ถึงแม้ว่าเราจะทราบกันดีว่า..นี่คือผลผลิตที่ยังหลงเหลืออยู่จากค่ายหนังดีซียุคที่แล้ว และนี่อาจจะเป็นโอกาสท้าย ๆ ที่เราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศและแคสติ้งชุดนี้ในฐานะ จัสติส ลีก แล้ว และนี่ก็คือการมาฉายเดี่ยวกับเขาบ้างของ “The Flash” ฮีโร่ผู้ว่องไวและจัดได้ว่าเป็นตัวขโมยซีนของจักรวาลนี้ที่ปูทางมาในช่วงหลายปี แล้วหนังเดี่ยวของเขาจะสร้างความประทับใจได้แค่ไหนกัน
The Flash ว่าด้วยเรื่องราวของ แบร์รี ที่ใช้พลังเหนือธรรมชาติของเขาย้อนเวลากลับไปเพื่อเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในอดีต แต่ความพยายามในการช่วยเหลือครอบครัวของเขา ทำให้อนาคตเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่คาดฝัน แบร์รีติดอยู่ในความเป็นจริงใหม่ที่นายพลซอด กลับมาอีกครั้ง เพื่อล้างบ้างทุกสิ่งมีชีวิต และไม่มีซูเปอร์ฮีโร่คนไหนเลยที่จะก้าวเข้ามาหยุดยั้งได้
นอกเสียงจากว่าแบร์รีจะสามารถโน้มน้าวใจให้แบทแมนที่เกษียณตัวเองไปแล้วกลับมา และช่วยเหลือชาวคริปโตเนียนจากการถูกคุมขังมาได้…โดยที่เขาไม่รู้ว่านั่นไม่ใช่คนที่เขากำลังตามหา ท้ายที่สุดแล้ว เพื่อปกป้องโลกที่เขาอยู่ และกลับไปยังอนาคตที่เขารู้จัก ความหวังเดียวของแบร์รีก็คือการวิ่งให้สุดชีวิต แต่การเสียสละครั้งสุดท้ายของเขามันจะเพียงพอเพื่อย้อนคืนทั้งจักรวาลหรือไม่?
สำหรับ The Flash น่าจะเป็นหนังของดีซีที่เรามักจะได้ยินข่าวอยู่เรื่อย ๆ ทั้งข่าวในแง่อีสเตอร์เอ้กต่าง ๆ กับข่าวด้านเสีย ๆ หาย ๆ ชองนักแสดงนำ แต่หนังเรื่องนี้จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในหนังที่มีการลงทุนค่อนข้างสูงครั้งหนึ่งของสตูดิโอ เพราะได้ยินว่ามีการปรับเปลี่ยนแก้ไขและรื้อถ่ายใหม่เพิ่มเติมเข้าไปด้วย ถึงจะระบุว่าใช้งบประมาณไปราว ๆ 200 ล้านเหรียญ แต่บางแหล่งข่าวก็อ้างว่าน่าจะใช้มากกว่านั้น อาจจะแตะถึงหลัก 400 ล้านเหรียญ เลยก็ว่าได้
“แอนเดรส มัสเชียติ” มารับหน้ากำกับหนังเรื่องนี้ ซึ่งเป็นการกำกับหนังซูเปอร์ฮีโร่และหนังฟอร์มใหญ่ยักษ์ทุนมโหฬารเรื่องราวของเขาด้วย แต่ก็แอบเสียดายนิดหน่อยที่งานกำกับหนังเรื่องนี้ของเขากลับยังไม่ใช่ผลงานที่ได้มีโอกาสโชว์ฝีมือได้อย่างโดดเด่น เห็นได้ชัดว่าเขาแค่มาเป็นรับหน้าที่ น้อยมากที่จะสัมผัสได้ถึงวิสัยทัศน์ที่แตกต่างไปจากระบบนายทุนที่เข้ามาข้องเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เป็นส่วนใหญ่ ทุก ๆ อย่างถูกจับใส่เข้ามาอย่างเป็นจังหวะ ๆ ตั้งใจจะทำให้คนดูเซอร์ไพรส์เกินไป จนไม่ได้รู้สึกเซอร์ไพรส์มากนัก
แต่อย่างน้อย ๆ ก็ยังดีที่ได้บทหนังของมือเขียนบทอันดับต้น ๆ ของวงการตอนนี้ อย่าง “คริสตินา ฮอดสัน” มาช่วยพยุงเอาไว้ ท่ามกลางเส้นทางที่ท้าทายและยุ่งเหยิงไม่เบา ก็เป็นไปตามที่ลือ ๆ กันว่าหนังหยิบเนื้อหาบางส่วนมาจากฉบับคอมิก Flashpoint มาเล่นด้วย นั่นจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้หนังยังมีกลิ่นอายความเป็นการ์ตูนปะปนอยู่หน่อย แต่มิติที่ทับซ้อนและซับซ้อนของหนังเรื่องนี้ก็ทำได้แค่เกือบ แต่ยังไม่ถึงระดับสมบูรณ์แบบใด ๆ
อาจจะต้องบอกว่าถ้าหากคุณเป็นแฟน ๆ ตัวละครฮีโร่หรือดีซี The Flash น่าจะเป็นหนังที่เพลิดเพลินได้ดีสำหรับคุณในระดับหนึ่งเลย แต่หากว่าใครที่ไม่ได้มีพื้นฐานหรือเพิ่งมานั่งทำความรู้จัก ณ ตอนนี้ ก็อาจจะมีบางมุมที่รู้สึกเอะใจและยังไม่เข้าใจกับทฤษฎีด้าน ๆ เกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลา และข้ามพหุจักรวาล ที่ยังไม่ค่อยได้รับการอธิบายที่เคลียร์สักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่ใช่จุดที่มาบั่นทอนความสนุกของตัวเองอะไรเท่าไหร่นัก
และแน่นอนว่า “เอซรา มิลเลอร์” ก็คือตัวแบกหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างเพอร์เฟค ในแง่นักแสดงนั้น เขาก็คือหนึ่งในนักแสดงที่เต็มไปด้วยฝีมืออันเหลือหลาย เขาสร้าง แฟลช ออกมาในรูปแบบที่แฟน ๆ จะชอบใจ พร้อมกับมอบการแสดงที่ค่อนข้างกินใจและท้าทายตัวเองอยู่ตลอดระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมงเศษ ๆ ของหนังเรื่องนี้ ไม่ว่ายังไง แฟลช ก็ยังเหมาะที่จะเป็นเขามารับบทนี้อยู่
ขณะที่ตัวละครสมทบอื่น ๆ อย่าง “ไมเคิล คีตัน” ที่กลับมารับบทเป็น แบทแมน อีกครั้งรอบหลายสิบปี เขาก็ยังคงเอกลักษณ์เอาไว้ได้ ถึงแม้ว่าบทบาทและมิติของเขาในหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ได้โดดเด่นอะไรอย่างที่คาดหวังไว้ เช่นเดียวกับ “ชาซ่า แคลล์” ที่มารับบทเป็น ซูเปอร์เกิร์ล ที่เสน่ห์ของเธอเหลือร้ายจริง ๆ ทั้งดุดัน ทั้งทรงเสน่ห์ เป็นอีกหนึ่งตัวละครใหม่ที่น่าจะทำให้แฟน ๆ หลงใหลได้ แม้ว่าจะแบบกรุบกริบแค่นั้นก็ตาม
ทางด้านงานเทคนิคพิเศษ หรือ CGI ในหนังเรื่องนี้นั้น ก็อาจจะบอกได้ว่าดีตามมาตรฐาน เพราะหนังเรื่องนี้แทบจะใช้ซีจีในทุก ๆ ซีนเสียด้วยซ้ำ ถึงจะมีฉากแอคชั่นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะฉากโหมโรง แต่ก็แอบมีสิ่งที่มาทำให้รู้สึกขัดใจเล็ก ๆ น้อย ๆ กับความไม่แนบเนียนและลอยโดดไปนิดหน่อยของพวกซีจีต่าง ๆ ที่อาจจะไม่เนียนกริบได้พอ แต่โดยภาพรวมนั้นยังถือว่าไม่แย่ เพียงแต่ก็ยังไม่ได้ดีที่สุดอะไร
ดังนั้น The Flash ก็ถือว่าเป็นที่ยังมอบความบันเทิงชั้นดีได้ดีจากฝั่งดีซี หนังอาจจะดีกว่าเรื่องก่อนหน้านี้ขึ้นมาหน่อย แต่ยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบทุกองค์ประกอบอะไร หนังยังคงมีกลิ่นอายและลายเส้นสไตล์ดีซีอยู่ชัด พล็อตที่ค่อนข้างสนุกแต่ก็ยังลำดับไล่เรียงเรื่องราวไปได้ยังสุดทางเท่าไหร่นัก แม้นักแสดงจะช่วยประคอบหนังเอาไว้ได้มากไม่น้อย แต่ในท้ายที่สุดแล้ว เรากลับพบว่ามันก็ยังวนเวียนอยู่ในอ่างเดิม ๆ ที่ยังพอดูได้เพลิน ๆ แต่กลับยังไม่ได้มีอะไรให้น่าจดจำได้ขนาดนั้น
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง The Flash เดอะแฟลช
- ประเภท: แอคชั่น / ผจญภัย / ไซไฟ
- ผู้กำกับ: แอนเดรส มัสเชียติ
- นำแสดงโดย: เอซรา มิลเลอร์, ไมเคิล คีตัน, ซาช่า แคลล์
- ความยาว: 144 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 15 มิถุนายน 2023
Movie.TrueID METRIC: The Flash เดอะแฟลช
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)