“ชีวิตย่อมมีหนทางของมัน” Jurassic Park ว่าไว้
“… หนทางนั้นมีได้ ทั้งทางดีและทางร้าย” อันนี้ผมดู Rise of the Planet of the Apes แล้วนึกต่อขึ้นมาครับ
หนังชุดพิภพวานรมักว่าด้วยผลแห่งการกระทำในด้านลบของมนุษย์ อย่างหนังฉบับดั้งเดิมนั้น ก็เพราะมนุษย์เอาเวลาไปล้างผลาญแทนที่จะสร้างสรรค์ วานรเลยลุกขึ้นมาเป็นใหญ่
สำหรับฉบับใหม่นี้ ก็ถือว่าสะท้อนการกระทำด้านมืดของคนเช่นกันครับ เพราะการที่วานรอย่างซีซาร์ลุกขึ้นมาก่อการก็เนื่องด้วยการกระทำอันเลวร้าย+ความกลัวในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ ผลที่ได้เลยกลายเป็นความโกลาหล
ถ้าทุกคนปฏิบัติต่อซีซาร์แบบที่วิล (James Franco) ทำ ผลลัพธ์จะออกมาแบบไหน?
ซีซาร์ก็เปรียบได้กับเด็กแรกเกิดครับ เขาเรียนรู้จากสิ่งที่เราทำ เขาตอบสนองต่อเราด้วยท่าทีที่เราตอบสนองต่อเขา และพอเรียนรู้ไประดับหนึ่ง เขาก็จะเอา “ผลลัพธ์ของการเรียนรู้นั้น” มาเป็นเข็มทิศ มาเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจว่าจะทำอะไร ไม่ทำอะไร ทำแบบไหน อย่างไร ฯลฯ
ซีซาร์ไม่เหมือนสัตว์ประหลาดอย่างเอเลี่ยนหรืออสูรกายในหนังสยอง มันไม่ได้เกิดมาเพื่อฆ่าเรา กินเรา หรือพิชิตเราให้หมด แต่มันคือผลผลิตแห่งวิวัฒนาการที่เราธรรมชาติและมนุษยชาติมีส่วนในการสร้างมันขึ้นมาเหมือนกัน
เพียงแต่ธรรมชาติจะสร้างในทางชีววิทยา แต่มนุษย์เราเติมเต็มในด้านความคิดและจิตใจ
ในทางร่างกาย วานรแกร่งตามธรรมชาติ ส่วนในทางจิตใจ มันก็เพียงแค่เป็น… แบบที่เราเป็นให้มันดู
ดูหนังแล้วย้อนดูปัจจุบัน… เด็กในวันนี้ก็คือซีซาร์ในหนัง
เมื่อเราแก่ตัว เด็กเป็นผู้ใหญ่ โลกเราจะถูกฝากไว้ในมือพวกเขา
สิ่งที่เราทำในปัจจุบัน (ให้เด็กเห็น) คือการกำหนดชะตากรรมในอนาคตของเราโดยอัตโนมัติ
เราอยากให้เด็กขับรถระวัง… เราล่ะระวังให้เขาเห็นไหม
เราอยากให้เด็กใจเย็นๆ… เราล่ะใจเย็นให้เขาเห็นไหม
เราอยากให้เด็กคุยกันดีๆ… เราล่ะคุยกันดีๆ ไหม
เราอยากให้เด็กรู้จักกฎกติกา… เราล่ะทำตามกฎกติกาไหม
เราอยากให้เด็กเคารพเรา… เราล่ะทำตัวน่าเคารพไหม
ชีวิตย่อมมีหนทางของมัน…
… หนทางไหนที่เรากำลังเดินอยู่
สามดาวครับ
(8/10)