Interstellar ทะยานจากฟากฟ้าสู่จิตใจ…. [No Spoil]
เมื่อโนแลนด์ทำหนังอวกาศจะเป็นอย่างไร? การถ่ายทอดแนวความคิดอันลุ่มลึกจนตกผลึกอย่างเข้มข้น วิธีการถ่ายทอดเรื่องราวอันซับซ้อน ลึกซึ้ง ลักษณะแอคชั่นที่มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร รวมไปถึงการกำกับการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ทำให้หลายล้านคนทั่วโลกตั้งตารอคอยที่จะได้ดูอภิมหาภาพยนตร์ “Interstellar” กันตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่หนังเข้าฉายกันเลยทีเดียว กระแสตอบรับจากผู้ชมทั่วไปและแฟนๆของโนแลนด์ก็แบ่งเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน ส่วนเสียงจากนักวิจารณ์เป็นไปในทางบวกเสียมาก การจัดอันดับและให้คะแนนในเวปไซต์ต่างๆค่อนข้างให้คะแนนเฟ้อสูงมาก แต่ก็ไม่ได้ผิดคาดแต่อย่างใด และเห็นด้วยกับเสียงสนับสนุนและเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ต่างๆ หากจะกล่าวว่า “คริสโตเฟอร์ โนแลนด์ได้สร้างสรรค์ Interstellar ให้เป็นภาพยนตร์ที่จะเป็นตำนานของโลกขึ้นมาอีกเรื่อง” ก็คงไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด
ด้วยการทำการค้นคว้าและวิจัยข้อมูลเชิงลึกมาหลายปีมาก รวมถึงแนวความคิดของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมาจากนักฟิสิกส์ผู้เชี่ยวชาญหลักกลศาสตร์อวกาศ และแรงโน้มถ่วง รวมไปถึงการศึกษาเชิงลึกเรื่องทฤษฏีรูหนอนอวกาศ หลุมดำและมิติอื่นๆในอวกาศ ร่วมพัฒนาบทโดยสองพี่น้องคริสโตเฟอร์และโจนาธาน โนแลนด์ ทำให้Interstellar ไม่เป็นเพียงภาพยนตร์อวกาศชวนเพ้อฝัน แต่กลับเต็มไปด้วยเนื้อเรื่องที่หนักแน่น นำเสนอการปฏิบัติการทางอวกาศเชิงลึก อีกทั้งInterstellarยังนำเสนอแนวคิดเรื่องทฤษฎีสัมพันธภาพและเวลาได้อย่างน่าสนใจมาก นับว่าเป็นการทำการบ้านอย่างหนักหน่วงน่าชื่นชมของคนเขียนบทและผู้กำกับอย่างมาก
แต่ถึงกระนั้นInterstellarไม่ได้เป็นสารคดีเชิงวิทยาศาสตร์ที่เต็มไปด้วยทฤษฎีน่าปวดหัว แต่เป็นภาพยนตร์แอคชั่นไซไฟอวกาศที่สนุกน่าติดตามและไม่ได้เสพยากเลย การทำความเข้าใจไม่ใช่เรื่องยาก(อาจต้องพยามตั้งใจดูมากขึ้นเล็กน้อย ตามสไตล์ภาพยนตร์ของโนแลนด์) มีการเซทอัพปูเนื้อเรื่องค่อนข้างนาน เพื่อให้ผู้ชมได้เข้าใจและเข้าถึงอารมณ์ของภาพยนตร์อย่างเต็มที่ ระยะเวลาการเซทอัพเนื้อเรื่องคร่าวๆก็ประมาณ1ชั่วโมงเต็มของภาพยนตร์ความยาวเกือบสามชั่วโมงเต็ม อาจจะค่อนข้างนานแต่หากสั้นกว่านี้อารมณ์ของภาพยนตร์หลังจากนั้นจะไม่ได้พลังเท่ากับ ณ ที่เป็นอยู่ขณะนี้เลยก็ว่าได้
“จงออกไป…เพื่อครอบครัว และมวลมนุษยชาติ”
คูปเปอร์นักบินอวกาศได้รับภารกิจให้ออกไปสำรวจดาวที่เหมาะสมแก่การอยู่อาศัยของมนุษย์ในกาแลกซี่อื่น ซึ่งทริปนี้ไม่มีกำหนดกลับบ้านแน่นอน หรืออาจจะไม่ได้กลับมา! แต่ทันทีที่ขึ้นสู่ฟากฟ้าเป้าหมายเดียวของคูปเปอร์คือรอดชีวิตกลับมาหาครอบครัวของเขาอีกครั้ง ท่ามกลางห้วงอวกาศกว้างใหญ่เอนกอนันต์ โอกาสที่จะสำเร็จภารกิจแทบไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์ แต่การเดินทางครั้งนี้ทำให้คูปเปอร์ค้นพบคำตอบในหลายๆอย่างทั้งเกี่ยวกับจิตใจของตัวเขาเอง และคำตอบในเรื่องลี้ลับบางอย่างที่เขาไม่อาจพิสูจน์ได้ในโลก แต่สามารถหาคำตอบได้ในมิติที่ไกลโพ้นออกไป
Interstellarได้นักแสดงนำที่น่าสนใจอย่างยิ่ง คูปเปอร์นักบินอวกาศมาดกวน รักครอบครัวนำแสดงโดยนักแสดงมากความสามารถดีกรีนักแสดงนำยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ แม็ธธิว แม็คคอนนาเฮย์ ที่ถ่ายทอดบทบาทของคูปเปอร์ได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีอะไรหน้ากังขา นักแสดงนำหญิงก็มือรางวัลเช่นกัน แอน แฮทธาเวย์ รับบทนักวิจัยที่ร่วมเดินทางในภารกิจกอบกู้มวลมนุษยชาติด้วยเช่นกัน ทั้งคู่รับบทที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างอยู่หมัด แต่ถึงกระนั้นทั้งคู่ไม่ได้ตีความการแสดงของตนเป็นแบบซูปเปอร์ฮีโร่แต่อย่างใด ทั้งคู่กลับมองการแสดงเป็นเพียงการถูกผลักดันให้ออกไปปฏิบัติภารกิจอย่างมีเงื่อนไข อุทิศตนแต่ไม่ได้ยิ่งใหญ่เพื่อมวลมนุษยชาติ แต่เพื่อครอบครัว ลูกหลาน สิ่งนี้ออกมาอย่างชัดเจนมากในการแสดงของทั้งแมธธิวและแอน ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ความมีมิติและลึกซึ้งของตัวละครได้รับการใส่ใจในการตีความและการแสดงอย่างพิถีพิถันจนแทบจะเข้าขั้นมาสเตอร์พีซเลยทีเดียว ส่วนนักแสดงสมทบส่วนมากจะเป็นดาราเจ้าเก่าที่โนแลนด์คุ้นเคยและเรียกใช้ ซึ่งล้วนเป็นยอดฝีมือมากประสบการณ์ทางการแสดงอยู่แล้ว ทำให้เพิ่มมิติและความหนักแน่นของInterstellarเข้าไปอย่างหนักหน่วงเลยทีเดียว
ด้านวิชวลหรือด้านภาพก็เป็นองค์ประกอบที่โดดเด่นมาก หลายๆคนอาจได้ผ่านตาในบางฉากจากเทรลเลอร์แล้ว ภาพตัวอย่างนั้นไม่ได้หลอกขายของ เป็นเพียงน้ำจิ้มเท่านั้น วิชวลในเรื่องนี้ไม่ได้ออกแบบมาให้แฟนตาซี แต่ถูกออกแบบมาให้เป็นธรรมชาติที่สุด ฉากนอกโลกเราจะได้เห็นความจริง สิ่งที่ควรเป็น บรรยากาศจริงที่ควรเป็น ลักณะภาพจะคล้ายๆในภาพยนตร์เรื่องกราวิตี้ในด้านอุปกรณ์ปฏิบัติการทางอวกาศ แต่ในส่วนของการเข้าสู่ผิวดาวดวงอื่นจะถูกออกแบบมาให้เป็นธรรมชาติ ภาพอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติสร้างความอัศจรรย์และตื่นตาและยิ่งชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยระบบIMAX แล้ว ภาพแห่งความยิ่งใหญ่ของอวกาศและดวงเคราะห์ดวงอื่นๆที่ใหญ่โตมโหฬารจะทำให้เราจมเข้าไปฉากนั้นและแทบรู้สึกได้ถึงความเล็กของชีวิตเราจนแทบจะเป็นเสมือนฝุ่นละอองเลยทีเดียว ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำด้วยกล้องIMAXมากกว่า50เปอร์เซนต์ของฉากต่างๆทั้งเรื่อง ยิ่งเป็นฉากอวกาศยิ่งคุ้มค่าที่จะเข้าไปชม
อีกองค์ประกอบที่ทำให้Interstellar ถึงอารมณ์อย่างหนักหน่วงคือเพลง จากนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ระดับโลกที่โนแลนด์เรียกใช้เป็นประจำอย่าง ฮานส์ ซิมเมอร์ ที่ฝากผลงานตราตรึงอย่างเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องInception ที่โดดเด่นและร่วมสมัยอย่างมาก แม้ในInterstellarไม่ได้โดดเด่นเกินซึน แต่ช่วงดึงอารมณ์และเกื้อหนุนองค์ประกอบอื่นๆอย่างได้พลังและค่อนข้างถาโถมเต็มเหนี่ยว กล่าวได้ว่า ฮานส์ ซิมเมอร์ได้จัดเต็มไว้อีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
ความยิ่งใหญ่ในแนวคิดเรื่องเชิงลึก ทั้งตัวบท การแสดง เพลงประกอบและการกำกับอันน่าชื่นชมของคริสโตเฟอร์ โนแลนด์ล้วนผลักดันให้Interstellar เป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าชื่นชมที่สุดเรื่องหนึ่งของโนแลนด์เลยก็ว่าได้ Interstellarตอบโจทย์ของผู้ที่เป็นแฟนโนแลนด์ หรือเป็นผู้เสพหนังไซไฟ อย่างมากและจะเป็นภาพยนตร์ไซไฟอันดับต้นๆในใจของคอหนังหลายๆคนแน่นอนทันทีที่ดูจบ