Saint Laurent – แฟชั่นเขย่าโลก

ภาพยนตร์ “ Saint Laurent “ ( แซงค์ โรลองค์ )  เข้าฉายในสายประกวดหลักชิงรางวัล ปาล์มทองคำ ของเทศกาลาพยนตร์เมืองคานส์ 2014 ผลงานการกำกับของ เบอร์ตรอง โบเนลโล ที่ได้ กัสปาร์ อุลลิแอล นักแสดงมากฝีมือหล่อเซอร์ ชาวฝรั่งเศส มารับบท แซงต์ โลรองต์  อัจฉริยะผู้เป็นดั่งศาสดาของวงการแฟชั่น เขาเติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย ถูกห้อมล้อมด้วยความรักจากแม่และพี่สาวของเขามาตั้งแต่เด็ก พออายุได้ 17 ปี ก็ชนะรางวัลในการแข่งขันการดีไซน์ระดับโลก อายุ 20 ก็เริ่มต้นทำงานกับ DIOR  อายุ 22 เขาสร้างคอลเลคชั่นใหม่ให้ดิออร์กลับมาเป็นแบรนด์ระดับโลกอีกครั้ง จนกระทั่งกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกตอนอายุ 25 เมื่อเขาสร้างแบรนด์ อีฟ แซงต์ โรลองต์ ของตัวเอง  หนังจะจับช่วงชีวิตที่ รุ่งเรืองที่สุด ดราม่าที่สุด โดยเฉพาะเรื่องความรัก  หนังตั้งใจจะตีแผ่เข้าไปถึงแก่นของความอ่อนไหวในใจ ของดีไซเนอร์อัจฉริยะ ผู้นี้ จนถึงขนาดกล้าท้าว่า คนดูจะได้เห็น แซงต์ โลรองต์ ในมุมที่เราคาดไม่ถึง เรื่องราวของ แซงต์ โลรองต์   ( กัสปาร์ อุลลิแอล ) ระหว่างปี 1965-1989 ยุคที่ผู้หญิงผู้รักแฟชั่นทุกคนบนโลก ยึด แซงต์ โลรองต์   เป็นศาสดาของพวกเธอ  นอกจากความสำเร็จด้านอาชีพภาพยนตร์ “ Saint Laurent “ ( แซงค์ โรลองค์ )  ยังกล้าพูดถึงเรื่องราวชีวิตรักทั้ง 2 ครั้งของ แซงต์ โรลองต์ ซึ่งก็คือความสัมพันธ์กับ ปิแอร์ แบร์แจ และ ฌาคส์ เดอ บาชแชร์ ความสัมพันธ์ที่ตอกย้ำประโยคที่ว่า “ ในโลกของอัจฉริยะ ไม่มีคำว่า happy ending “

Saint Laurent (Bertrand Bonello / France / 2014) ช่วงแรกรู้สึกว่ามันยังเรื่อยๆ เอื่อยๆ อยู่และหลายครั้งรู้สึกว่ามันเก้ๆ กังๆ แต่มันก็ยังไปรอดได้ทุกทีด้วยความน่าสนใจของลูกเล่นต่างๆ ทั้งการกำกับ ตัดต่อ ถ่ายภาพ งานสร้าง และการแสดง แล้วไปรอดแบบเฟี้ยวฟ้าวท่าสวยเป็นที่น่าจดจำซะด้วยนะ ยิ่งช่วงครึ่งหลังท้ายๆ นี่ชอบมากๆ ส่วนบทก็ดึงตัวตนของคนต้นเรื่องมาได้น่าสนใจน่าติดตามทุกมุม ที่ไม่ใช่แค่การเติบโตของแบรนด์ YSL  ยิ่งสูงยิ่งหนาวมันไม่ใช่แค่การแข่งขันกับคนอื่นแบรนด์อื่นหรือคำครหากอสซิบจากวงสังคมหรือแวดวงธุรกิจ แต่หนังมันให้เห็นการตัดสินใจการตกหล่มในห้วงตัณหาของเซ็กส์และความรักอย่างปุถุชนคนทั่วไปมันบั่นทอนแรงจูงใจในการสร้างงาน โลกความเป็นจริงมันไม่เหมือนความฝันที่งดงามได้เพียงหลับตาในความมืดแล้วก็จินตนาการฝันหวาน แต่พอลืมตาแล้วจะลงมือเขียนจริงๆ กลับมืดบอด มันต้องมือที่พึ่งมันต้องมีมิตรภาพมันต้องมีทีมเวิร์ค มันต้องแลกกับการยอมเสียและยอมทำอะไรบางอย่างให้ความยิ่งใหญ่ยังคงอยู่และได้มากขึ้น แล้วสุดท้ายมันก็ฮึดและกลับมายืนหยัดอมตะได้อย่างงดงาม แบบที่ไม่ต้องพยายามบอกว่ามันงดงามยังไง ชอบฉากเจรจากันมากๆ ดูเพลินมากๆ สนุกมากๆ ในการแยกประสาทฟังและอ่านซับไทยจนงงแทนล่าม ชอบช็อตที่พระเอกเจอกับคู่นอนคนใหม่ครั้งแรก ชอบฉากผู้หญิงแต่งแมนกับผู้หญิงเปลือยในตรอกมากๆ มันเป็นฉากโมทีฟที่เราเองก็ไม่รู้ความหมายมันจริงๆ หรอกแต่รู้สึกว่ามันส่งให้บริบทเพศและแฟชั่นมันมีมิติขึ้นเยอะ ชอบหมาที่ให้มันนอนชักยังงั้นสั่งมันยังไงยังสงสัยอยู่เลย ไม่ชอบแค่งูแค่นั้นแหละเพราะเจอในหนังหลายเรื่องที่เอามาใช้ในสัญลักษณ์คล้ายๆ กันนี้บ่อยเกิน