The Gift (Joel Edgerton / USA / 2015)
เรื่องราวของ Simon กับ Robyn Callum สองสามีภรรยาฐานะการงานดีที่ย้ายจากคอนโด Chicago มาอยู่บ้านที่ Los Angeles แต่แล้วพวกเขาก็ต้องพบกับ Gordo อดีตเพื่อน(ไม่สนิท)ที่มีภูมิหลังบางอย่างกับ Simon ผู้เป็นสามี Gordo เริ่มส่งของขวัญต่างๆ มาแสดงความยินดีกับบ้านใหม่ถึงหน้าประตู มีตั้งแต่เหล้าไวน์ไปจนถึงปลาบ่อหน้าบ้าน ซึ่งสองสามีภรรยาไม่อาจรู้ได้แน่ชัดว่า Gordo จะมาดีหรือมาร้าย และของขวัญอันตรายที่คาดไม่ถึงจะมาส่งถึงหน้าบ้านเมื่อไหร่กัน คำถามที่เกี่ยวโยงกับความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกันระหว่างสามีภรรยาค่อยๆ รุนแรงและน่าพิศวงมากขึ้นเรื่อยๆ นำไปสู่การกระทำที่ค่อยๆ เปิดเผยให้เห็นตัวตนของ Simon และ Gordo ท่ามกลางความหวาดระแวงของ Robyn ที่เป็นคนกลาง เธอจึงพยายามสืบหาอดีตเบื้องหลังของคนทั้งสอง…สามีของเธอและเพื่อนพิลึกวัยมัธยมของเขา
ถือเป็นหนังจิตวิทยาระทึกขวัญผลงานกำกับหนังขนาดยาวเรื่องแรกของ Joel Edgerton แถมยังพ่วงแสดงบทบาทสำคัญอย่าง Gordo บุคคลลึกลับที่เป็นปริศนาในเรื่องอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นยังลงมือเขียนบทด้วยตัวเองซึ่งทั้ง 3 หน้าที่สำคัญที่เขาต้องรับผิดชอบก็สำเร็จออกมาเป็นผลลัพธ์ที่น่าชื่นชม หนังทั้งเรื่องไม่ได้สมบูรณ์แบบซึ่งยังมีแผลอยู่ เช่นการไม่เนียนของรอยตะเข็บที่เย็บซ่อนการหักมุม ปมบางอย่างของตัวละครที่ไม่ได้คลี่คลายและยังคงค้างคาที่รู้สึกว่ามันยังขยี้ได้ อย่างเช่น อาการกลัวลิงของ Simon ถึงแม้แผลที่ว่านี้จะทำให้เรารู้สึกว่าหนังมันไม่ได้เนี้ยบนิ้งแต่สาส์นหรือประเด็นของหนังก็ไม่ได้เสียหายและยังคงอยู่อย่างครบถ้วนในแบบที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หนังเรื่องนี้ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์จากเมืองนอกเมืองนาดีทีเดียว แถมยังดีกว่าความรู้สึกส่วนตัวของเราเองที่หลังจากดูหนังจบก็รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ไม่น่าจะแตะถึงคำชื่นชมได้มากขนาดนี้ เพราะมันไม่ใช่หนังสร้างกระแสในฐานะที่เป็นหนังโหนชาตินิยม ชนชั้นวรรณะ หรือการเมืองใดๆ แถมยังเป็นงานกำกับหนังยาวเรื่องแรกของผู้กำกับซึ่งภาษีการเป็นนักแสดงระดับแถวหน้าบางครั้งมันพลอยจะทำให้คนดูมีทิฐิได้ ยิ่งในลักษณะของหนังที่มันต้องโชว์ความสามารถในการเขียนบทและการกำกับเล่าเรื่องขนาดนี้ และหนังก็ไม่ได้ไปถึงในจุดที่จะต้องสรรเสริญในความเป็นหนังจิตวิทยาที่มีการเล่าเรื่องซับซ้อนมีพล็อตเรื่องราวที่แปลกใหม่หรือคาดเดาไม่ได้อย่างนั้น ที่สำคัญคือมันเป็นหนังพล็อตที่มีอยู่ดาษดื่นให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ อย่างหนังที่คนทำที่คลั่งไคล้หนังสืบสวนสอบสวนหรือหนังเชิงจิตวิทยามักจะเริ่มทำกันจากเรื่องราวประมาณนี้ จึงค่อนข้างแปลกใจกับแต้มจากนักวิจารณ์ที่ดูสูงกว่าหนังจำพวกเดียวกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ชอบหนังหรือหนังควรได้ความนิยมชมชอบน้อยกว่านี้นะแค่มันผิดจากที่คาดไว้
ขณะที่เขียนอยู่นี่ก็นึกถึง Prisoners (Denis Villeneuve / USA / 2013) ซึ่งก็เป็นหนังพล็อตอีหร็อบเดียวกันแต่แค่ใช้คนละเรื่องราวในการขับประเด็น ซึ่งเรื่องนั้นโยงเรื่องความเชื่อ ศาสนาเพื่อขับเน้นเรื่องมนุษยธรรม แถมยังสะดุดล้มเป็นแผลตรงเทิร์นนิ่งพอยท์คล้ายๆ กัน แต่การกำกับและโปรดักชั่นของ Prisoners มันโปรและใหญ่กว่ามากๆ (ไม่ได้มองที่ทุนนะ มองจากหนังที่เห็นบนจอ) แต่ในความไม่เยอะของ The Gift มันก็สามารถทำให้ทุกอย่างค่อนข้างลงตัวในประเด็นที่อยากจะเล่ากับเรื่องราวที่ขมวดจบได้พอดีจุดเช่นกัน เพียงแค่การเล่าช่วงเวลาชีวิตประจำวันของตัวละครหญิงที่ค่อยๆ สร้างความหวาดระแวงให้รู้สึกถึงการถูกคุกคามจนระทึกได้พอดีคำทำให้รู้สึกว่าพอดีอิ่มได้อยู่ และเรื่องราวของคนเลวเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัวตัวแล้วได้ดีมาตลอด ลอยนวลมาจนวันหนึ่งมันไม่ยอมรับและปรับปรุงตัวก็ต้องเจอกับการเอาคืนบ้าง ซึ่งหนังก็สามารถทิ้งคำตอบมนุษยธรรมในเชิงใจเขาใจเราให้ทิ่มแทงตัวละครได้สาหัสสากรรจ์ทีเดียว
*****สปอยล์***** ความเป็น Homosexual ของ Gordo ถูกเฉลยด้วย Execution หักมุมที่ตบหน้าตัวละครได้อย่างรุนแรง แต่เสียดายที่ความตั้งใจของคนทำมันไม่พุ่งทะยานออกมาทำงานกับคนดูได้หมดก๊อก มันยังค้างคาอยู่เพราะส่วนตัวเรายังไม่เชื่อคำบอกเล่าของพยานที่ Robyn ไปสืบสอบถามมาอย่างเต็มร้อย การกระทำของ Gordo ที่แก้แค้นด้วยการวางยาข่มขืน Robyn ภรรยาของคู่อริแบบวิสัยชายแท้มันก็ไม่ได้บ่งบอกว่าการกระทำนั้นเขากำลังยืนยันกับ Simon ให้เจ็บแสบยิ่งกว่าว่าเขาไม่ใช่เกย์ เพราะ Gordo อาจจะเป็นเกย์จริงๆ แต่ก็ข่มขืนผู้หญิงเพราะเพียงเพื่อแก้แค้นก็เป็นได้เพราะลักษณะตัวละครที่ดูเป็นชายฉกรรจ์แต่หน่อมแน้มแปลกประหลาดไม่สู้คนมันก็ทำให้รู้สึกว่ามันเป็นเกย์อยู่เหมือนกันน่ะ เมื่อไม่ได้ยินการยืนยันจากปาก Gordo หรือ Simon แบบตรงๆ ไม่ตอแหลก็เลยไม่ปักใจเชื่อว่า Gordo เป็นหรือไม่เป็นเกย์ (ซึ่งมันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ Simon กับ Gordo บาดหมางกันเพราะ Simon กลั่นแกล้งประกาศว่า Gordo เป็นเกย์จนถูกล้อเลียนและถูกทารุณกรรมจนกลายเป็นปมที่นำมาสู่ความเคียดแค้น) ทำให้จุดเฉลยที่ค่อนข้างมั่นใจว่าคนทำตั้งใจจะบอกว่า Gordo ไม่ใช่เกย์ด้วยการเอาคืนที่โคตรเจ็บแสบนั้นมันไม่พุ่งทะยานเพราะความสองแง่สองง่ามอย่างที่บอก
แถมคนร้ายที่คิดว่าคนดูไม่น้อยพยายามเอาใจช่วยอย่าง Gordo กลับแก้แค้นด้วยการใช้คนบริสุทธิ์อย่าง Robyn เมียของศัตรูที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลยเป็นตัวรองรับบาปกรรม ซึ่งสำหรับคนดูที่ปรับตัวกับความดีความงามของการเป็นคนดีไปสู่คนเลวร้ายไม่ได้ก็อาจจะผิดหวังไม่ปลื้มใจกับบทสรุปของตัวละครได้ง่ายๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลบทหนังก็ได้สร้างความไม่น่าไว้เนื้อเชื่อใจให้ตัวละครของ Gordo สามารถพลิกแพลงไปมาได้อย่างรอบคอบมีมิติมาตั้งแต่ต้น จนสุดท้ายก็สร้างความกระอักกระอ่วนใจได้อย่างท่วมท้น กระทั่งออกมาจากโรงได้เป็นอาทิตย์แล้วก็ยังไม่วายนึกถึงเคสของ Gordo Weirdo