Monster Hunter (2020) มอนสเตอร์ ฮันเตอร์

Untitled06473

สารภาพครับว่ากะไว้แล้วว่าผมน่าจะเฉยๆ กับหนังเรื่องนี้ เพราะไม่ว่าจะดูจากหน้าหนัง ดูจากตัวอย่าง และดูจากอะไรหลายๆ อย่างแล้วผมออกแนวเฉย และเมื่อดูแล้วก็เป็นไปตามนั้นครับ เฉยจริงๆ

หนังบอกเล่าเรื่องราวของอาร์เทมิส (Milla Jovovich) กับกองทหารของเธอที่จู่ๆ ก็ต้องมาผจญภัยยังต่างมิติโดยไม่รู้ตัว พวกเธอต้องเจอกับสัตว์ประหลาดสุดโหดมากมายจนแทบเอาตัวไม่รอด แล้วเธอก็ได้เจอกับนักล่ามอนสเตอร์ (Tony Jaa) ที่อาศัยอยู่ในมิตินี้มานานจนรู้วิธีในการเอาตัวรอดและเล่นงานสัตว์ประหลาดชนิดต่างๆ ซึ่งตอนแรกพวกเขาก็ตีกันตามสูตรครับ ก่อนจะหันมาร่วมมือกันเพื่อเอาชีวิตรอด

ระหว่างดูนี่คิดถึง Pitch Black เลยครับ ทั้งเหตุที่ไปเกิดยังมิติที่เวิ้งว้างมีแต่ทะเลทราย ตัวประหลาดก็มักจะออกมาอาละวาดยามค่ำคืน บางช่วงบางตอนก็นึกถึง Aliens ผสมลงไปหน่อยๆ (ตอนผจญภัยในรังของพวกมันน่ะครับ) แต่โดยรวมแล้วไม่มีอะไรเกินคาดครับ พอจะเดาทางได้ว่าใครจะรอดหรือไม่รอดบ้าง ในขณะที่เหล่าตัวเอกยังไงก็ต้องรอดครับ แต่จะรอดด้วยวิธีใดเท่านั้นเอง ซึ่งวิธีการรับมือกับสัตว์ประหลาดนั้นก็ไม่ได้มันส์หรือตื่นเต้นอะไรมากครับ ออกจะเดิมๆ แบบที่เราเห็นมาเยอะแล้วจากหนังคนสู้กับสัตว์โลกน่ารักทั้งหลาย

แม้ใจผมจะไม่คาดหวังอะไรก็ตาม แต่บอกตรงๆ ว่าผู้กำกับ Paul W.S. Anderson ปกติเขาจะทำหนังออกมาได้ดูเพลินกว่านี้ครับ คือเรื่องเนื้อหาน่ะไม่คาดหวังอยู่แล้วล่ะ แต่อย่างน้อยพวกฉากแอ็กชัน ฉากไล่ล่าต่างๆ มันจะมันส์กว่านี้ มีลุ้นมากกว่านี้ หรือไม่อย่างน้อยองค์ประกอบของฉากต่างๆ มันจะพอมีอะไรบ้าง มันจะมีจินตนาการเจือผสมลงไป ทำให้ฉากนั้นๆ ดึงความสนใจเราได้บ้าง แต่กับเรื่องนี้ฉากแอ็กชันต่างๆ ออกมาธรรมดาครับ ส่วนฉากหลังก็อย่างที่บอกว่าเป็นทะเลทราย ไม่มีลูกเล่นอะไรมาดึงดูด กระทั่งฉากโอเอซิสที่จริงๆ มันน่าจะมีอะไรน่าสนใจบ้างก็ยังออกมาธรรมดาเกินคาดครับ นอกจากมุกตุ้งแช่แฮ่ใส่ตรงฉากริมน้ำแล้ว อย่างอื่นก็ธรรมดา

Untitled06474

Jovovich ในเรื่องนี้ก็ยังมีความเป็นอลิซอยู่เหมือนเดิมครับ ตอนแรกพยายามไม่คิดนะ แต่พอตอนหลังเธอคนเดียวเอาสัตว์ประหลาดตัวเบ่อเร้อได้อยู่เนี่ยใจผมคิดเลยว่า “นี่มันอลิซในโลกคู่ขนานใช่ไหมเนี่ย” คือถ้าภาคหน้าเจ๊แกมีพลังจิตเพิ่มเข้าไปนี่ผมก็จะไม่แปลกใจครับ ในขณะที่พี่จาของเรานั้น ผมมองว่าหนังใช้งานพี่เขาไม่คุ้มครับ พี่เขาทำอะไรได้มากกว่าที่เราเห็นเยอะ เอาแค่ลีลาบู๊ต่างๆ นี่ถ้าพี่เขาได้ออกลีลาแบบจัดเต็มนี่ผมว่าหนังจะน่าสนใจมากขึ้นนะ ประเภทว่าให้พี่เขาได้โชว์ความพริ้ว ได้โชว์ลูกเล่นเวลาต่อสู้หรือหลบหลีกพวกสัตว์ร้าย ได้ไต่โน่นลอดนี่ ผมว่าหนังจะสนุกขึ้นหรือมีอะไรให้ชวนจับจ้องมากขึ้นน่ะครับ แต่เท่าที่เป็นนี่ค่อนข้างธรรมดาจริงๆ

อีกคนที่โผล่มาแบบ “น่าจะมีบทบาท แต่ไปๆ มาๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรสักเท่าไร” ก็คือ Ron Perlman ขานี้น่ะถ้าจะให้เขาเล่นอะไรน่ะ เขาเล่นได้อยู่แล้ว แต่สถานะของเขาก็เหมือนพี่จาน่ะครับ คือมีของดีแต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ปล่อยออกมา เป็นเหมือนดาราที่มีไว้ร่วมจอประดับบารมีให้ Jovovich เสียมากกว่า (คือผมก็เข้าใจน่ะนะครับ ผู้กำกับก็ต้องหนุนดันภรรยาตนเองเป็นของธรรมดา – แต่ผมว่าถ้าเปิดโอกาสให้คนอื่นๆ ที่ร่วมจอได้ฉายแสงด้วย ตัวเอกก็จะได้อานิสงส์ตามนะ เพราะมันจะทำให้ทีมดาราดูแข็งแกร่ง และอาจจะช่วยเพิ่มความสนุกให้กับหนังได้มากกว่าที่เป็นอยู่)

โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าหนังเรื่องนี้สนุกน้อยที่สุดในบรรดาผลงานของ Anderson ครับ กระทั่ง Resident Evil ภาคที่ไม่ค่อยสนุกผมว่ามันก็ยังสนุกกว่าเรื่องนี้น่ะ คือรู้สึกว่าเรื่องราวมันโล่งโถงมากๆ การฟัดกับสัตว์ประหลาดก็ไม่มันส์แบบเต็มที่ โดยเฉพาะบอสรายหลังๆ นี่น่าจะมีลุ้นมากขึ้นสักหน่อย แต่นี่คือดูก็รู้น่ะครับว่าเอาชนะพวกตัวเอกไม่ได้หรอก สู้สักพักเดี๋ยวเดียวก็โดนปราบ (แล้วมันก็ “เดี๋ยวเดียว” จริงๆ)

หนังทิ้งเชื้อสำหรับภาคต่อไว้เต็มที่ จะมีไหมก็ยากจะตอบได้นะครับ เพราะ The Three Musketeers ก็ทิ้งเชื้อแบบนี้แหละ แต่พอรายได้ไม่เข้าเป้าก็ยากที่จะมีต่อได้ (จริงๆ ผมว่า The Three Musketeers ยังดูเพลินกว่าอีกครับ)

แต่ถ้าไม่คิดมาก ถือว่าดูเพื่อเป็นกำลังใจพี่จา ก็น่าจะพอได้ครับ (แต่จะว่าไป เอา องค์บาก มาดูอีกรอบน่าจะคุ้มเวลามากกว่าครับ)

ไม่ถึงสองดาวครับ

Star12

(5/10)