Tales from the Hood 3 (2020) นิทานหลอนลืมหลุม 3

Untitled07924

ชายคนหนึ่ง (Tony Todd) อุ้มสาวน้อย (Sage Arrindelle) หนีไปซ่อนตัวจากอะไรบางอย่างที่ชายคนนั้นนิยามว่าเป็น “สิ่งชั่วร้าย” พวกเขาไปซ่อนกันที่อาคารร้างหลังหนึ่ง แต่ด้วยความกลัวทำให้สาวน้อยร้องขอให้ชายคนนั้นเล่านิทานให้เธอฟัง ทว่าชายคนนั้นปฏิเสธ สาวน้อยเลยขอเป็นฝ่ายเล่านิทานแทน…

ตอนที่ 1 Ruby Gates
เดวิด เบอร์ (London Brown) ต้องการจะรื้ออพาร์ตเมนต์เก่าของเขาเพื่อเปลี่ยนเป็นคอนโดหรูราคาแพง แต่ครอบครัวแบรดฟอร์ดไม่ยอมย้ายออกเนื่องจากลูกชายของพวกเขาเป็นมะเร็งและกำลังทำการบำบัดอยู่ ในที่สุดเดวิดก็เลยจ้างโจรโรคจิตนามว่ามิคกี้ (Arne MacPherson) ไปเผาตึกครับ และผลลัพธ์ก็คือมีคนตาย

หลังจากนั้น เดวิดก็เริ่มได้รับโทรศัพท์แปลกๆ… ปลายสายโทรมาจากอพาร์ตเมนต์ที่เขาเผานั่นแหละ!

ตอนที่ 2 The Bunker
เดนตัน วิลเบอรี่ (Cooper Huckabee) อาศัยอยู่ในบังเกอร์ใต้ดิน เขาเป็นคนเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ เหยียดสารพัดสิ่งด้วยความโกรธเกรี้ยว เขารู้ว่าที่นอกบังเกอร์ของเขามีใครบางคนกำลังจ้องมองเข้าอยู่ และเขาก็พร้อมจะสาดกระสุนใส่คนเหล่านั้นเช่นกัน… ว่าแต่คนเหล่านั้นคือใคร?

ตอนที่ 3 Operatic
ชีล่า ซิมป์สัน (Savannah Basley) นักร้องสาวเสียงดีได้รับการว่าจ้างให้ไปดูแลมหาเศรษฐีที่ในอดีตเคยเป็นนักร้องโอเปร่านามว่ามารี เบอนัวต์ (Lynn Whitfield) แล้วอยู่มาในหนึ่งมารีก็ได้พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ชีล่ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจครับ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีล่ากับพาร์ค (Jaime M. Callica) คนรักของเธอเริ่มคิดจะทำอะไรบางอย่าง… แล้วแผนของพวกเขาจะลงเอยอย่างไร?

ตอนที่ 4 Dope Kicks
เพอร์ซี่ย์ วู้ดเฮาส์ (Patrick Abellard) โจรที่ออกอาวะลาด ปล้นชิง และทำร้ายผู้คน ล่าสุดเขาได้ทำร้ายและขโมยรองเท้าสีทองแสนงามมาจากเหยื่อคนหนึ่ง เขาตัดสินใจสวมมัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขากำลังจะเจอกับ… อะไรที่มันเลวร้ายที่สุดในชีวิต!

และแน่นอนครับ ว่ายังมีอีก 1 เรื่องรอส่งท้ายผู้ชมอยู่เช่นเคย

Untitled07923

Spike Lee ยังอำนายการสร้างเหมือนเดิม ส่วนผู้กำกับก็เหมือนเดิมเช่นกันครับ Rusty Cundieff กับ Darin Scott รายแรกกำกับตอนที่ 2 กับ 4 และตอนต้นเรื่องกับปิดท้าย ส่วยรายหลังกำกับตอนที่ 1 กับ 3

ผมชอบกว่าภาค 2 ครับ โทนของหนังดูโอเคขึ้น ดูเป็นหนังลึกลับ (ในขณะที่ภาค 2 บางช่วงดูเบาสมองยังไงก็ไม่รู้) ถ้าถามว่าชอบตอนไหนสุด ผมยกให้ตอนที่ 1 ครับ เป็นตอนที่เดาได้ไม่ยากว่าจะเกิดอะไรและจบลงตรงไหน แต่ส่วนที่ชอบคือความหลอนทำได้ดี แค่ฉากโถงทางเดินโล่งๆ ในอพาร์ตเมนต์แล้วจู่ๆ ประตูทุกห้องก็เปิดพร้อมกันตามด้วยแสงสีเขียวชวนสยอง แค่นี้ก็ได้อารมณ์พอเหมาะแล้วสำหรับหนังแนวนี้

ส่วนตอนที่ 2 จริงๆ เนื้อหาไม่มีอะไรมากครับ เหมือนเป็นการเดินเรื่องไปเรื่อยๆ เพื่อรอให้ถึงจุดหักมุมในตอนท้ายมากกว่า ในขณะที่ตอน 3 นั้นก็ออกแนวเรื่อยๆ แต่มุกค่อนข้างซ้ำไปสักหน่อย เพราะมุกหักมุมที่ใช้นั้นเป็นอะไรที่คอหนังสยองขวัญน่าจะคุ้นเคยกันดี เดาได้ค่อนข้างง่าย

ตอนที่ 4 นี่ผมชอบรองจากตอนที่ 1 ครับ ความสยองอาจไม่มาก แต่มันเหมาะที่จะเอาไปใช้สอนเรื่องกฎแห่งกรรม สิ่งที่ตัวเอกซึ่งเป็นโจรโดนนั่นก็สาสมเอาเรื่อง

อีกอย่างที่รู้สึกชอบก็คือบรรยากาศของอาคารร้างที่ตัวเอกทั้ง 2 ไปซ่อนตัวน่ะครับ บรรยากาศดูอึมครึม ลึกลับ และน่ากลัวใช้ได้

ก็เป็นหนังสยองแนวรวมเรื่องสั้นที่สามารถเอามาดูแก้ขัดได้ครับ แต่หากใครดูแนวนี้มามากก็อาจจะเฉยๆ ดังนั้นหนังน่าจะเหมาะสำหรับคนที่กระหายหนังแนวนี้ แล้วก็พร้อมดูหนังแนวนี้แบบไม่เกี่ยงว่าจะสนุกหรือไม่ สดหรือไม่น่ะนะครับ ส่วนผมก็ดูได้แบบเรื่อยๆ สนุกกว่าภาค 2 แต่ยังสู้ภาคแรกไม่ได้ แต่ถ้าถามว่าหากมีคนทำออกมาอีกแล้วจะดูหรือไม่ ก็ตอบได้เลยว่าคงตามไปดูเหมือนเคยน่ะครับ

ดาวครึ่งพอได้ครับ

Star12

(5/10)

Untitled07925

SHARE THIS: