ดูเรื่องนี้แล้วชวนให้นึกถึง Rocky ครับ สไตล์มาคล้ายๆ กัน เรื่องของนักชกระดับล่าง นามว่าจอห์นนี่ วอล์คเกอร์ (Mickey Rourke) ที่ใช้ชีวิตแบบ “อยู่ไปวันๆ” และยังไม่มีแก่นสารที่เป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไร
แต่แล้วชีวิตเขาก็เริ่มจะเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับรูบี้ (Debra Feuer) สาวน้อยเจ้าของสวนสนุกขนาดย่อมที่ริมหาด ที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นสรรพ และเริ่มจะทำให้เขามีเป้าหมายในชีวิต
และอีกคนที่จอห์นนี่ได้พบก็คือเวสลี่ย์ เพนเดอร์กาส (Christopher Walken) อาชญากรผู้มีอิทธิพล ซึ่งพยายามจะชักชวนให้เขามาร่วมงานรวยทางลัดแบบผิดกฎหมาย… แล้วชีวิตของจอห์นนี่จะลงเอยอย่างไร คำตอบรออยู่ในหนังครับ
ดาราแสดงกันได้โอเคครับ ทั้ง Rourke และ Walken แสดงได้ดี โดยเฉพาะ Walken นี่ถนัดอยู่แล้วล่ะครับสำหรับบทอาชญากรที่กล้าได้กล้าเสียแบบนี้ แต่เนื้อเรื่องยังไม่ค่อยมีอะไรนัก ความน่าติดตามยังไม่มาก จริงๆ หนังมาพร้อมประเด็นที่ดีครับ นั่นคือการเลือกเส้นทางชีวิตของจอห์นนี่ ว่าเขาจะเลือกไปทางไหน เขาจะถลำตัวไปสุู่ด้านดำมืดหรือไม่ แต่ตัวหนังก็ยังเล่นกับประเด็นนี้ได้ไม่ลึกเท่าที่ควร เลยทำให้พลังของหนังน้อยลงไปพอตัว
แต่จุดเด่นที่ถือว่าเด่นสุดในหนังเรื่องนี้คือดนตรีประกอบชั้นดีของ Eric Clapton และ Michael Kamen ครับ ทำนองกีตาร์สไตล์ของพวกเขานั่นเสริมอารมณ์ในหลายๆ ฉากได้อย่างพอเหมาะทีเดียว
หนังยังพร่องความน่าติดตามไปพอสมควรครับ แม้จะมีสาระที่ดีอย่างการเตือนใจให้เราหันมาใช้ชีวิตให้มีเป้าหมาย ไม่ควรลอยไปลอยมาไปวันๆ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงเส้นทางที่จะทำให้เราต้องทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย เพราะบางทีเมื่อเราก้าวเข้าไปแล้ว เราอาจไม่มีโอกาสได้ก้าวกลับออกมาอย่างมีลมหายใจอีกเลยก็เป็นได้ แต่หนังก็ไม่สามารถขยี้ประเด็นให้มันน่าสนใจได้สักเท่าไร
สำหรับบทหนังนั้น Rourke เขียนเองเลยนะครับ คิดว่าเขาคงมีไอเดียดีๆ และน่าจะตั้งใจสื่อประเด็นดีๆ แบบที่ผมเล่าไป แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด
หนังกำกับโดย Michael Seresin ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นผู้กำกับภาพมาก่อนครับ ผลงานดังๆ ก็อย่างเช่น Midnight Express, Birdy, Angel Heart และนี่คืองานกำกับครั้งแรกและครั้งเดียวของเขา ก็คงเพราะหนังไม่เข้าเป้านักน่ะครับ เขาเลยไม่ได้กำกับหนังอีกเลย แต่ทุกวันนี้เขาก็ยังกลับมาทำอาชีพเดิมครับ นั่นคือผู้กำกับภาพ ผลงานในยุคหลังของเขาก็คือ Harry Potter and the Prisoner of Azkaban, Dawn of the Planet of the Apes และ War for the Planet of the Apes ครับ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเขาเหมาะกับหน้าที่นี้มากกว่ากำกับจริงๆ นั่นแหละ
จะว่าไปก็แปลกดี ที่หนังเรื่องนี้เขาไม่ได้ทำหน้าที่กำกับภาพครับ
อย่างที่บอกว่า Rourke เขียนบทเรื่องนี้เอง และเขาก็เป็นคนเลือกให้ Seresin มากำกับด้วยครับ เหตุผลที่ Rourke ตัดสินใจเลือกเขามากำกับก็เพราะพวกเขาเคยร่วมงานมาก่อนตอนทำ Angel Heart ตอนนั้นคุยกันก็ถูกคอ และอีกเหตุผลก็คือ Rourke อยากได้ผู้กำกับที่ไม่เคยทำงานกำกับมาก่อนให้มาทำหนังเรื่องนี้ เพราะเขาคิดว่าถ้าให้ผู้กำกับที่มีประสบการณ์มาทำ ผู้กำกับเหล่านั้นอาจเอาวิสัยทัศน์ของตัวเองมาใส่ลงไป และอาจทำให้ตัวหนังมันผิดเพี้ยนไปจากที่เขาต้องการนำเสนอ… แต่ผลลัพธ์ที่ได้ กลับกลายเป็นว่าด้วยความที่ Seresin ไม่มีประสบการณ์นั่นเอง ตัวหนังเลยดูไม่มีพลังเท่าที่ควรครับ
สรุปว่าหนังมีองค์ประกอบในทางเดียวกับ Rocky ครับ (จะว่าไปนี่เหมือนในหลายจุดนะครับ ขนาดบทภาพยนตร์ Rourke ก็เขียนเอง แบบเดียวกับ Sylvester Stallone เขียนบท Rocky เลย) แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไปได้ไม่ถึงฝั่ง แต่กระนั้นก็เป็นหนังที่มีประเด็นเกี่ยวกับชีวิตที่น่าเก็บมาคิดพอสมควรครับ
สองดาวแบบไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ
(6/10)