Gutshot Straight เล่าถึงเรื่องราวในช่วงวิกฤตของนักพนันนามว่า แจ็ค (George Eads) ที่ชีวิตนี้เต็มไปด้วยหนี้ โชคเขาดูเหมือนจะดีขึ้นมาหน่อยเมื่อได้เจอกับเศรษฐีคนหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นว่าชีวิตเขากำลังจะเจอกับเรื่องวุ่นวายมากกว่าเก่า แจ็คเลยต้องพยายามผ่าทางตันก่อนที่ชีวิตเขาและครอบครัวจะต้องลำบากไปมากกว่านี้
หนังออกแนวดราม่าครับ ไม่ได้มีแอคชั่นอะไร แกนหลักสำคัญของเรื่องหนีไม่พ้นการแสดงให้เราเห็นว่าการติดอยู่ในวังวนของการพนันนั้นไม่ทำให้ชีวิตใครดีขึ้น มิหนำซ้ำยังอาจทำให้ชีวิตตนและคนรอบตัวเสมือนตกอยู่ในนรกด้วย
ยอมรับว่าตอนดูหนังเรื่องนี้แล้วเห็นหน้า Eads อยู่ในลาสเวกัสก็อดนึกถึง CSI ไม่ได้ครับ นึกภาพเขาตอนเป็นนิค สโตคส์ขึ้นมาเลย คิดแล้วอยากย้อนไปเอา CSI มาดูแฮะ – ส่วนในแง่การแสดงผมว่าเขาก็ทำได้โอเคครับ ส่วนตัวบทก็อาจไม่แปลกใหม่อะไร แต่เชื่อว่าถ้ามีการปรุงเหมาะๆ หนังก็สามารถออกมาน่าสนใจได้ แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ครับ ตัวหนังออกมาค่อนข้างธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ
หนังมีดาราที่พอมีชื่อในอดีตโผล่มาในหนังคนละนิดละหน่อย ไม่ว่าจะ Steven Seagal, Ted Levine (The Silence of the Lambs), Vinnie Jones (Snatch), Stephen Lang (Don’t Breathe) และ Tia Carrere (True Lies) บางคนนี่โผล่ขึ้นโปสเตอร์แบบเต็มตาครับ แต่ในหนังโผล่มาแค่ชั่วอึดใจ จะมีการ Lang นี่แหละที่บทเยอะกว่าเขาหน่อย
เหตุผลที่ผมเอามาดูนั้นมีอยู่ 2 ข้อใหญ่ๆ ครับ ข้อแรกคืออยากดู Eads แสดงนำ (ในฐานะที่คุ้นเคยกันมาจาก CSI) และอีกเหตุผลคือตามมาดูพี่ Seagal ซึ่งการตามมาดูหนนี้ไม่ใช่เพียงเพราะดูในฐานะเพื่อนเก่าเพื่อนแก่เท่านั้น แต่เพราะมันมีเรื่องเล่าครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าพี่ Seagal แสดงในบทเล็กๆ ที่ชื่อว่าพอลลี่ ทรังส์ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีตัวละครนี้จะเพียงแค่ถูกพูดถึงในหนังเท่านั้น ไม่มีการปรากฏตัวบนจอ ทีนี้อยู่มาวันหนึ่งพี่ Seagal กับ Justin Steele ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ก็นัดมาเจอกันและร่วมกันใช้ Peyote – ถึงตรงนี้ขออธิบายเพิ่มเติมครับว่า Peyote คือชื่อของแคคตัสชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์เป็นสารเสพติดครับ ฤทธิ์ของมันก็อย่างเช่นทำให้เกิดภาพหลอน ทำให้ผู้เสพเข้าสู่ภวังค์ (ออกแนว LSD) – ชนพื้นเมืองอเมริกันบางกลุ่มนำ Peyote มาใช้ในพิธีกรรมเชิงจิตวิญญาณ
ปรากฏว่าวันถัดมาหลังจากพวกเขาใช้ Peyote แล้ว พี่ Seagal แกตื่นมาแล้วคิดว่าเองคือพอลลี่ ทรังส์ (คาดว่าคืนนั้นพวกเขาคงคุยกันถึงตัวละครนี้น่ะครับ) แน่นอนว่า Steele เองก็งงเหมือนกัน พวกเขาเลยไปปรึกษากับจิตแพทย์ประจำตัวของพี่ Seagal ซึ่งทางนั้นก็แนะนำว่าทางที่จะทำให้ตัวตนพอลลี่ ทรังส์หายไป ก็คือให้ Seagal แสดงเป็นพอลลี่จริงๆ ไปเลย แล้วทีมงานก็ใช้เวลา 1 วันในการถ่ายทำพี่ Seagal (ที่คิดว่าตัวเองคือ พอลลี่ ทรังส์)
พอหมดวัน พี่ Seagal ก็หลับไป พอตื่นขึ้นมาก็กลายเป็นว่า Seagal จำเรื่องเมื่อวานไม่ได้เลยครับ จำไม่ได้ว่าเขาเป็นพอลลี่ ทรังส์ และจำไม่ได้ว่าเขาได้เล่นเป็นบทนี้ด้วย – ว่าง่ายๆ คือที่เราเห็นพี่ Seagal ในเรื่องนี้น่ะ พี่เขาเล่นตอนอยู่ในภวังค์ครับ
ก็เล่าสู่กันฟังนะครับ ขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่าน และขอออกตัวว่าผมไม่สนับสนุนเรื่องการใช้ยาเสพติดครับ
เอาเป็นว่าหนังเรื่องนี้ ก็ผ่านมาแล้วผ่านไปครับ ไม่ถึงขั้นแย่ แต่ก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจ
ดาวเดียวครับ
(4/10)