ผมไม่สามารถจะรับประกันได้ว่าทุกท่านจะชอบหนังเรื่องนี้หรือไม่น่ะนะครับ แต่บอกได้อย่างหนึ่งว่า ผมสนุกกับหนังเรื่องนี้พอสมควรทีเดียว
มันคือหนังโรแมนติกสูตรสำเร็จที่ดูได้แบบง่ายๆ เพลินๆ ครับ ซึ่งผมโหยหาหนังแนวนี้นะ ถ้าเป็นสมัยก่อนยุค 80 – 90 เนี่ยเราจะสามารถหาหนังแบบนี้ได้ไม่ยาก มีมาแทบทุกเดือน แต่หลายสิบปีที่ผ่านมา มีหนังแบบนี้น้อยมาก ยิ่งเรื่องที่ได้เข้าโรงนี่แทบจะนับเรื่องได้เลยครับ จนผมเองก็ต้องมาพึ่งพาหาหนังแนวนี้ดูจาก Hallmark และระยะหลังๆ ก็ได้ Netflix มาเป็นอีกแหล่งหนึ่ง
เรื่องราวว่าด้วยทนายสาว ซูซาน วิเทเกอร์ (Rachael Leigh Cook) ที่รับว่าความให้กับนิค อีแวนส์ (Damon Wayans Jr.) ซึ่งนิคตั้งใจจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเว็บไซต์ Love Guarantee ที่อ้างว่าสามารถช่วยให้หนุ่มสาวมาพบรักกันได้ แต่นิคน่ะเดทมาจะครบ 1,000 ครั้้งแล้วยังไม่เจอคนที่ถูกใจจริงๆ เสียที ก็เลยจะมาฟ้องเรียกค่าเสียหายครับ
แต่เราก็เดากันได้น่ะครับว่าสุดท้ายแล้วนิคกับซูซานต้องรักกันแหงมๆ อันนี้ก็บอกเลยครับว่าหนังมันลงสูตรตามนั้นน่ะแหละ ไม่ต้องลุ้นให้มากความ
หนังครบสูตรความบันเทิงสำหรับหนังแนวนี้เลยครับ อย่างพระ-นางก็ต้องเขม่นกันนิดๆ ตอนต้น ก่อนจะหัวใจจะค่อยๆ จูนเข้าหากัน แล้วก็มีโมเมนต์น่ารักๆ ก่อนจะมีอุปสรรคนิดๆ หน่อยๆ ในตอนท้ายๆ ให้เราลุ้นว่าพวกเขาจะลงเอยกันไหม เนี่ยครับ ตามสูตรเป๊ะ แต่ถ้าถามว่าทำออกมาได้โอเคไหม ก็ตอบได้ว่าโอเคครับ ถือว่าโอเคเลยสำหรับหนัง Netflix (กล่าวคือจะเอาไปเทียบกับหนังโรแมนติกยุค 90 อย่าง Pretty Woman, Runaway Bride หรือ Sleepless in Seattle ก็คงจะไม่ได้น่ะครับ)
อย่างอื่นในหนังที่ผมรู้สึกชอบก็คืออารมณ์แบบหนังโรแมนติกยุค 90 นั่นแหละครับ อย่างบรรยากาศทิวทัศน์นี่นับว่าสวยเลยครับ ไม่ว่าจะถนนที่ทั้งสองเดินตอนกลางคืน หรือสวนที่พวกเขาเดินตอนกลางวัน บรรยากาศมันสวยงาม ต้นไม้ก็มีสีสัน สิ่งเหล่านี้ช่วยเสริมความโรแมนติกให้กับหนังได้เป็นอย่างดี (รู้สึกว่าหนังรัก Netflix ก่อนหน้านี้ยังทำตรงนี้ได้ไม่ดีนักครับ แต่เรื่องนี้เลือกโลเกชั่นได้เวิร์กจริงๆ)
ที่ขาดไม่ได้สำหรับหนังแนวนี้ (แต่ส่วนนี้มักจะขาดหายไปในหนังรักสมัยใหม่) คือตัวละครสมทบที่มาคอยชูรสครับ ในเรื่องนี่ก็มีหลายคนเลย ที่ชอบสุดก็คือ Sean Amsing ผู้ช่วยจอมดี๊ด๊าของซูซานที่ขโมยซีนได้เรื่อยๆ, Alvin Sanders ในบทชายชราที่ซูซานทำคดีให้ตอนต้นเรื่อง รายนี้ก็มาพร้อมความน่ารักและอบอุ่นครับ และยังได้เจอ Heather Graham อีกคน บทที่เธอเล่นนั้นโดยส่วนตัวมองว่าสามารถเด่นกว่านี้ได้ครับ แต่ถ้าไม่คิดมากก็ถือว่าผ่านครับ
ดาราถือว่าเลือกมาดีครับ Cook นั้นมีความน่ารักในแบบของตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่หากใครที่ติดตามเธอมาตั้งแต่ She’s All That ก็อาจต้องยอมรับว่าเธออายุมากขึ้นตามลำดับ (แต่เอาเข้าจริง ใครที่ทันดู She’s All That ก็ย่อมต้องอายุมากไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเธอหรอกจริงไหมครับ 555) แต่เวลาเธอทำท่าอายๆ โก๊ะๆ หรือคิดโน่นคิดนี่ก็ยังคงความน่ารักไว้ได้อยู่ ซึ่งเรื่องนี้เธอก็ร่วมอำนวยการสร้างด้วยครับ (ระยะหลังนี่หนังที่เธอเล่นเธอก็จะเป็น Producer ด้วยเสมอครับ)
ส่วน Damon Wayans Jr. (ลูกชายของ Damon Wayans) รายนี้ก็แสดงได้ดีครับ ดูมีเสน่ห์และความเท่ห์ในแบบของตัวเอง ดูเป็นสุภาพบุรุษ (ที่อาจจะปากไวไปบ้าง) ตอนแรกก็แอบคิดเหมือนกันนะครับว่าเขาจะเข้าคู่กับ Cook ได้ไหม และผลก็คือพวกเขาเล่นเข้ากันได้ไม่เลวเลยครับ
ผมรู้สึกมีความสุขในการดูหนังเรื่องนี้ครับ โอเคมันอาจจะไม่ได้สุดยอด ไม่ได้ลงตัวเต็มที่ เพราะหนังก็ยังมีจุดพร่องจุดอ่อนอยู่บ้าง บางมุกก็แป้กบ้าง แต่ด้วยความที่หนังเดินตามสูตรแบบเต็มที่และเอาความบันเทิงใส่ลงมาแบบเต็มกระเป๋า มันเลยพอจะมองข้ามจุดพร่องที่ว่าไปได้ครับ อย่างน้อยหนังก็มีอะไรฮาๆ ใส่ลง มีกิมมิคที่เพิ่มสีสันให้กับหนัง (อย่างรถคันส้มสุดน่ารักของซูซานกับด้ามจับประตูและเพลงของ Tiffany เป็นต้น) ไหนจะดาราที่ถือว่าเลือกมาได้ดี จังหวะการเดินเรื่อง การหยอดอารมณ์โรแมนติกหรือการหยอดมุกก็ถือว่าทำได้โอเค และที่ไม่ชมไม่ได้คือ ดนตรีประกอบของ Ryan Shore ที่ช่วยเสริมอารมณ์ให้กับหนังได้ในหลายวาระ ทั้งหมดนี้คือส่วนผสมดีๆ ที่มารวมกันอยู่ในหนังเรื่องนี้
ตัวหนังกำกับโดย Mark Steven Johnson เจ้าของผลงานหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่หลายๆ คนดูแล้วไม่ปลื้ม อย่าง Daredevil และ Ghost Rider (แต่ผมว่ามันก็ไม่เลวนะ) แล้วก็๋หนังแนวดราม่า-แนวโรแมนติกอย่าง Simon Birch และ When in Rome สำหรับเรื่องนี้ ผมถือว่าเขาทำออกมาได้โอเคตามมาตรฐานครับ คือแม้จะไม่ได้สุดยอดสุดเยี่ยม แต่ถ้าดูเอาบันเทิงดูเอาเพลินแล้ว หนังก็ตอบโจทย์เหล่านั้นได้ไม่เลว
เอาเป็นว่าดูแล้วยิ้มได้ครับ ผมกับภรรยานั่งดูกันอย่างมีความสุข รู้สึกสนุกกับช่วงเวลา 1 ชัวโมงครึ่งที่ให้ไปกับหนัง มันอาจไม่ใช่หนังที่เราจะดูซ้ำในภายหน้า บทอาจไม่ได้หนักแน่น (ว่าตามจริงคือหนังมันก็ดูเบาๆ ไม่ได้ลงลึกในประเด็นอะไรแบบชัดเจน) แต่ถ้าจะดูเอาเพลินแบบหนังโรแมนติกผสมตลกสักเรื่อง ล่ะก็ เรื่องนี้ถือว่าไม่เลวครับ
สองดาวหน่อยๆ ครับ
(6/10)