นี่คือหนังเรื่องแรกในชีวิตการแสดงของพี่บึ้ก Arnold Schwarzenegger ครับ แล้วมันก็เป็นผลงานที่พี่เขาก็คงอยากจะลืมไม่น้อยทีเดียว
พี่บึ้ก Arnold รับบทเป็นเฮอร์คิวลีสครับ เปิดเรื่องมาก็เป็นเหตุการณ์บทยอดเขาโอลิมปัส (ที่ให้ความรู้สึกเหมือนสวนสาธารณะสักแห่งมากกว่า 555) โดยเฮอร์คิวลีสของเรารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตแบบเทพเป็นอย่างมาก เขาเลยตัดสินใจเดินทางไปนิวยอร์กเพื่อหาความแปลกใหม่ แล้วไปๆ มาๆ ด้วยความล่ำบึ้กของเขาก็เลยทำให้เขาได้เข้าวงการนักเพาะกายครับ และนั่นก็นำเขาไปสู่การผจญภัยต่อสู้กับพวกคนโกงกลางมหานครนิวยอร์กแห่งนั้น
โอเคครับ นี่คือหนังตลก และผมก็รู้สึกว่ามันตลกจริงๆ ครับ แต่คงไม่ใช่แบบที่หนังอยากให้เป็น กล่าวคือผมไม่ได้รู้สึกสนุกกับหนังหรือตลกไปกับมุกในหนัง ทว่าผมรู้สึกตลกกับสิ่งที่หนังเป็น รู้สึกตลกกับพล็อตที่แสนจะโล่งโถง และตลกไปกับความต๊องของหนังตั้งแต่ต้นจนจบ
หลายอย่างในหนังมันดูโล่งจริงๆ ครับ คือรู้สึกเลยน่ะว่าหนังถ่ายทำแบบง่ายๆ ไม่ได้พิถีพิถันอะไร การแสดงก็ไม่เนียน ฉากต่างๆ ก็ดูไม่เนียน (อาทิ ฉากยอดเขาโอลิมปัสที่เหมือนสวนสาธารณะแบบที่ผมบอกไป) เป็นหนังที่ดูไม่ลงทุนสักเท่าไรในแง่งานสร้าง (แม้หนังจะพยายามโฆษณาสุดชีวิตว่าถ่ายทำในนิวยอร์กทั้งเรื่องก็ตาม)
พี่บึ้ก Arnold ของผมในเรื่องนี้ก็พอเข้าใจน่ะครับ เพราะเขาไม่เคยแสดงหนังมาก่อน ในเรื่องนี้เขาเลยแสดงเหมือนแสดงหนัง คือดูไม่เนียนไม่อินไปกับบท ซึ่งถ้าดูแบบเอาจริงเอาจังก็อาจทำให้เราหงุดหงิดได้ครับ แต่หากดูแบบทำใจให้สบายๆ คิดเสียว่าดูผลงานแรกสุดในชีวิตของพี่บึ้ก ก็จะทำให้เราเพลินกับหนังไปอีกแบบ เพลินไปกับอากัปกิริยาที่แสนจะบ้องแบ้วของพี่เขา พอมองมุมนี้มันก็สนุกดีเหมือนกัน
และอันที่จริงผมว่ามันทำให้เราเห็นถึงพัฒนาการของเขานะครับ แม้ในเรื่องนี้การแสดงของเขาจะไม่เข้าท่าเลยก็ตาม แต่พอเวลาผ่านไปเขาก็แสดงดีขึ้น ทำงานตรงนี้ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ นั่นแสดงว่าเขาเองก็พยายามพัฒนาตัวเองเหมือนกัน ไม่ได้ปล่อยเลยตามเลย จุดนี้ผมมองว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมครับ
แล้วพอลองสืบค้นเกี่ยวกับเบื้องหลังงานสร้างหนังเรื่องนี้ก็มีอะไรให้ได้ฮาอยู่ไม่น้อยครับ อย่างการที่พี่บึ้ก Arnold ได้มาเล่นหนังเรื่องนี้เนี่ย แรงผลักดันสำคัญก็คือผู้จัดการของเขาครับ เขาพยายามโฆษณาสรรพคุณของพี่บึ้กให้ผู้สร้างหนังเรื่องนี้ได้ฟังกัน อย่างเช่น เขาบอกกับผู้สร้างว่าพี่บึ้กของเรานี้มีประสบการณ์บน “เวที” (Stage) มานานหลายปี ซึ่งการพูดแบบนี้จัดว่าเป็นอะไรที่คลุมเครือและทำให้ผู้ฟังเข้าใจไปในทางที่ว่า “ประสบการณ์บนเวที” นี่น่าจะหมายถึงงานแสดงละครเวทีอะไรเทือกนั้น และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้สร้างยอมเลือกพี่บึ้กของเราไปแสดง
ถ้าถามว่าผู้จัดการโกหกไหม ก็ตอบได้ว่า “เปล่าโกหก” ครับ เพราะพี่บึ้ก Arnold มีประสบการณ์บน “เวที” หลายปีจริงๆ เพียงแต่มันไม่ใช่ละครเวที แต่เป็น “เวทีเพาะกาย” (Bodybuilding stages) ต่างหาก ซึ่งกว่าที่ผู้สร้างจะตระหนักว่าตัวเองเข้าใจผิดก็กลับตัวกลับใจไม่ทันแล้วครับ
และถ้าสังเกตจะพบว่าในหนังเรื่องนี้ พี่บึ้ก Arnold ของเราขึ้นชื่อบนเครดิตว่า Arnold Strong ครับ ด้วยเหตุผลที่ว่านามสกุลจริงๆ อย่าง Schwarzenegger มันยาวไป ก็เลยตั้งให้ไหมแบบสั้นๆ และนามสกุลยังฟังดูคล้องกับดาราอีกคนที่ร่วมแสดงนำอย่าง Arnold Stang ด้วย
หนังกำกับโดย Arthur Allan Seidelman ซึ่งนี่ถือเป็นงานกำกับเรื่องแรกในชีวิตของเขาเลยครับ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ทำหนังทีวีกับซีรี่ส์อีกหลายเรื่องทีเดียว เรื่องที่จัดว่าน่าจดจำที่สุดของเขาก็คือ Walking Across Egypt หนังปี 1999 นำแสดงโดย Jonathan Taylor Thomas , Ellen Burstyn, Judge Reinhold และ Mark Hamill กับอีกเรื่องก็ A Christmas Carol ฉบับหนังทีวีปี 2004 ที่ได้Kelsey Grammer มาแสดงเป็น สครูจ แล้วก็มี Jane Krakowski กับ Jennifer Love Hewitt มาร่วมแสดงด้วย (ซึ่งตอนนี้ก็น่าจะหาดูในบ้านเราไม่ได้ทั้งคู่)
คงไม่ต้องถามน่ะนะครับว่าหนังสนุกไหม คือถ้าดูเอาขำแบบไม่คิดมาก (แบบมากๆ) ก็น่าจะขำอยู่ครับ แต่ไม่ใช่ขำเพราะมุกในหนังนะ ที่ขำน่ะขำเพราะงานสร้างและความเห่ยความต๊องหลายๆ อย่างที่หนังมี ดูไปนี่แทบจะพูดไปเลยว่า “ทำไปได้น่ะนั่น”
แต่สำหรับผมแล้ว เรื่องนี้ดูเพื่อทำความรู้จักกับพี่บึ้ก Arnold ครับ ทำให้ได้เห็นว่าก้าวแรกของเขาเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าเราตัดสินจากก้าวแรกนี้เพียงอย่างเดียว เราก็คงนึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งเขาจะกลายมาเป็นดาราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของวงการได้… ผมอยากให้มองผลงานเรื่องนี้เป็นเหมือนแรงบันดาลใจนะครับ จริงที่กาลครั้งหนึ่งชายชื่อ Arnold Schwarzenegger เคยเล่นหนังเรื่องแรกออกมาเป็นหนังที่แสนจะเห่ย แต่เพราะเขาไม่ยอมหยุด ไม่ยอมท้อ และไม่ลืมที่จะหาทางยกระดับตัวเอง จนทำให้เขาได้ไต่ระดับจากดาราหางแถวที่มีแต่คนขำขัน กลายเป็นดาราแถวหน้าที่ใครๆ ก็รู้จัก
แต่สำหรับหนังเรื่องนี้ ก็ดาวเดียวครับ
(4/10)