ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาสตูดิโอแอนิเมชั่นอิลลูมิเนชัน ประสบความสำเร็จและกลายเป็นที่จดจำหลังจากที่เจ้าตัวละคร “มินเนียน” จาก Despicable Me ออกมาสร้างความปั่นป่วน ด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ และคาแรกเตอร์เฉพาะตัว ทำให้ผู้ชมยังเฝ้ารอเรื่องราวบทถัดไปของเจ้าพวกลูกสมุนจอมแสบของมิสเตอร์กรูอยู่เสมอ
แม้ว่าจะมินเนียนปรากฏตัวอยู่ในหนัง Despicable Me มาตลอดทั้ง 3 ภาคในฐานะลูกสมุนจอมป่วนของมิสเตอร์กรู แต่เราก็ไม่อาจจะปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า คาแรกเตอร์ของพวกมันนี่เองที่เป็น “ตัวเรียกแขก” รายสำคัญ จนเผลอๆจะโดดเด่นเกินหน้าเกินตาตัวละครเอกของเรื่องเสียด้วยซ้ำไป ส่งผลให้รายได้ของหนังภาคแรกนั้นโกยเงินทั่วโลกไปทั้งสิ้น 543 ล้านเหรียญฯ
แน่นอนว่าเมื่อกำไรมหาศาลเป็นปัจจัยสำคัญที่สตูดิโออย่างอิลลูมิเนชั่นไม่รอช้าที่จะพัฒนาภาคต่อตามออกมาในปี 2013 กับ Despicable Me 2 พร้อมกับการโกยรายได้ทั่วโลกไปถึง 970 ล้านเหรียญฯ สตูดิโอฯ จึงตัดสินใจสร้างภาคแยกอย่าง Minions ออกฉายในปี 2015 และสามารถทำเงินถล่มทลายทั่วโลกสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1,159 ล้านเหรียญฯ ผลตอบรับดังกล่าวเป็นสิ่งที่ยืนยันชัดเจนว่า ตัวละครมินเนียนเป็นคาแรกเตอร์อันเป็นที่รักของคนทั่วโลกจริงๆ
ส่วน Despicable Me 3 ในปี 2017 อาจจะกวาดเงินไปทั่วโลกที่ 1,034 ล้านเหรียญฯ เป็นรองภาคแยก Minions แต่รายได้ขนาดนี้ ยังทำให้สตูดิโอยังคงมั่นใจที่จะปล่อยภาคต่อในแฟรนไชส์นี้ตามออกมา โดย Minions: The Rise of Gru ถือเป็นหนังในลำดับที่ 5 ของเรื่องราวของมหาวายร้ายและลูกสมุนจอมป่วน
หากเราย้อนกลับไปใน Minions ภาคแรก ผู้ชมอาจจะได้รับรู้ว่า สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามินเนียน นั้นถือกำเนิดอยู่กันมาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ (เผลอๆอาจจะก่อนประวัติศาสตร์ด้วยซ้ำไป) และพวกมันเฝ้ามองหาเหล่าเจ้านายที่เป็นวายร้ายตัวฉกาจและ หน้าที่ของพวกมันคือการเป็นลูกสมุนที่จงรักภักดีมาโดยตลอด ถึงวีรกรรมของพวกมินเนียนในหนังภาคแรก แม้พวกมันจะอยากเป็นลูกสมุนของสการ์เลต โอเวอร์คิล (ซานดร้า บูลล็อก) มหาวายร้ายหญิงแห่งยุค แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกมินเนียนก็ได้พบกับกรูเป็นครั้งแรกในตอนจบของเรื่อง
Minions: The Rise of Gru สานต่อเรื่องราวตอนจบของหนัง Minions โดยช่วงเวลาที่หนังดำเนินเรื่องราวอยู่นั้นคือยุคสมัยปี 70s สมัยที่กรูยังเป็นเด็กชายในวัย 11 ปี ซึ่งความฝันอันสูงสุดของเขาคือการได้กลายเป็นมหาวายร้ายอันดับต้นๆของโลก จินตนาการของเด็กกำลังโต กรูวางแผนจะครองโลกโดยอาศัยฐานทัพใต้ดิน ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นแค่เพียงห้องใต้ดินของบ้านในย่านชานเมือง แต่เมื่อเขาได้มีโอกาสเจอกับพวกมินเนียนไม่ว่าจะเป็นเควิน สจวร์ต บ๊อบ รวมไปถึงแอตโต้ที่มาอ้อนวอนขอมาเป็นลูกสมุนของกรูในคืนวันฝนตก ด้วยความใจอ่อนกรูจึงยอมรับพวกมันมาอยู่ในความดูแล
หลังจากที่ไวลด์ นัคเคิลล์ (อลัน อาร์คิน) สุดยอดวายร้ายผู้เป็นผู้นำในกลุ่มหกโฉด ถูกหักหลังจากบรรดาสมาชิก เพียงเพราะเขา “แก่เกินไป” แถมวิธีกำจัดเขาให้พ้นทางก็ดูชั่วร้ายและน่าเศร้า ทำให้สมาชิกกลุ่มอีก 5 คนที่เหลืออันประกอบไปด้วยเบลล์ บอททอม สาวผิวสี ดิสโก้สไตล์ (ทาราจี พี. เฮนสัน) นัน-ชัค แม่ชีจอมแสบ (ลูซี ลอว์เลส) สเวนแกนซ์ แชมเปียนโรลเลอร์สเก็ตชาวสวีดิช (ดอล์ฟ ลันด์เกรน) สตรองโฮลด์ มือเหล็กพิฆาต (แดนนี เทรโจ) และฌอน-คลอว์ด จอมทำลายล้าง ผู้ซึ่งมีกรงเล็บจักรกลยักษ์เป็นอาวุธ (ฌอน-คล็อด แวน) พยายามหาสมาชิกใหม่เพื่อเข้าร่วมทีม
สำหรับกรูที่นับถือกลุ่ม “หกโฉด” ในฐานะไอดอล เมื่อพวกเขาประกาศรับสมาชิกใหม่ เขาก็ไม่รีรอที่จะเข้าร่วมการสัมภาษณ์ เพื่อเข้าร่วมทีม แต่ความฝันของเขาก็พังทลาย เมื่อเหล่าสมาชิกมองเห็นเขาเป็นแค่เพียงเด็กตัวเล็กๆที่ยังไม่ประสีประสาต่อโลก ด้วยความผิดหวัง ในวินาทีที่กรูเกือบถอดใจ เขาได้เหลือบไปเห็น “หินจักรราศี” อัญมณีสุดล้ำค่า ที่เหล่าหกโฉดได้มาจากการไปบุกแหล่งขุมทรัพย์ กรูจึงตัดสินใจขโมยมันออกมา เพื่อพิสูจน์ความสามารถของเขาและยั่วโมโหไอดอลของตัวเองไปพร้อมๆกัน
จากสิ่งเล็กๆกลายเป็นเรื่องราวลุกลามบานปลายใหญ่โต เมื่อระหว่างหลบหนี กรูถูกตามล่าอย่างเอาเป็นเอาตายจาก “หกโฉด” (ที่ตอนนี้เหลือแค่ห้า) และไวลด์ นัคเคิลล์ที่รอดชีวิตกลับมา เพื่อมาทวงหินจักรราศีคืน เมื่อเขาเห็นว่าสมบัติของเขาอยู่กับเด็กวัยสิบเอ็ดอย่างกรู ไวลด์จึงตัดสินใจลักพาตัวกรูไป โดยที่ไม่รู้เลยว่าระหว่างที่หนีหัวซุกหัวซุนนั้น หินจักรราศีได้สลับเปลี่ยนมือไปอยู่กับเจ้ามินเนียนอย่างแอตโต้
เมื่อเจ้านายอันเป็นที่รักของพวกมินเนียนถูกจับตัวไป พวกมันจึงออกเดินทางตามหาเจ้านาย ก่อนที่จะได้เผชิญหน้ากับเรื่องราวมากมาย ประสบการณ์ชีวิตครั้งสำคัญที่เหล่ามินเนียนได้เจอกับมาสเตอร์โชว์ (มิเชลล์ โหยว) นักฝังเข็มที่มีทักษะกังฟู ผู้ถ่ายทอดวิชาการปลดปล่อยพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวเองให้ออกมาใช้ในยามคับขัน
ระหว่างทางเราจะได้เห็นความสัมพันธ์ของเหล่ามินเนียนที่มีความ “จงรักภักดี” ต่อผู้เป็นนายอย่างกรูแบบไม่มีเงื่อนไข แม้ว่าพวกมันอาจจะบ้าๆบอๆและทำอะไรผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อมองไปถึงเจตนาลึกๆแล้วพวกมินเนียนพยายามจะช่วยเหลือกรูอยู่เสมอ ไม่ว่าจะในฐานะการทำภารกิจ หรือเป็นเพื่อนในยามที่กรูโดดเดี่ยว
แม้กรูอาจจะยังมองไม่เห็นความสามารถของตัวเอง (เพราะเขายังเด็กและไม่รู้ว่าตัวของเขาเองนั้นมี “ของ” มากแค่ไหน) แต่เหล่ามินเนียนที่เห็นความเก่งกาจในตัวของกรู (ตั้งแต่ Minions ภาคแรก) พวกมันจึงยอมที่จะเดินตาม คอยสนับสนุนกรูมาโดยตลอด
เมื่อเราลองตีความให้เข้ากับชีวิตมนุษย์ปกติในทุกวันนี้ เราอาจจะกล่าวได้ว่าบางครั้งบางคราว เราอาจจะมองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง อาจจะด้อยค่าตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าเราเป็นคนที่ไม่มีความสามารถ พูดตรงตัวว่า “ไม่เก่ง” แต่บางทีเราอาจจะไม่เคยตระหนักหรือสนใจเลยด้วยซ้ำไปว่า “คนใกล้ตัว” ที่เขาเห็นในศักยภาพและคอยซับพอร์ทนั้น บางทีอาจจะอยู่ไม่ไกลตัวเรานี่เอง
ว่าแต่คุณมองเห็นหรือเปล่า หรือเป็นแบบเดียวกับ กรู ในหนังเรื่องนี้ ที่ต้องตกระกำลำบาก เข้าตาจน ถึงจะกลับมาตระหนักได้ว่าจริงๆแล้ว มิตรภาพที่ดีและล้ำค่า อยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่วันที่เขาได้เจอกันกับมินเนียน