ยอมรับครับว่าอยากดู NCIS: New Orleans มาก คือเหตุผลจริงๆ ที่ผมเอา NCIS กลับมาดูใหม่ก็คือดูเพื่อนำร่องทางอารมณ์ก่อนจะดูภาค New Orleans นี่แหละ (เพราะชุด New Orleans ได้รับการเปิดตัวที่ NCIS ปี 11 ก่อนจะมีภาคแยกมาเป็นของตัวเอง)
ถ้าถามว่าทำไมอยากดู ก็เพราะผมหลงเสน่ห์เมืองนิว ออร์ลีนส์มานานแล้วครับ ดูหนังที่มีฉากหลังเป็นนิว ออร์ลีนส์ทีไรก็จะต้องใจกับบรรยากาศของเมือง สีสันที่ผสมกันระหว่างฉูดฉาดกับอึดครึม แล้วในเมืองยังอุดมไปด้วยอารมณ์มนต์ขลังแบบวูดู ถือเป็นเสน่ห์ที่โดนสำหรับผมทีเดียว
แน่นอนว่าก่อนดูก็อดคาดหวังไม่ได้ล่ะครับ ว่าซีรี่ส์จะสามารถจับเอาบรรยากาศของนิวออร์ลีนส์มาถ่ายทอดได้มากน้อยแค่ไหน
ผลที่ได้ถือว่าเวิร์กครับ หนังเอาอารมณ์ของเมืองหลากเฉดสีแห่งนี้มาใส่ลงในหนังได้อย่างพอเหมาะ หลายโลเกชั่นที่กะแล้วว่าต้องมีก็มีดังคาดจริงๆ (เช่น งานคาร์นิวัล, พิธีศพร้องรำทำเพลง, Jazz และฉากในสุสาน)
ในขณะที่ตัวซีรี่ส์นั้นก็ถือว่าไม่เลวเลยครับ แน่นอนว่าจะไปเทียบกับทีมของพี่กิ๊บส์ที่สร้างฐานคนดูมาตั้ง 10 กว่าปีไม่ได้ แต่ก็ถือว่ามีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะออฟฟิศที่ดูมีสไตล์ บ้านๆ แต่แอบหรู (มีสวนกลางบ้าน และมีครัวอีกต่างหาก เก๋ดีนะครับ)
ส่วนตัวละครนั้นก็ถือว่าโอเคสำหรับการเริ่มต้นครับ Scott Bakula ไปได้ดีกับบท ดเวน ไพรด์ หัวหน้าทีมที่ถือว่าเก๋าและเก่งไม่น้อย แล้วก็ดูมีมิติไม่น้อยยามพี่แกแสดงอารมณ์ออกมา, Lucas Black พระเอก Fast 3 ก็ไม่เลวกับบท คริส ลาซาล มือขวาของไพรด์ที่แม้จะไม่ถึงกับเด่นมาก แต่ก็ไม่ถึงกับจืดเกิน
อีกคนที่ผมจับตาคือ Zoe McLellan ที่จริงๆ ติดตาต้องใจเธอคนนี้มานานตั้งแต่ตอนเล่น Dungeons & Dragons แม้หนังจะเจ๊งแต่ผมจำเธอได้เพราะน่ารักและเล่นได้ดี มาเรื่องนี้ก็มาในลุคส์ผมสั้น มีเสน่ห์ไปอีกแบบ ส่วน Rob Kerkovich ก็มาในแนวฮาครับ แต่เป็นฮาแบบไม่เลอะเทอะ และหลายครั้งความฮาของพี่แกนี่แหละที่ช่วยลดทอนความหนักของบางตอนลงได้อย่างพอดี
แน่นอนครับว่าหนังสืบสวนแบบนี้ บทหมอชันสูตรมักต้องเป็นดารายอดฝีมือ ซึ่งในเรื่องก็ได้ CCH Pounder ดาราหน้าคุ้น (และเธอก็ชอบรับบทตำรวจด้วย) มาแสดงเป็น ดร.ลอเรตต้า เวด ซึ่งก็ถือว่าเป็นพลังสำคัญของซีรี่ส์เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะตอนเกี่ยวกับ “ตัวประกัน” น่ะครับ ฝีมือการแสดงของเธอโดดเด่นจริงๆ
อีกคนที่บทบาทยังไม่เยอะในปีนี้ แต่จะมาเยอะในปีหน้าก็คือ Daryl Mitchell ขานี้ก็ออกแนวฮา มาเป็นลูกคู่กับ Kerkovich ก็ถือเป็นอะไรที่ไม่เลวเหมือนกัน
ในแง่ของคดีแล้ว มันอาจไม่ถึงกับสุดยอดมากมาย แต่ก็ทำได้ดีตามมาตรฐานครับ ถือว่าน่าติดตามและสามารถผสมกลิ่นอายอันเป็นเสน่ห์ของนิวออร์ลีนส์ลงมาได้แบบกลมกล่อม โดยส่วนตัวแล้วผมว่าตัวเอกของจริงของซีรี่ส์ก็คือกลิ่นอายเปี่ยมมนต์ขลังของเมืองนั่นแหละครับ
ระหว่างดูผมก็คิดนะ ว่า NCIS เดินมาทางเดียวกับ CSI นั่นคือพอภาคต้นฉบับอยู่ตัวแล้ว ก็ออกภาคแยกออกมา ภาคแยกแรกของ NCIS คือภาค LA ซึ่งภาคนี้เน้นแอ็กชัน เน้นการสู้กับพวกแก๊ง, ยาเสพติด หรือผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งมาทางเดียวกับ CSI: Miami ที่มีธีมหลักๆ เป็นการสู้กับพวกนี้เหมือนกัน
พอภาคแยกชุดต่อมา NCIS ก็มา New Orleans ซึ่งเล่นกับอารมณ์และสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของเมือง แบบเดียวกับที่ CSI: New York เอาความเป็นเมืองนิวยอร์กมาชูเป็นเสน่ห์หลัก เรียกว่าเอาเมืองที่มีเอกลักษณ์มาต่อยอดและถ่ายทอดอารมณ์เหมือนกัน
และจะว่าไปธีมสีของ NCIS:LA ก็ออกแนวเหลืองๆ ส้มๆ แบบเดียวกับ CSI: Miami ส่วน NCIS: New Orleans ออกแนวสีม่วงแอบทึม คล้ายๆ กับ CSI:New York ที่มาในโทนน้ำเงินบวกทึมๆ เหมือนกัน
ที่พูดถึงความคล้ายนี่ไม่ได้จะบอกว่าใครมาก่อนมาหลัง หรือใครดีกว่าใครนะครับ เพราะผมชอบหมดแหละ ลำดับความชอบยังคล้ายกันเลย นั่นคืทั้ง 2 เรื่องผมชอบซีรี่ส์ต้นฉบับที่สุด รองลงมาถ้าเป็นของ CSI ก็คือภาค New York หรือถ้าเป็นของ NCIS ผมก็ชอบ New Orleans นี่แหละ
เอาเป็นว่าใครชอบพี่ Bakula นะครับ แนะนำให้ดูเลย ใจจริงก็แอบเชียร์พี่เขานะ ชอบมาตั้งแต่ซีรี่ส์ Quantum Leap (ซึ่งก็อายุเกือบ 30 ปีแล้ว) และจะดีใจมากหาก NCIS ชุดนี้ได้ทำยาวๆ เพราะอยากดูไปเรื่อยๆ นั่นแหละครับ (ขอให้รักษาความดีไว้ก็พอ หรือถ้าจะเพิ่มความเด็ดได้ ก็จะยิ่งดี)
สามดาวครับ
(8/10)