In the Mood for Love – อิน เดอะ มู้ด ฟอร์ เลิฟ

In the Mood for Love 
— 8.9/10 —
งดงาม อึดอัด ทรงพลัง และตราตรึงใจ
ถ่ายทอดห้วงอารมณ์ความเหงาได้จับจิตกระทบใจสุดๆ

In the Mood for Love คือผลงานการกำกับของผู้กำกับชื่อดัง หว่องกาไว ผู้กำกับที่มีลายเซ็นชัดเจน แสงไฟ ควันบุหรี่ แก้วเหล้า และความเหงา เพลงที่บาดจิตใจ การตัดต่ออันงดงาม หรือหลายต่อหลายคนอาจได้ยินผ่านหูกันมาบ้างว่า กระทำการหว่อง มันเป็นเฉกเช่นชะนี้แหละ ทั้งหมดนั้นเราจะได้เห็นมันในเรื่องนี้ 

นี่คือการนำหนึ่งในผลงานอันยอดเยี่ยมของ หว่องกาไว กลับมาฉายอีกครั้ง เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีของหนังเรื่องนี้ ซึ่งต้องบอกตามตรง เคยได้ยินกิตติศัพท์มาตลอดถึงความยอดเยี่ยม แต่ไม่เคยได้ดูเลยสักครั้ง…จนกระทั่งตอนนี้ และความรู้สึกหลังจากดูเรื่องนี้ มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษจริงๆ

In the Mood for Love บอกเล่าเรื่องราวของ ชายและหญิงคนหนึ่ง ได้บังเอิญย้ายมาอาศัยอยู่ห้องข้างกัน ทั้งสองก็ได้แต่งงานและมีคู่ครองแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังสั่นคลอน ความรักเริ่มถดถอย คู่ครองเริ่มเหินห่าง ไม่มีเวลาให้ จนเกิดเป็นการตั้งคำถามว่าคู่ครองของตนนอกใจตนหรือเปล่า จนทั้งสองเริ่มพูดคุยกัน ใช้เวลาร่วมกัน จึงเกิดเป็นห้วงอารมณ์บางอย่างที่ยากเกินจะอธิบาย

เอาจริงๆ เรื่องราวมันก็เรียบง่าย ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ดูง่ายและไม่ได้เข้าใจยากเลยแม้แต่น้อยแต่มันถูกบอกเล่าผ่านเทคนิคการถ่ายทำที่ยอดเยี่ยม ที่เห็นได้ชัดเลยเราทำหน้าที่เหมือนเป็นผู้แอบมองเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนัง หลายๆ ฉากตัวละครมักถูกตีกรอบให้แคบ ด้วยกรอบหน้าต่างเอย ด้วยซี่กรง ด้วยมุมตึก มันคือการแฝงนัยยะพยายามส่งอารมณ์ให้คนดูรู้สึกถึงความอึดอัดของตัวละครที่มีต่อกัน และมันก็ได้ผลจริงๆ เมื่อผสมผสานกับเรื่องราว บทพูด เพลง มันชวนน่าอึดอัดใจชะมัด บางฉากการวางตำแหน่งตัวละคร วางเฟรมโคตรน่าทึ่ง (และหลายๆ ฉากหลายคนอาจจะคุ้นเคยเพราะมันถูกถ่ายทำที่ไทย)

หนังมีการตัดต่อที่ลื่นไหล ไม่สะดุด การเปลี่ยนผ่านช่วงกาลเวลาต่างๆ ภายใน 10 วิ คุณอาจเห็นหนังผ่านมาแล้ว 3-4 ห้วงเวลาเลยทีเดียว มันทำหน้าที่บอกเล่าควบคู่ไปกับความสัมพันธ์ของสองตัวเอก หากสังเกตดีๆ เสื้อผ้าของนักแสดงเปลี่ยนแทบจะทุกฉากเลย ชัดเจนมากโดยเฉพาะนางเอก เพราะเธอช่างงดงาม มีเสน่ห์ น่าหลงไหล จนไม่อาจละสายตาได้จริงๆ 

หนังยังฉลาดที่ไม่เปิดเผยหน้าตาคู่ครองของทั้งสองฝ่าย เห็นแค่แผ่นหลังบ้าง เป็นเงาบ้าง ได้ยินแต่เสียงบ้าง เหมือนราวกับว่าสองตัวละครนี้ดูเหินห่าง ไม่สลักสำคัญอะไร และมันยิ่งส่งผลต่อความรู้สึกของคนดูให้เข้าใจสองตัวละครหลักมากขึ้น เมื่อสองตัวละครนั้นหายไป 

ในขณะเดียวกัน หนังก็มีโทนที่งดงาม อบอุ่น ชวนน่าหลงไหล อาจสื่อไปได้ถึงห้วงอารมณ์ความรู้สึกร้อนรุ่มของทั้งสองตัวละครก็ไม่ผิดเช่นกัน 

เพลงประกอบที่ติดหู บาดห้วงอารมณ์ความรู้สึกในแต่ละสถานการณ์ในหนัง ถูกใส่เข้ามาอย่างถูกจังหวะ ขับอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

การแสดงของทั้ง 2 นักแสดงนำไม่มีที่ติจริงๆ สีหน้า แววตา การสื่ออารมณ์ ทั้งคู่สามารถถ่ายทอดมาถึงคนดูได้อย่างยอดเยี่ยม 

สรุปแล้ว In the Mood for Love เป็นหนังที่บทธรรมดา แต่มันถูกถ่ายทอดออกมาด้วยเทคนิคต่างๆ ที่ชวนทึ่ง แน่นอนว่ามันไม่ใช่หนังที่ดูสนุก เอาจริงๆ มันเป็นหนังที่ดำเนินเรื่องช้า เนิบๆ ชวนน่าเบื่อ แต่มันน่าติดตาม น่าประทับใจกับงานภาพที่ละสายตาไม่ได้จริงๆ

มันไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกเศร้าจนอยากจะร้องไห้ แต่ความรู้สึกที่ได้ดูเรื่องนี้มัน…โหวงๆ น่าอึดอัด กระอักกระอ่วน เหงา มันเป็นห้วงอารมณ์ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริงๆ หากใครเคยดูแล้วลองกลับไปเสพกันอีกสักรอบ ส่วนใครที่ยังไม่เคยดู อยากให้ไปลองสัมผัสประสบการณ์การความเหงา ที่ต้องเผชิญด้วยตนเองจริงๆ มันเป็นประสบการณ์ดูหนังในโรงที่หาได้ไม่ง่ายเหมือนกัน อาจทำให้เข้าใจความหมายของ “กระทำการหว่อง” ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นเช่นไรกันแน่