เรื่องย่อ: กัส ถูกจับตัวมาทดลองโดยพวกคนชั่วที่หวังทดลองยารักษาโรคประหลาด เขากับเพื่อนใหม่ที่เป็นเด็กครึ่งสัตว์ต้องหาทางหลบหนีก่อนจะตาย ขณะเดียวกันพวกผู้ใหญ่ที่เป็นเพื่อนของกัสก็กำลังหาทางมาช่วยพวกเขาเช่นกัน
หลังผ่านไปเกือบ 2 ปีจนแทบจะลืมเนื้อหาเดิมไปแล้ว เราก็ได้ดูซีซันต่อของเรื่องนี้เสียที โดยเรื่องราวดำเนินต่อจากซีซันที่แล้วทันทีแบบไม่มีฉากข้ามเวลาแต่อย่างใด ดังนั้นใครลืมเนื้อหาไปแล้วแนะนำดูรีแคปที่ทางเน็ตฟลิกซ์จัดให้ก่อนดูตอนใหม่เพื่อฟื้นความจำอย่าข้ามเด็ดขาด
มาครั้งนี้ทีมสร้างยังสามัคคีมาครบทั้งชุด ทั้ง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) ที่อำนวยการสร้างให้ จิม มิกเคิล (Jim Mickle) มาเป็นโชว์รันเนอร์และเขียนบท รวมถึงนักแสดงเด็กอย่าง คริสเตียน คอนเวรี (Christian Convery) ที่มารับบทน้อนครึ่งกวางนาม กัส ที่เราหลงรักมาตั้งแต่ซีซันแรก ซึ่งข้อดีคือแม้จะผ่านไป 2 ปีในแง่เวลางานสร้างแต่คุณภาพทุกอย่างยังคงเดิมไม่ได้ลดลงเลย เป็นซีรีส์เน็ตฟลิกซ์อีกเรื่องที่พิถีพิถันในเรื่องงานสร้างมากแม้จะเป็นงานไซไฟที่ต้องใช้เทคนิคพิเศษค่อนข้างมากก็ตาม
สิ่งที่น่าชื่นชมนอกจากโปรดักชันที่ยังดูดีต่อเนื่อง คือการเล่าเรื่องที่ยังทำได้น่าสนใจอยู่ แม้จะมีหลายเส้นเรื่องของแต่กลุ่มที่ต้องติดตามทั้ง กลุ่มกัสกับเพื่อนครึ่งสัตว์ที่ต้องหาทางเอาตัวรอดจากพวกทหารกลุ่มลาสต์เมนของนายพลแอบบอต กลุ่มดร.สิงห์ที่ต้องหาคำตอบที่มาของไวรัสเพื่อช่วยชีวิตตัวเองกับภรรยาที่ถูกพวกทหารจับมาเช่นกัน กลุ่มพี่เบิ้มกับเอมีที่หาทางเข้าไปช่วยพวกกัส กลุ่มนายพลแอบบอตที่ออกไปหาลาสต์เมนกลุ่มอื่นเพื่อหาทางรอดของโลก กลุ่มของแบร์ที่เจอเพื่อนใหม่ระหว่างเดินทางตามหาแม่ของกัส และสุดท้ายแม่ของกัสที่กำลังเข้าใกล้คำตอบของต้นตอไวรัส
แม้จะมีหลายเส้นเรื่องต้องติดตามแต่ซีรีส์ก็ให้เวลากับตัวกัสเป็นหลัก ทำให้มุมมองของเรื่องในช่วงแรกของซีซันวนเวียนอยู่กับค่ายทหารและการหาทางหนีจนดูเหมือนหนังเด็กผจญภัยอยู่ในที แต่พอเรื่องดำเนินไปก็มีหลายฉากที่ตอกย้ำให้จำได้ว่าเรื่องนี้มันมีความดาร์กซุกซ่อนใต้เบื้องหน้าอันไร้เดียงสา ทั้งฉากที่กัสเรียนรู้คำโกหกเพื่อมีความหวังในช่วงเวลามืดมน หรือคำถามเรื่องกรรมที่ ดร.สิงห์ถกกับภรรยา
และที่รู้สึกว่าเป็นจุดเดินหน้าของซีรีส์เลยคือตอนที่ 3 เป็นต้นไป ที่เรื่องราวเริ่มเผยเป้าหมายบางอย่าง และข้อขัดแย้งหลายอย่างที่ปูไว้เริ่มแสดงผล คำโกหกของกัสต่อเพื่อน ๆ มีราคาเป็นความเจ็บปวดที่ต้องแลกเปลี่ยน มนุษย์ที่เหลือรอดเข้ากับคำโกหกของนายพลแอบบอตที่เป็นเหมือนพระมาโปรดด้วยยารักษา แบร์ที่เคยฆ่าพวกลาสต์เมนต้องยอมเข้าเป็นพวกกับศัตรูด้วย ข้อถกเถียงที่เป็นภาพใหญ่ของซีรีส์กลับมาอีกครั้ง เราจะลงโทษเด็ก ๆ ผู้บริสุทธิ์กลุ่มหนึ่งเพื่อช่วยเหลือคนส่วนใหญ่ของโลกไว้หรือไม่ หรืออีกแง่คือเราจะยอมมือเปื้อนเลือดได้มากแค่ไหนเพื่อผลลัพธ์ในการเป็นคนดี ซึ่งควรบอกว่าซีรีส์เริ่มของจริงก็ตอนนี้เอง
คนดีที่จุดยืนหรือหลักในใจไม่มั่นคงพอ พอเผชิญโจทย์สีเทา ๆ ก็พร้อมจะกลายเป็นคนชั่วร้ายได้อย่างง่ายดาย
และจุดที่ทำได้ลงตัวอีกอย่างคือการรักษาพื้นที่ให้ตัวละครกลุ่มเดิมที่มีหลายกลุ่มให้ผู้ชมยังติดตามได้ง่าย โดยเพิ่มตัวละครกลุ่มใหม่เข้ามาให้มีอะไรใหม่ ๆ ได้อย่างน่าสนใจ เช่นกลุ่มนักส่งของสุดโฉดที่เอาผลประโยชน์นำ กลุ่มวัยรุ่นที่สมัครเข้าลาสต์เมนด้วยความหวังว่าคือสิ่งที่ถูกต้องจนเกิดความขัดแย้งในใจของแบร์ และมันช่วยพัฒนาการตัวละครเดิมที่คิดว่าหมดทางจะไปต่อแล้วให้ลึกลงไปอีก โดยเฉพาะกัสที่เรียนรู้เหรียญอีกด้านของความหวังดีที่เขาเชื่อมั่น และทำให้ตัวละครหลายตัวกลมขึ้นแม้แต่ตัวร้ายสุดขั้วอย่างนายพลแอบบอตก็มีน้ำหนักของการกระทำที่ผู้ชมเข้าใจได้ เป็นข้อถกเถียงที่น่าสนใจจากการรับชม
แต่เส้นอารมณ์ของซีซันนี้ก็มีความแปลกของมันคือมี 2 ไคลแมกซ์คือตอนที่ 6 ที่สรุปผลของเป้าหมายที่ปูมาทั้งหมดตั้งแต่ปลายซีซันก่อน และตอนที่ 7 เหมือนเข้าสู่เป้าหมายใหม่แถมเปิดด้วยบรรยากาศที่เริ่มเห็นความสิ้นหวังแรง ๆ แล้วก็ดันกราฟอารมณ์ขึ้นไปอีกในตอนสุดท้ายของซีซันเป็นไคลแมกซ์ที่ 2 ซึ่งน่าสนใจมาก ๆ ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ แบบพูดกับคนดูหนัก ๆ เลยว่าซีซัน 3 นี่ห้ามพลาดกันนะ
โดยสรุปนี่เป็นซีรีส์ที่ใครชื่นชอบซีซันแรกก็ยังคงไม่ผิดหวัง และใครที่ยังไม่เคยรับชมก็ขอบอกว่านี่เป็นซีรีส์เด็กที่เนื้อหาเข้มข้นโตกว่าที่คิด อย่าปล่อยให้หน้าตาน่ารักของกัสมาหลอกเอาได้ล่ะ