หนังผจญภัย+ไซไฟ+เบาสมองที่ Steven Spielberg อำนวยการสร้างครับ (ยุค 80 ตอนชื่อเขากำลังดังนั้นเขาอำนวยการสร้างหนังไว้เพียบ ส่วนมากก็จะเป็นแนวผจญภัยหรือไม่ก็ไซไฟครับ)
เรื่องของทัค (Dennis Quaid) นักบินกองทัพที่ชอบทำตัวสำมะเลเทเมาไปเรื่อย ทีนี้อยู่มาวันหนึ่งเขาได้รับงานสำคัญครับ นั่นคือไปนั่งบังคับขับยานย่อส่วนที่เหล่านักวิทยาศาสตร์กำลังทำการทดลอง ตามกำหนดการเดิมนั้นยานของทัคจะถูกฉีดเข้าไปในกระต่าย แล้วทีมงานก็จะคอยทดลองและติดตามผล แต่แล้วกลับเกิดเหตุไม่คาดคิดเมื่อมีคนบุกมาหมายจะขโมยงานชิ้นนี้ไป ทำให้นักวิทยาศาสตร์เจ้าของงานต้องรีบหนีพร้อมพาเอายานที่ทัคขับ (ที่ถูกบรรจุในเข็มฉีดยา) หนีไปด้วย
แล้วเมื่อโดนล่าแบบจวนตัวเขาก็ตัดสินใจฉีดยานของนิคเข้าไปในร้างของแจ็ค พัตเตอร์ (Martin Short) พนักงานซูเปอร์มาร์เก็ตจอมวิตกจริต แล้วจับพลัดจับผลูทัคกับแจ็คก็ต้องช่วยกันหาทางเอาตัวรอดและรับมือกับวายร้ายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
ก็เป็นหนังแนวผจญภัยไซไฟที่ดูได้เพลินๆ แบบยุค 80 น่ะครับ ถ้าถามว่าสนุกโคตรๆ ไหม ก็ตอบตามใจคิดว่าอาจไม่ขนาดนั้น เพราะจังหวะการเดินเรื่องบางช่วงก็มีช้าอยู่บ้าง ตัวพล็อตก็อาจจะไม่ได้สมเหตุผลเต็มร้อย และดูหนังจะเน้นไปที่ความตลกมากกว่าจะไซไฟ ดังนั้นใครคาดหวังการผจญภัยแบบลุ้นๆ ก็อาจต้องเผื่อใจไว้หน่อยครับ
ยอมรับว่าหนังต่างไปจากที่คิดพอสมควร ตอนแรกนึกว่าหนังจะเน้นที่การผจญภัยในร่างกายของแจ็ค แต่ไปๆ มาๆ หนังเน้นไปที่การไล่ล่าครับ พวกผู้ร้ายก็ล่าแจ็คไปเรื่อยๆ จนเข้าสูตรหนังคนร้ายไล่จับคนดีแบบที่ยุคนั้นก็ขยันสร้างอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน ซึ่งก็ล่าก็ดูได้แบบเรื่อยๆ น่ะครับ บอกก่อนว่ามันไม่ใช่การล่าที่เอาเป็นเอาตาย (แม้จะมีบางตัวละครตายจริงเป็นพักๆ ก็เถอะ) แต่เป็นการล่าแบบหนังตลกทั่วๆ ไป ดังนั้นช่วงต้นๆ มันก็พอโอเคน่ะครับ แต่พอล่าไปตลกไปนานๆ เข้ามันก็ทำให้หนังสนุกน้อยลงได้เหมือนกัน
นอกจากการล่าแล้ว หนังก็เน้นท่าทางฮาๆ ของ Martin Short ซึ่งผมถือว่าเขาเหมาะกับบทแบบนี้ครับ และถือเป็นสีสันชั้นดีของเรื่องเลยก็ว่าได้ โดยส่วนตัวผมว่าแกเด่นกว่า Quaid อีกนะ ส่วนนางเอกของเรื่องอย่าง Meg Ryan ก็สวยและมีเสน่ห์เอามากๆ จนไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไม Quaid ถึงตกหลุมรัก ซึ่งระหว่างถ่ายทำหนังเรื่องนี้ Quaid ก็ Ryan ก็เริ่มปลูกต้นรักกันครับ ก่อนจะลงเอยด้วยการแต่งงานในอีก 4 ปีต่อมา (แต่น่าเสียดายที่พวกเขาแยกทางกันเสียแล้วครับ)
หนังกำกับโดย Joe Dante ที่ตอนนั้นเพิ่งดังจากหนังร้อยล้านอย่าง Gremlins ในขณะที่เรื่องนี้ถือว่าดูเอาเพลินได้แบบเรื่อยๆ ครับ แต่ความสนุกและน่าติดตามอาจยังไม่มาก อย่างที่บอกครับว่าพล็อตเน้นไปที่การไล่ล่าซึ่งล่าตอนแรกๆ ยังพอเพลิน แต่พอล่านานๆ ไปก็รู้สึกว่าเรื่องมันชักจะยืดไปสักหน่อย แล้วตัวละครในเรื่องก็ยังออกมาในโทนกึ่งๆ การ์ตูน โดยเฉพาะตัวร้ายที่ดูเหมือนจะโหด แต่ก็ต๊องและปล่อยให้พวกพระเอกมีโอกาสรอดครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งหนังสไตล์นี้ส่วนหนึ่งที่สนุกก็เพราะตัวร้ายครับ ถ้าตัวร้ายฉลาดและเก่งมันก็ทำให้เกิดความสนุกตื่นเต้นตามมา แต่พอวายร้ายออกแนวเรื่อยๆ กินลมชมวิวแบบที่เป็น ความลุ้นก็พลอยน้อยลงไปด้วย
ส่วนงาน Effect ก็ถือว่าทำได้โอเคสำหรับยุคนั้นครับ (หนังได้ออสการ์ไป 1 รางวัล ก็คือสาขาเทคนิคพิเศษนี่แหละครับ) แต่บอกก่อนว่าฉากผจญภัยในร่างกายนั้นไม่ได้มีมากสักเท่าไรหรอก ดังนั้นใครคาดหวังฉากเล่น Effect เยอะๆ ล่ะก็ขอให้ลดความคาดหวังไว้ได้เลยครับ
บอกได้อย่างหนึ่งครับว่าถ้าหนังขาด Martin Short ไปความสนุกคงลดลงไปเยอะ เพราะพี่ท่านขโมยความเด่นได้เยอะจริงๆ
พอมาย้อนคิดดู จริงๆ หนังเปิดมาก็ทำท่าจะโอเคนะครับ เพราะตอนต้นๆ เดินเรื่องเร็วอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะตอนแนะนำทัค แนะนำแจ็ค หรือตอนที่ทัคเข้าไปอยู่ในตัวแจ็คแล้วตอนแรกก็นึกว่าหนังจะเสียเวลาอยู่ในจุดนี้นานไหม (ประเภทว่าให้แจ็คเอาแต่งงและตกใจอะไรประมาณนั้น) แต่ปรากฏว่าแค่แป๊บเดียวครับ แป๊บเดียวหนังก็เข้าเรื่องเดินหน้า ทัคฉลาดพอที่จะติดต่อกับแจ็ค ส่วนแจ็คก็ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น หนังใช้เวลาไม่นานในการพาทัคกับแจ็คไปถึงศูนย์วิจัยอีกครั้ง แต่ไปๆ มาๆ จุดที่เริ่มอืดช้าคือหลังจากนั้นน่ะครับ แต่อันนี้ก็พอเข้าใจน่ะว่าหนังพยายามจะยืดเรื่องต่อให้ครบ 2 ชั่วโมง แต่การทำแบบนั้นเลยพลอยทำให้จังหวะหนังช้าลงโดยปริยาย และบางทีก็แอบตะหงิดในใจน่ะครับ ตอนต้นๆ ทั้ง 2 คนดูจะหัวไวดีออก แต่ไหงตอนกลางๆ บทจะฉลาดน้อยลงก็ฉลาดน้อยซะได้
หนังจบลงแบบทิ้งเชื้อเผื่อทำภาคต่อครับ แต่ด้วยความที่หนังไม่ดังเท่าที่ควร (ลงทุน $27 ล้าน ได้คืนมา $25 ล้าน ถือว่าขาดทุนติดตัวแดงครับ) เลยไม่มีภาคต่อออกมาให้ยลกัน
สรุปว่าดูได้แบบเรื่อยๆ ตามสไตล์หนังผจญภัยเบาสมองยุค 80 ครับ
สองดาวครับ
(6/10)