รีวิว ซีรีส์ HOLD TIGHT
รีวิว ซีรีส์ HOLD TIGHT ซีรีส์แนวคนหายจากฮาร์ลาน โคเบนเจ้าเก่าเจ้าเดิม
การหายไปของบุคคลเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เพราะมันทำให้คนที่รออยู่ไม่รู้เลยว่าคนที่หายไปจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง มันทุกข์ทรมานมากกว่ารู้ว่าคนที่หายไปได้จากเราไปแล้วเสียอีก เพราะการหายไปอย่างไร้ร่องรอยมันสร้างความหวังที่ริบหรี่ว่าบางทีคนที่หายไปอาจจะยังมีชีวิตรอดอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ก็เป็นได้ การที่เราไม่รู้ชะตากรรมในว่าคนที่หายไปเป็นอย่างไรเป็นอะไรที่ลึกลับเป็นอย่างมาก เรื่องราวแนวคนหายจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งในสื่อบันเทิงแนวระทึกขวัญหรือแนวลึกลับ
อย่างเช่นที่เราจะมาแนะนำในวันนี้เป็น LIMITED SERIES บน NETFLIX ที่มีชื่อว่า HOLD TIGHT ที่เล่าเรื่องราวแนวคนหายจากเจ้าเก่าเจ้าเดิมอย่างฮาร์ลาน โคเบน นักเขียนนวนิยายที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนหายเป็นหลักและถูกนำไปสร้างเป็นสื่อบันเทิงในหลากหลายประเทศ นวนิยายเรื่องราวเรื่องเล่าของเขาถูกนำเอามาสร้างเป็นภาพยนตร์และซีรีส์มากมายบน NETFLIX ก็มีหลายเรื่องเช่นเดียวกัน อย่างเช่นเรื่อง INNOCENT ที่ได้ทีมงานสร้างจากสเปนรังสรรค์ขึ้นมา และในครั้งนี้เป็นงานสร้างของทีมงานจากโปแลนด์ที่ไม่เคยหยิบจับเรื่องราวของโคเบนมาทำก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว มันจึงน่าสนใจไม่น้อยเลยว่าเรื่องราวทั้งหมดจะออกมาเป็นอย่างไร
การกลับมาในครั้งนี้จะสานต่อเรื่องราวเกี่ยวกับคนหายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในชุมชนแห่งหนึ่งจนมีการออกมาเปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่เกี่ยวกับคนในครอบครัวชุมชนนั้นเอง สำหรับใครที่กังวลเราต้องบอกก่อนว่าในความจริงแล้วนวนิยายของโคเบนั้นเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างมีมาตรฐาน เหมือนกับที่เราสามารถไว้วางใจได้ว่านิยายสยองขวัญผลงานของสตีเฟน คิงได้ ถ้าเป็นนวนิยายแนวคนหายก็ต้องโคเบน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือการใช้สูตรสำเร็จแบบเดิมตามแบบฉบับของนักเขียนนิยายชื่อดัง สุดท้ายแล้วมันจะสร้างความสนุกสนานให้กับคุณได้หรือไม่ก็ต้องไปติดตามรับชมกันดู
ซีรี่ย์ netflix แนะนํา 2022
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง HOLD TIGHT
HOLD TIGHT เป็นซีรีส์ที่เล่าถึงเรื่องราวของเมืองแห่งหนึ่งที่มีหลายครอบครัวอาศัยอยู่ ด้วยความที่เป็นเมืองไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายแต่ละคนจึงรู้จักกันมาอย่างยาวนานเป็นอย่างดี มีความสนิทสนมกันมาโดยตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งมีลูกชายของหนึ่งในครอบครัวภายในเมืองเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา หากสังเกตจากสิ่งแวดล้อมแล้วดูเหมือนว่าเขาจะฆ่าตัวตายด้วยวิธีการเสพยาเกินขนาด แต่หากพิจารณาลงลึกเข้าไปจะพบว่ามีอะไรแปลกๆ ซ่อนอยู่มากมาย เหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การฆ่าตัวตายแต่อย่างใด
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงเพราะบรรดาเพื่อนรักของเด็กหนุ่มเริ่มทำตัวมีพิรุธมากมายอย่างเห็นได้ชัดจนทำให้ผู้เป็นแม่ตัดสินใจออกตามหาความจริง แต่มันกลับกลายเป็นว่ายิ่งเธอพยายามตามหาความจริงมากขึ้นเท่าไหร่มันกลับทำให้เธอต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับความอันตรายมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ในขณะเดียวกันเองภายในเมืองก็เกิดคดีคนหายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแต่ละคดีที่เกิดขึ้นต่างก็มีความเชื่อมโยงกับครอบครัวที่สนิทสนมกันเป็นอย่างดี มันเป็นเรื่องบังเอิญที่มีความเกี่ยวข้องกันแบบผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายแล้วผู้เป็นแม่จะสามารถตามหาเรื่องราวความจริงได้สำเร็จหรือไม่และแต่ละคนมีความลับอะไรซ่อนอยู่ ต้องไปติดตามรับชมกันในซีรีส์
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง HOLD TIGHT
HOLD TIGHT เป็น LIMITED SERIES ที่มีจำนวนเพียงแค่ 6 ตอนเท่านั้น ดังนั้นมันจึงสั้นเป็นอย่างมาก การที่จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนหายและความสัมพันธ์ของคนทั้งเมืองให้ออกมากระชับฉับไวและเข้าใจได้อย่างรวดเร็วจึงเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ยาก มันกลายเป็นปัญหาของซีรีส์เรื่องนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น มีการเปิดตัวตัวละครหลักมากมายจากแต่ละครอบครัวพร้อมกันแต่ไม่ได้ปูพื้นหรือเจาะจงไปที่ครอบครัวในครอบครัวหนึ่งทำให้เราสับสนว่าสุดท้ายแล้วใครกันแน่ที่เป็นตัวหลัก การเล่าเรื่องราวมีความกระโดดไปกระโดดมาไม่น้อยเลยทีเดียว มันเลยสร้างความงุนงงสับสนให้กับผู้รับชมได้พอสมควร
หลายคนอาจรู้สึกไม่กังวลเพราะหากใครเคยรับชมซีรีส์หรือภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากผลงานของโคเบนจะทราบดีว่าทุกอย่างจะประติดประต่อกันเองในภายหลัง แต่น่าเสียดายที่ซีรีส์เรื่องนี้สุดท้ายแล้วก็แทบจะไม่สามารถสร้างความเชื่อมโยงกันของแต่ละเรื่องราวเข้าด้วยกันได้เลยแม้แต่น้อย มันทำให้การสืบหาสาเหตุการฆ่าตัวตายของเด็กชายเป็นเรื่องหนึ่ง ในขณะที่การหายตัวไปของคนก็เป็นอีกเรื่องนึง ตัวร้ายแยกออกจากกันอย่างชัดเจนแต่นำเอามารวมกันให้เราสับสนแบบเล่นๆ
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าเสียดายก็คือการเปิดตัวคนร้ายมาตั้งแต่เริ่มต้น แต่ไม่ได้มีการปูพื้นเลยว่าเขามีที่มาที่ไปหรือเหตุผลในการกระทำของเขาอย่างไร ตั้งใจขายให้ความโหดเพียงแค่อย่างเดียว ทำให้รับชมจนจบแล้วเราก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาทำเรื่องพวกนี้ไปทำไมกันแน่
โดยรวมแล้วซีรีส์เรื่องนี้ถือว่าเป็นซีรีส์คนหายจากนวนิยายของฮาร์ลาน โคเบนที่มีคนหายอย่างต่อเนื่องหลายคนมากกว่าเรื่องอื่นที่เคยผ่านมา มีการเล่นประเด็นการปกป้องลูกทุกวิถีทางของคนเป็นพ่อแม่ได้ดี แต่นอกจากนี้แล้วทุกอย่างกลับทำออกมาได้ไม่ดีเลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องหลายทิศทาง ตัวร้ายที่ไม่สมเหตุสมผล การขาดความเชื่อมต่อกัน
ตัวอย่างซีรีส์ HOLD TIGHT
รีวิวซีรีส์ HOLD TIGHT บางส่วนจาก playinone
ซีรีส์สอบตกมาตรฐานการเล่าเรื่องให้สนุกตื่นเต้นน่าติดตามจากสูตรสำเร็จของ ฮาร์ลาน โคเบน อีกทั้งปมต่างๆ ยังชวนให้งงแบบเฉลยมาแล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ ตอนจบตั้งใจหักมุมเต็มที่แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว้าวอะไรนัก Hold Tight อย่าเผลอ ลิมิเต็ดซีรีส์ 6 ตอนจบจากนิยายของ ฮาร์ลาน โคเบน เรื่องราวของคนหายตัวไปเรื่อยๆ ในชุมชนหนึ่งที่กลายมาเป็นการเปิดเผยความลับที่ซ่อนเร้นของคนในครอบครัวชุมชนนั้นเอง
ชุดซีรีส์จากโคเบนที่ทำมาหลายต่อเรื่องจากทีมงานหลายประเทศ ที่ดังๆ สุดก่อนนี้ก็คือ The Innocent จากสเปน (อ่านรีวิวได้ที่นี่สำหรับคนไม่เคยดูโคเบนมาก่อนแนะนำมากๆ) มาเรื่องนี้คือทีมงานจากโปแลนด์ที่ยังไม่เคยทำนิยายของโคเบนมาก่อน ซึ่งต้องบอกว่าถึงนิยายจากโคเบนจะมีมาตรฐานที่ค่อนข้างดี แต่การดัดแปลงมาเป็นซีรีส์ก็ต้องอาศัยความสามารถของทีมงานค่อนมาก ด้วยความที่ตัวนิยายของโคเบนมักเริ่มจากจุดเล็กๆ คนหาย แล้วเรื่องค่อยๆ โยงใยขยายไปทั่วแบบใยแมงมุม ทำให้เรื่องเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่โตเกินคาดได้เสมอ ซึ่งเรื่องนี้เองก็ยังมาในสูตรคนหายแบบเดิม แต่เรื่องนี้จะไม่ใช่แค่คนหายคนเดียวแล้วตามหา แต่เป็นการหายแบบต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพล็อตแบบนี้ดูแปลกใหม่น่าสนใจ แต่กลายเป็นว่าตัวทีมงานกลับไม่สามารถดัดแปลงนิยายเรื่องนี้มาซีรีส์ได้ดีพอ
เนื้อเรื่องเริ่มจากหลายครอบครัวในเมืองนี้รู้จักกันมานาน แต่แล้วเมื่อลูกชายของคนหนึ่งตายไปแบบปริศนาเหมือนฆ่าตัวตายจากเสพยาเกินขนาด แต่กลายเป็นว่าเรื่องไม่จบเมื่อเพื่อนรักในกลุ่มนี้กลับทำตัวมีพิรุธจนแม่ของพวกเขาต้องออกตามสืบหาความจริง และกลายเป็นว่ายิ่งพาตัวเองเข้าไปพัวพันกับอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในขณะนั้นเองก็มีคดีคนหายต่อเนื่องที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มครอบครัวที่สนิทสนมกัน เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างผิดปกติ
ด้วยความที่เรื่องเป็นลิมิเต็ดซีรีส์ 6 ตอนจบที่สั้นมากด้วย การเล่าเรื่องราวซับซ้อนให้กระชับและเข้าใจจึงยากมาก ซึ่งจุดนี้เองเป็นปัญหาตั้งแต่แรกเริ่มเรื่องนี้แล้ว เมื่อตัวละครหลักมีจำนวนมากหลายครอบครัวเปิดเรื่องมาพร้อมๆ กันโดยไม่ได้มีเวลามาปูพื้นหรือโฟกัสว่าใครเป็นเรื่องหลักกันแน่ด้วย เพราะตัวเหตุการณ์ลูกชายตนหนึ่งตายก็กระโดดเล่าข้ามมาเลย จู่ๆ ก็มีคนตาย คนหายอีก ซึ่งการที่เรื่องโยนทุกอย่างลงมาพร้อมๆ กันตั้งแต่แรกแบบนี้ทำให้คนดูเองก็ต้องงงว่าทิศทางเรื่องนี้จะไปยังไงแบบไหน ซึ่งโอเคสำหรับคนดูโคเบนมาก็คงพอเข้าใจว่า
เดี๋ยวเรื่องทั้งหมดจะต่อกันเองในภายหลัง แต่พอดูจบกลายเป็นว่าจริงๆ ปมต่างๆ ในเรื่องนี้ก็แทบไม่ได้มีความเชื่อมต่อกันแบบนั้นเลย กลายเป็นเนื้อเรื่องการสืบหาความลับของลูกชายคนที่ฆ่าตัวตายก็เรื่องนึง คนหายตัวในชุมชนก็อีกเรื่องหนึ่ง มีตัวร้ายแยกขาดจากกันเลย แต่ดันเอาทั้งสองอย่างนี้มามัดรวมกันในเรื่องนี้ให้คนดูงงเล่น ซึ่งไม่ใช่แค่งงกับการคาดเดาว่าเชื่อมต่อกันยังไง แต่เป็นการงงจากการเล่าทิศทางเรื่องที่ไม่ดีเอามากๆ ด้วย ประมาณว่านึกจะตัดไปเล่าคนนั้นคนนี้ก็ตัดกระโดดไปมาไม่มีความต่อเนื่องกันสักเท่าไหร่ ซึ่งมีผลทำให้การดำเนินเรื่องดูเรื่อยเปื่อยไม่รู้จะไปทางไหนกันแน่
นอกจากนี้คนร้ายก็เปิดตัวอออกมาตั้งแต่แรกๆ แล้วก็ไม่มีมูลเหตุให้รู้เลยว่าหมอนี่ทำไปทำไม มีแต่การขายความโหดว่าหมอนี่โหดสัสแม้กับผู้หญิง แม้ดูจนจบก็ยังงงนิดๆ ด้วยว่ามันสมเหตุผลแล้วเหรอกับการลักพาตัวฆ่าคนเพื่อเรื่องแบบนี้ ยิ่งตอนจัดการคนร้ายก็ต่างออกไปจากโคเบนเรื่องอื่นๆ ที่คนร้ายต้องมีกึ๋นมีการต่อสู้มากพอสมควร แต่เรื่องนี้กลับจบแบบง่ายๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยจบลงไปเองแบบห้วนๆ ซึ่งเฟลมากกับการปูว่าตัวร้ายโหดมาตลอด
และดูเหมือนว่าเนื้อหาสืบสวนทั้งเรื่องไม่ใช่ประเด็นที่เรื่องนี้ต้องการขาย แต่เป็นเรื่องการที่พ่อแม่ต้องปกป้องลูกทุกทางมากกว่าที่เป็นจุดที่เรื่องนี้อยากขาย ซึ่งที่ผ่านมาในเรื่องก็จะมีแนวการใช้แอปติดตามดักอ่านข้อมูลจากมือถือลูก ซึ่งก็ถูกนำมาเล่นเป็นประเด็นต่อเนื่องว่านี่คือความห่วงแบบผิดๆ ที่รุกล้ำเรื่องส่วนตัวของลูก ซึ่งโลกของวัยรุ่นในเรื่องนี้ก็มีอะไรที่นำไปสู่สิ่งไม่ดีมากมายทำให้พ่อแม่เป็นห่วงจนต้องยอมทำเรื่องนี้ลงไป ซึ่งพอตอนจบสุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดก็จะหักมุมตามสไตล์โคเบน แต่เป็นการหักมุมในแง่ของความรักที่พ่อแม่มีต่อลูก ไม่ว่าลูกจะโกหกหรือทำผิดแค่ไหนก็ตาม ซึ่งประเด็นแบบนี้คนดูเข้าใจ แต่เรื่องกลับไม่ทำให้อินตามได้ เลยกลายเป็นตอนจบเหมือนแค่อยากจะหักมุมไปงั้นๆ อาจจะทำให้เรื่องดูมีอะไรแปลกนิดนึง แต่ก็ไม่ได้ทำให้น่าจดจำมากแบบเรื่องอื่นๆ ยิ่งถ้าไปเทียบกับ The Innocent ด้วยแล้วยิ่งห่างชั้นกันมากกับตอนจบหักมุมแบบนี้