Last Christmas – ลาสต์คริสต์มาส

Last Christmas
— 6.5/10 —
หนังรักธรรมดาๆ ช่วงคริสต์มาส
เพลินกำลังดี โรแมนติคนิดหน่อย ดราม่าน้อยๆ
ดูง่าย เดาง่าย ไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่าไหร่

อย่างที่เคยบอกไว้ในรีวิวของ ฮาร์ทบีท ว่าช่วงท้ายๆ ปี ต้องมีหนังรักๆ รอมคอม อะไรแนวนี้เข้ามาช่วงนี้เสมอ ซึ่งหนังไทยก็มีไปละ คราวนี้มาหนังต่างประเทศบ้าง กับเรื่อง Last Christmas ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ เพราะประเด็นบางอย่างของตัวนางเอกช่างเหมือนกับใน ฮาร์ทบีท เสียเหลือเกิน

Last Christmas เป็นเรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงสุดคลาสสิค Last Christmas ของ George Michael กับเรื่องราวของหญิงสาวที่ได้ประสบอุบัติเหตุเมื่อคริสต์มาสปีที่แล้ว และเธอก็เริ่มแปลกไป จนกระทั่งเธอได้มาพบกับชายหนุ่มผู้ดูเลิศเลอเพอร์เฟ็ค ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงเริ่มมากขึ้น พร้อมๆ กับชีวิตเธอที่เปลี่ยนไป

ตัวหนังไม่มีอะไรซับซ้อน เดินเรื่องง่ายๆ เข้าใจไม่ยาก เพลินๆ เรื่อยๆ ภาพรวมมันก็โอเคนะ ไม่ได้หวานจนเลี่ยน ซึ้งจนน้ำตาไหล หรือดราม่าจนร้องห่มร้องไห้ แต่ทุกอย่างมันจะอยู่กลางๆ หมดเลย พอหนังดำเนินไปเรื่อยๆ มาถึงจุดนึงเราจะจับทางได้ละว่า “มันต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ” และมันก็เป็นอย่างที่เราคิดจริงๆ แบบไม่มีผิดเพี้ยน กลายเป็นเดาเรื่องออกง่ายๆ เลย แถมยังมีประเด็นหลายๆ ส่วนที่นั่งคิดแล้วคิดอีก ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมีเลยด้วยซ้ำ ใส่เข้ามาโดยไม่จำเป็น และไม่ได้ส่งผลอะไรกับหนังเลย 

หนังแสดงด้วยดารามีชื่อมากมายไล่ไปตั้งแต่คู่พระ-นาง Emilia Clarke, Henry Golding ตามมาด้วย Michelle Yeoh และ Emma Thompson แต่รู้สึกว่าหนังใช้ดาราเหล่านี้ไม่คุ้มเลยจริงๆ แต่ละคนมีความสามารถและศักยภาพที่สามารถแสดงอะไรออกมาได้เยอะกว่านี้มาก แต่บทมันไม่สามารถส่งพวกเขาให้โชว์ฝีมือได้เลยจริงๆ เสียดายความสามารถอะ มันเลยเหมือนกลายเป็นเหมือนหนังที่เหล่าดารามาเล่นขั้นเวลาว่างเฉยๆ ไปซะได้

แต่ก็ยังดี ที่เรายังได้เห็นความน่ารัก โก๊ะๆ เปิ่นๆ ของ Emilia Clarke ให้พอสลัดคราบแม่มังกรออกมาได้บ้าง (ถ้าใครนึกไม่ออก ก็คล้ายๆ อย่างใน Me Before You) และได้ฟังเธอร้องเพลง Last Christmas เพราะๆ ให้พอยิ้มได้บ้าง อีกทั้งสาวๆ คงเพลินๆ กับความหล่อของ Henry Golding ด้วยแหละ (ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยได้โชว์ฝีมือการแสดงอะไรเท่าไหร่ก็ตาม)

สรุปแล้ว หนังกลายเป็นกลางๆ ไปหมดทุกส่วน ถามว่าสนุกไหม ก็โอเคนะ เหมือนที่เราพูดบ่อยๆ (ดูได้เพลินๆ) ถือว่าเป็นหนังขั้นวันหยุดที่ดูก็ได้ไม่ดูก็ได้แหละ