่เหมือนกันผู้กำกับ Rob Cohen แห่ง Dragonheart และ Dragon: The Bruce Lee Story ก็ทำงานชิ้นดีออกมาได้สนุกครับ ถึงเครื่องตามหนังแนวนี้ แม้บางช่วงจะอืดไปบ้าง แต่โดยรวมก็ออกมาใช้ได้อีกจุดหนึ่งที่ถือว่าเด่นจนน่าจดจำคือดนตรีของ Randy Edelman ครับ ถือว่าเร้าอารมณ์ได้ดีทั้งในแง่ความลุ้นและในเชิงอารมณ์ดราม่า และจำได้เลยครับว่าบ้านเราเอามาใช้บ่อยมาก โดยเฉพาะรายการข่าวต่างๆเรื่องนี้พี่สไลแกได้ค่าตัว $17.5 ล้านครับ และเหตุผลหนึ่งที่เขารับเล่นหนังเรื่องนี้ก็เพราอยากเอาชนะความกลัวพื้นที่แคบของเขาครับ (ซึ่งก็จะเหมือนตอนที่เขารับแสดงใน Cliffhanger ที่ตอนนั้นเขาก็อยากเอาชนะอาการกลัวความสูงของเขาเช่นกัน) และจริงๆ แล้วตอนแรกผู้กำกับ Cohen อยากได้ Nicolas Cage มาแสดงนำครับ แต่ทางสตูดิโอผู้สร้าง (Universal) มองว่าพี่สไลแกจะเป็นดาราสายตลาดที่เรียกลูกค้าได้มากกว่า ก็เลยเสนอให้พี่สไลมาแสดงครับแต่ในแง่รายได้แล้ว อาจไม่สวยงามเท่าไรครับ หนังลงทุนเบ็ดเสร็จที่ $80 ล้าน แต่ทำเงินในอเมริกาเพียง $33 ล้านเท่านั้น ยังดีที่รายได้ทั่วโลกมาโปะเอาไว้ได้ (หนังทำเงินทั่วโลกไป $159 ล้านครับ) และจริงๆ แล้วพี่สไลเคยให้สัมภาษณ์ไว้ครับว่านี่จะเป็นหนังแอ็กชันเรื่องสุดท้ายของเขาแล้ว เนื่องจากเขารู้สึกว่าตัวเองอายุเยอะไปแล้วสำหรับหนังแนวนี้ แล้วหลังจากนั้นเขาก็หันไปแสดงหนังดราม่าอย่าง Copland, Driven ครับ แต่จนแล้วจนรอดพี่เขาก็กลับมาพร้อมกับ Rocky Balboa, Rambo และ The Expendables จนได้ครับผมว่าคุณๆ คงคาดเดาได้น่ะครับว่าหนังแนวนี้มันจะมีอะไรบ้าง ก็ตามนั้นครับ ตามสูตรหนังภัยพิบัติ มันอาจจะไม่เด็ดดวงเท่าพวก The Poseidon Adventure หรือ The Towering Inferno แต่ก็ถือเป็นหนังภัยพิบัติที่ควรค่าแก่การดูเรื่องหนึ่งล่ะครับ มีลุ้นและการผจญภัยที่น่าติดตาม คอหนังแนวภัยพิบัติก็น่าลองล่ะครับ เพราะผมว่ามันออกมาไม่เลวเลย