สำหรับ Moonfall นี่ ผมเชื่อว่าหลายคนเป็นเหมือนผมครับ คือไม่ว่าหนังจะเจ๊งแค่ไหน โดนคำวิจารณ์สับโขกสักปานใด แต่ยังไง๊ยังไงก็ต้องขอดูสักครั้งครา
ดูเอามันส์ครับ ว่ากันตรงๆ เลย คือไม่คาดหวังความลึกซึ้งคมเข้มของบทใดๆ ทั้งสิ้น – อยากดูแค่ฉากภัยพิบัติ ฉากหนีตาย ฉากแอคชั่นต่างๆ เท่านั้นแหละ ซึ่งผมว่าก็ดูได้นะครับ ดูได้แบบเรื่อยๆ แต่หากให้วัดจัดอันดับแล้วล่ะก็ คงต้องบอกว่าเรื่องนี้ถือว่าความสนุกอยู่รั้งท้ายสารพัดหนังภัยพิบัติก่อนหน้าของผู้กำกับ Roland Emmerich
สเกลหนังให้อารมณ์เหมือนหนังเกรดบีครับ ฉากหายนะต่างๆ มันดูไม่แกรนด์ไม่เด็ดเหมือนเรื่องก่อนๆ ภาพมันดูสเกลเล็กกว่า โดยเฉพาะฉากตามเส้นทางที่ลูกพระเอกกับพรรคพวกต้องผจญกันในครึ่งหลัง อีกทั้งฉากในองค์กรต่างๆ เหล่านี้นี่ดูมีความเป็นเกรดบีอย่างยิ่งเลยทีเดียว
ระหว่างดูก็ทำใจมองข้ามอะไรหลายๆ อย่างครับ คือถ้าจะให้จับจ้องส่องรายละเอียดล่ะคงมีอะไรให้ตะหงิดๆ หลายจุดอยู่ แต่นี่ผมจับตัวเองเข้าโหมดใส่เกียร์ 5 แล้วหลับหูหลับตาดู เลยยังเพลินกับหนังได้จนจบ
ถ้าจะมีอะไรให้ชื่นชม สำหรับผมคงยกให้ John Bradley ในบทเคซี เฮาส์แมน นักทฤษฎีสมคบคิดที่กลายเป็นหนึ่งในฮีโร่ร่วมปฏิบัติการกู้โลก นายคนนี้แสดงได้ดีครับ มีครบทั้งอารมณ์ขันและความเนิร์ด ขโมยซีนได้ในหลายวาระ หลายฉากนี่ถึงขั้นดูน่ารักเลยล่ะ – บอกได้เลยครับว่าถ้าขาดนายคนนี้ไป หนังคงจืดลงเยอะ
ในขณะที่คนอื่นๆ ก็ถือว่าเรื่อยๆ ครับ Patrick Wilson ถือว่าเสมอตัว ส่วน Halle Berry ก็มาแสดงในบทที่จริงๆ ให้คนอื่นมาแสดงก็ได้น่ะครับ แต่ยอมรับว่าฉากที่เธอแสดงความรักที่มีต่อลูกนั้น แววตาท่าทางของเธอทำให้เราเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแม่คนจริงๆ
ก่อนดูหนังเรื่องนี้ผมเองมีแผนส่วนตัววางเอาไว้ครับ ว่าถ้าดู Moonfall จบแล้วจะไปขนเอาหนังภัยพิบัติเรื่องเก่าๆ ของ Emmerich มาไล่ดูอีกที ตอนแรกเป็นแค่แผนครับ วางไว้คร่าวๆ แต่พอดูเรื่องนี้จบแล้วผมเกิดความรู้สึกอยากเอาหนังเหล่านั้นมาย้อนดูแบบจริงๆ จังๆ อาจเพราะ Moonfall ยังตอบโจทย์ความเป็นหนังหายนะให้ผมได้ไม่เต็มอิ่มนัก เลยอยากเอาของเก่าที่เราดูแล้วสนุกมาดูเพื่อเติมห้วงอารมณ์ที่ขาดให้มันเต็ม
แต่ก็ยอมรับครับว่ารู้สึกเป็นห่วงผู้กำกับ Emmerich อยู่เหมือนกัน เพราะเรื่องนี้ถือว่าเจ๊งหนักอยู่นะครับ ลงทุนไปราว $150 ล้าน แต่ทำเงินในอเมริกาแค่ $19 ล้าน ถ้ารวมทั่วโลกนี้ได้แค่ $67 ล้านเท่านั้น เจ๊งอย่างแรง ไม่เหมือน Independence Day: Resurgence ที่แม้จะลงไป $165 ล้าน แต่ก็ได้คืนมา $389 ล้าน ยังพอโปะนั่นโปะนี่ได้ – ก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าพี่เขาจะหากินกับหนังแนวนี้ได้อีกนานแค่ไหน เพราะทำๆ ไปมันก็เริ่มย่ำอยู่กับที่ – จริงๆ ถ้าย่ำอยู่กับที่ก็ยังพอได้นะครับ แต่นี่มันกลายเป็นสนุกน้อยลง เพลินน้อยลงด้วย… เป็นห่วงจริงๆ นะนี่
โดยรวมๆ แล้ว ถ้าใครชอบหนังหายนะสไตล์ Emmerich ก็ตามมาดูกันได้ครับ ขอเพียงไม่คาดหวัง และระหว่างดูไม่คิดมากก็น่าจะเพลินๆ ได้
สองดาวครับ
(6/10)