Me Before You – มี บีฟอร์ ยู

Me Before You (Thea Sharrock / UK / 2016)

หนังโดยรวมน่ารักโรแมนติกกำลังดี  นักแสดงทั้งพระเอกนางเอกรวมถึงนักแสดงสมทบต่างก็สร้างเสน่ห์ที่ทำให้หนังดูสนุกและโอบอุ้มหนังทั้งเรื่องไว้ได้ไม่ยากเย็น แต่คุณต้องไม่มีปัญหากับการแสดงที่ยิ้มใหญ่เยอะแยะเสียก่อนนะ  และในส่วนของบทนั้นพัฒนาการตัวละครยังขาดจุดเปลี่ยนที่ชัดเจนจนไปๆ มาๆ มันกลายเป็นหนังรวมสถานการณ์รักตลกๆ ชวนซึ้งที่ขยักเทียวหยอดเทียววางฉากจุดเปลี่ยนสำคัญไว้เป็นก้อนๆ หรือบางทีก็เนียนเกินจนไม่เห็นความแตกต่างของตัวละครที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ  ทำให้ความน่าเชื่อในความสัมพัสนธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างพระเอกนางเอกมันขาดความสมเหตุสมผลทางการเปลี่ยนผ่านอารมณ์ไป อีกทั้งยังละทิ้งความสำคัญของตัวละครสมทบซึ่งเป็นอุปสรรคหนึ่งที่สำคัญจนทำให้ตัวละครพระเอกนางเอกเรียบแบนและเติบโตได้ไม่ไหลลื่น

และด้วยพล็อตที่มีความโรแมนติกและเศร้าซึ้งไปด้วยกันได้ดีอยู่แล้วยังพยายามขุนความโรแมนติกตลกเข้าไปอีกด้วยการเล่นเยอะเล่นใหญ่เข้าว่า มันก็เลยทำให้สถานการณ์กระอักกระอ่วนที่น่าสนใจถูกการเล่าแบบผ่านๆ โดยไม่ดีเบตอะไรให้เกิดความงอกงามในแง่ของการเติบโตทางความคิดทัศนคติและความเชื่อของตัวละคร  ไปจนถึงประเด็นที่หนักหน่วงได้มันก็น่าเสียดายที่ทำให้วัตถุดิบตั้งต้นเรื่องที่ดีนั้นเสียของ  โดยเฉพาะในช่วงท้ายเรื่องยิ่งลื่นไถลตกบ่อน้ำตาลปี๊บหวานเลี่ยนอาเจียนตายไปตามกัน  ถึงแม้ในทางการรับรู้เรื่องราวเมื่อมองย้อนกลับไปที่พล็อตตั้งต้นแล้วเรายังเข้าใจสาเหตุของความเป็นไปที่ยังคงน่าเชื่อได้อยู่ก็ตาม

เหมือนว่าหนังทั้งเรื่องยังคงพาตัวละครเดินย่ำอยู่กับที่ ทั้งๆ ที่ลำพังแค่พล็อตที่พกตรรกะอันน่าเศร้าของชีวิตและตัวตนที่ตัดไม่ลงปลงไม่ขาดไว้เอื้ออำนวยให้คนดูได้พิจารณาตัวเองไปพร้อมๆ กับตัวละครซึ่งมีประสิทธิภาพพร้อมเต็มแม็กซ์ที่จะเรียกน้ำตาไม่ว่าขาจรหรือขาประจำหนังแนวนี้ได้อย่างเต็มที่  นอกจากบทที่เอาตัวไม่รอดจากการเกาะหนังสือนิยายกินแล้ว การกำกับที่เรียบๆ เรื่อยๆ หากินกับบทที่ยู่ยี่อีกทอดก็พาหนังเดินกะเผลกออกห่างจากบรรยากาศความเป็นจริงไปไกลเรื่อยๆ ใครเหนื่อยที่จะเดินตามออกจากป่าหิมพานต์แห่งชีวิตไปชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์หวานหอมก็ต้องหมดความอินไปบ้างแหละ

จนสุดท้าย Me and You ก็กลายเป็นแค่หนังรักตลกที่ดูอมยิ้มได้เพลินๆ แต่อาการสะดุดขัดแข้งขาตัวเองทำให้ความอบอวลของประเด็นทั้งระหว่างทางและตอนจบสุดท้ายมันไปไม่ถึงไหน จนกระทั่งส่วนตัวไม่ได้น่าประทับใจอะไรเลย บางทีก็คิดว่าอ่านพล็อตแค่ไม่กี่บรรทัดแล้วจินตนาการส่วนที่เหลือเอายังน่าจะทำให้ประทับใจได้มากกว่าดูหนังทั้งเรื่อง เสียดายจริงๆ เพราะนานๆ ทีจะมีหนังโรแมนติกคอเมดี้ที่พล็อตกับคอนฟลิกต์ท้ายเรื่องประกอบกันแล้วเชื้อเชิญให้เชียร์หนังมันดีงามและไปไกลได้มากกว่านี้

แต่ทั้งหมดที่เขียนมาเนี่ยเป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของคนเขียนจากความเสียดายจุดดีของมันนะ  และถ้าเป็นแฟนหนังรักโรแมนติกคอเมดี้ หรือหนังอย่าง Love, Rosie (Christian Ditter / UK, Germany / 2016) นี่ไม่อยากให้พลาดนะ