DUNE
— 8.6/10 —
อลังการงานสร้าง ทั้งภาพและเสียง
เกมการเมืองรูปแบบไซไฟ ปูเรื่องได้น่าติดตาม
นี่คือหนังที่สร้างมาจากนิยายของ Frank Herbert ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนิยายที่ดีที่สุดเทียบเท่า The Lord of the Rings ของ J.R.R. Tolkien เลยทีเดียว แตก็ต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้มาเช่นกัน ก็จะพูดในแง่ของความเป็นหนังและไม่สามารถเปรียบเทียบความเหมือนหรือต่างจากฉบับนิยายได้
นี่คือหนังภาคแรก ที่มันจะถูกแบ่งออกเป็นสองภาค โดยในภาคแรกนี้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคตอันไกลโพ้น เมื่อตระกูล Atreides ได้ถูกจักรพรรดิส่งให้ไปปกครองดาวแห่งทะเลทราย Arrakis ดาวที่มีสสารมีค่ามากที่สุดในจักรวาลอย่าง Spice แต่การมาของ Atreides ในครั้งนี้ทำให้ผู้ปกครองเดิมอย่างพวก Harkonnen ที่เคยกดขี่ชาวพื้นเมือง Fremen ต้องออกไปที่อื่น แต่หารู้ไม่ว่าตระกูล Atreides กำลังเดินทางมาสู่กับดักเกมการเมืองที่จักรพรรดิได้วางเอาไว้
หนังเต็มไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่วินาทีแรกของเรื่อง มีการปูเรื่องราวตัวละคร ตระกูลต่าง ๆ ให้คนดูเข้าใจอย่างไม่ยากเย็น ไม่ซับซ้อน อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยทำความเข้าใจกับมัน เพราะชื่อตัวละครชื่อดาวอะไรต่าง ๆ มันก็จำยากพอสมควร ซึ่งมันดีมาก มันทำให้คนดูเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากกว่าเดิม ดูไปดูมาให้ความรู้สึกเหมือนดู Game of Thrones เหมือนกันนะ แต่เป็นในรูปแบบไซไฟ เกมการเมืองแย่งชิงอำนาจอะไรทำนองนั้น
เอาตรง ๆ Dune มันไม่ใช่หนังที่ดูสนุกแต่ในทางกลับกันมันก็ไม่ได้น่าเบื่อ มันเป็นหนังที่ดีเรื่องนึง ด้วยโปรดักชันที่อลังการงานสร้าง งานภาพไร้ที่ติ งานเสียงยิ่งยอดเยี่ยมเข้าไปใหญ่ คุ้มค่ามากที่จะดูในโรงหนัง ที่สำคัญมันทำหน้าที่ปูเรื่องได้น่าติดตามจนอยากดูต่อ
แต่หากใครไม่ชอบการดำเนินเรื่องของ Blade Runner 2049 ผลงานเรื่องก่อนของ Denis Villeneuve คุณก็อาจจะไม่ชอบเรื่องนี้ เพราะมันมีความเนิบนาบ วิธีเล่าเรื่องแบบ slow burn แต่โดยส่วนตัวมองว่าหนังเรื่องนี้มันมีจังหวะการดำเนินเรื่องเร็วกว่านะ และไม่ได้เข้าใจยากด้วย
สรุปแล้ว DUNE เป็นหนังดีเรื่องนึงที่น่าติดตาม งานภาพเพลินตา งานเสียงก็ยอดเยี่ยม นักแสดงก็แสดงกันได้ดียกชุด แต่อาจต้องเข้าใจการดำเนินเรื่องความ slow burn ของมันหน่อย แล้วน่าจะเอ็นจอยกับมันไปได้อย่างไม่ยากเย็น