Sonic the Hedgehog โซนิค เดอะ เฮ็ดจ์ฮอก
เห็นว่าครองแชมป์บ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกาได้ถึง 2 สัปดาห์ซ้อน ส่วนกระแสที่ออกมาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร “Sonic the Hedgehog” มาช่วยล้างอาถรรพ์หนังที่สร้างจากวิดีโอเกม ที่ส่วนใหญ่มักจะล้มเหลวบ่อยๆ เมื่อขึ้นสู่จอใหญ่ แต่ครั้งนี้ไม่ธรรมดา ต้องยอมรับว่าการเล่าเรื่องและโทนหนังออกมาได้ถูกจังหวะและเหมาะสม ไม่แปลกใจที่ฉบับนี้ใครๆ ก็หลงรักน้อง…เม่นหัวแหลมสีฟ้า
Sonic the Hedgehog รีวิว
ผลงานการกำกับเรื่องแรกของ “เจฟฟ์ ฟาวเลอร์” หลังจากสั่งสมประสบการณ์ทำหนังสั้นและเป็นนักแอนิเมเตอร์มาหลายปี วิสัยทัศน์ของเขาช่วยปลุกฟื้นตำนานโซนิคให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งอย่างสวยงาม เรื่องราวของเม่นพลังน่าทึ่งจากต่างดาว ที่ต้องหนีมาจากดาวเคราะห์ดวงอื่นมาอยู่บนโลก แอบใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ถ้ำในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า กรีนฮิลล์ส
แต่ โซนิค ก็มักจะแอบเฝ้าดูพวกชาวเมือง และอยากเป็นเพื่อนกับพวกเขา โดยเฉพาะ “ทอม” นายอำเภอประจำเมืองนี้ ที่ตั้งฉายาให้ว่า “ท่านลอร์ดโดนัท” แต่ความเหงาของเขาทำให้พลั้งพลาดปล่อยพลังจากความรวดเร็วระดับซูเปอร์ ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ทางกองทัพจึงได้ส่ง ดร.โรบ็อทนิก มาสืบหาต้นตอและกลายเป็นความปั่นป่วนเกิดขึ้น
Sonic the Hedgehog วิจารณ์
สิ่งเดียวที่คิดได้หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบคือ “สนุกกว่าที่คิด!” ต้องปรบมือให้กับความกล้าได้กล้าเสี่ยงของผู้สร้างหนังเรื่องนี้ ที่ตัดสินใจทำตามคำเรียกร้องจากแฟนๆ หลังจากที่มีกระแสตีกลับเรื่องงานออกแบบจากทีเซอร์ตัวแรก ทำให้ผู้สร้างนำเอางานไปแก้ไข และเลื่อนวันฉายออกไปก่อน เพิ่มทุนสร้างอีก 5 ล้านเหรียญ เพื่อทำซีจีปรับปรุงตัวโซนิคใหม่โดยเฉพาะ
และผลลัพธ์ที่ได้ออกมา…ช่างคุ้มค่า นี่เป็นงานออกแบบตัวละคร “โซนิค” ที่น่ากอดน่าฟัดที่สุดไปเลย ไม่ว่าจะคนที่เกิดทันเล่นเกมนี้มาก่อน หรือเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะเคยเห็นเจ้าโซนิคครั้งแรกในชีวิต เชื่อเลยว่าทุกคนต้องหลงรักเขาจริงๆ งานออกแบบค่อนข้างละเอียดและแนบเนียม จนลืมไปเลยด้วยซ้ำว่ามีงานแก้ซีจีตัวละครโซนิคอยู่ในหนังเรื่องนี้ด้วย
รีวิว Sonic the Hedgehog
ขณะที่การแสดงกับตัวละครซีจีในเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใดๆ “เจมส์ มาร์สเดน” แสดงได้เข้าขากับ โซนิค ประหนึ่งว่าเข้าฉากด้วยกันจริงๆ ทุกอย่างดูน่าเชื่อและไม่ขัดอารมณ์ การเล่าเรื่องก็ไม่ซับซ้อนใดๆ เป็นหนังที่ย่อยง่าย รสชาติอร่อย และเพลิดเพลินแบบไม่มีพิษภัยอะไรเลย
เนื้อหาของหนังอาจจะมีความใสๆ เหมาะกับเด็ก แต่ก็เป็นหนังที่ผู้ใหญ่ดูได้ และดูสนุกอีกด้วย เชื่อว่าหลายคนน่าจะต้องหวนคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ สมัยยังเล่นเกมตลับต่อเข้าจอทีวีประมาณนั้น อีกทั้งยังเชื่อว่าความสำเร็จในครั้งนี้ ค่ายหนังน่าจะหาช่องทางต่อยอดเรื่องราวและสร้างจักรวาลนี้ขึ้นมาอีกแน่ๆ
วิจารณ์ Sonic the Hedgehog
อีกส่วนที่โดดเด่นไม่แพ้กัน คือการกลับมาของ “จิม แคร์รีย์” หลังจากที่ห่างหายจากบททำนองนี้ไปกว่า 10 ปีได้ ป๋ากลับมาอีกครั้งก็ยังโชว์ทักษะความเป็นคอเมเดี้ยนแถวหน้าตลอดกาล ด้วยการใส่ลีลาโอเวอร์แอคติ้งที่เป็นเอกลักษณ์ของป๋าแก แต่ปรากฏตัวทุกครั้งก็เรียกเสียงฮา พี่แก…กลับมาแล้วจริงๆ
Sonic the Hedgehog น่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งหนังแฟรนไชส์ให้กับค่ายพาราเมาท์ได้ไม่ยาก ต้องยอมรับว่าการตีโจทย์หนังออกมาให้ดูง่าย ย่อยง่าย เข้ากับกลุ่มคนดูทั้งครอบครัว เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และเมื่องานสร้างออกมาดูดี ผนวกกับความบันเทิงแบบไร้พิษภัย จัดได้ว่าการมาของโซนิคในครั้งนี้…มาได้ถูกจังหวะจริงๆ
Sonic the Hedgehog
👍👍👍
1. หนังเรื่องนี้ไม่มีพิษมีภัยใดๆ สร้างความบันเทิงและสนุกสุดๆ เป็นหนังที่สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย แฝงข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่ลูกเล็กเด็กแดงก็พามาดูได้นะ
2. งานสร้างตัวละคร โซนิค คือดีจริงๆ ออกแบบได้คมกริบ แม้จะเป็นตัวละครแอนิเมชั่น แต่พอไปอยู่บนจอก็ดันลืมไปเลยว่าเป็นแอนิเมชั่น…น้องสุดๆ
3. ใครที่เป็นแฟนหรือเคยเล่นเกมในยุค SEGA มาก่อน ควรจะต้องไปดูหนังเรื่องนี้ เพราะจะทำให้หวนคิดถึงวันวานและบรรยากาศเก่าๆ ที่คุ้นเคย
4. คุณจะได้เห็นฉากเด็ดๆ ของโซนิคอยู่หลายช็อตทีเดียว โดยเฉพาะพวกฉากสโลว์โมชั่นเจ๋งๆ ที่ต้องยกนิ้วให้กับทีมสร้างซีจีของหนังเรื่องนี้เลยจริงๆ
5. นี่เป็นการคัมแบ็กกลับมาของ “จิม แคร์รีย์” อาการเล่นใหญ่แต่ได้อรรถรสของเขา กลับมาอยู่บนจอใหญ่อีกครั้ง บทนี้ต้องเป็นเขาจริงๆ
6. และที่พลาดไม่ได้ก็คือฉากพิเศษในช่วงเครดิตท้ายเรื่อง จะเป็นบางสิ่งที่คนดูต้องร้อง “ว้าวววว!” ออกมา กระซิบบอกก่อนว่า…มี 2 ฉากนะ
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง “Sonic the Hedgehog”
ผู้สร้าง: พาราเมาท์ พิคเจอร์ส
จัดจำหน่ายโดย: ยูไอพี ประเทศไทย
ผู้กำกับ: เจฟฟ์ ฟาวเลอร์
บทภาพยนตร์: แพทริค เคซีย์, จอช มิลเลอร์
นำแสดงโดย: เจมส์ มาร์สเดน, จิม แคร์รีย์, เบน ชวาร์ตซ์, ทิก้า ซัมพ์เตอร์
เข้าฉาย: 27 กุมภาพันธ์ 2563
ความยาว: 99 นาที
—————————————————-