The Hummingbird Project – โปรเจกต์สายรวย

The Hummingbird Project – โปรเจกต์สายรวย
— 7.8/10 —
หนังเฉือนคมที่เต็มไปด้วยบทสนทนาอันชาญฉลาด
อาจไม่ได้สนุกแบบหนังทั่วไป แต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของมัน

The Hummingbird Project เป็นหนังที่มีกลุ่มคนหนึ่งต้องการวางสายเคเบิ้ลเป็นเส้นตรงเพื่อที่จะชนะในการเทรดหุ้นด้วยความเร็วกว่า เพื่อที่จะได้คำนวนการซื้อขายทั้งหมด และตัวเองก็จะรวย! มันอาจฟังดูซับซ้อน เข้าใจยาก แต่แท้จริงแล้วคุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในด้านหุ้นเลยก็สามารถเข้าใจมันได้อย่างง่ายๆ ผิวมันอาจดูล้ำ แต่แก่นของมันก็คือหนังชิงดีชิงเด่น หักเหลี่ยม เอาชนะกันดีๆ นี่แหละ

ครั้งแรกที่ได้ดูตัวอย่างทำให้เรานึกถึงหนังเรื่อง The Social Network ทันที จากทั้งวิธีการนำเสนอ หรือการเล่าก็ตาม แต่พอได้ดูจริงๆ แล้ว มันยังสู้ The Social Network ไม่ได้สักเท่าไหร่ เรื่องนั้นค่อนข้างสนุกและเพลิดเพลินกว่ากันเยอะเลย ด้วยภาพลักษณ์ของนักแสดงนำอย่าง Jesse Eisenberg ที่ในเรื่องนี้เขาพูดรัวเป็นปืนกลมาใส่ ก็ทำให้สลัดภาพ Mark Zuckerberg ไม่ออกจริงๆ และเหมือนนั่นก็กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเวลาเขาแสดงหนังในเรื่องไหนๆ ไปแล้ว และแน่นอนว่าในเรื่องนี้เขาไม่ทำให้ผิดหวัง กับบท Vincent Zaleski ที่เน้นพูดไม่ต่างจาก Mark และ Jesse ถ่ายทอดบทสนทนานี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ ตามมาด้วย Alexander Skarsgård ในบท Anton Zaleski ที่เล่นซีนอารมณ์และแสดงออกเป็นโปรแกรมเมอร์เนิร์ดได้อย่างน่าปรบมือ บทรั่วๆ ฮาก็ฮามาก รวมไปถึง Salma Hayek ในบทเจ้าแม่ Eva Torres ที่เธอปรากฏตัวทุกครั้งทีไรมันทั้งดูน่าเกรงขาม และเซ็กซี่ไปพร้อมๆ กัน

หนังดำเนินเรื่องแบบมีจุดมุ่งหมายชัดเจน อาจจะไม่ถูกใจคอหนัง Blockbuster สักเท่าไหร่ เพราะนอกจากบทสนทนามันจะเยอะแล้ว หลายๆ ฉากน่าเบื่อ เอื่อยๆ ถึงแม้อาจไม่ได้มีฉากลุ้นตื่นเต้นให้เราหัวใจเต้นตุ๊บๆ แต่มันสนุกและตื่นเต้นด้วยบทสนทนามากกว่า ทำให้น่าติดตามว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เหมือนเป้าหมายหลักของตัวละคร ที่เขาพร้อมจะไปที่ปลายอุโมงค์ ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม หนังทำให้เรารู้สึกเช่นเดียวกันกับตัวละครนำนั้นเลย นี่แหละจุดสนุกของหนังเรื่องนี้

ด้วยความที่มันเป็นหนัง Detail ที่ใส่ข้อมูล+บทสนทนามาเยอะมาก เพราะฉะนั้นคุณต้องใช้สมาธิและจดจ่อกับบทพูดเหล่านั้นอยู่พอสมควร เพราะแต่ละประโยคที่พ่นออกมาจากปากล้วนส่งผลต่อหนังไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่งแน่นอน เรียกได้ว่าไม่ได้พูดออกมาลอยๆ เลอะเทอะอย่างแน่นอน 

หนังมีการถ่ายทำที่ยอดเยี่ยมมาก คุม Mood และ Tone ของหนังได้โคตรดี ทั้งจังหวะการตัดต่อ การเล่าเรื่อง หรือมุมกล้อง ก็ตาม ทั้งหมดมันถูกร้อยเรียงมาได้อย่างสวยงาม 

สรุปแล้ว The Hummimgbird Project อาจไม่ใช่หนังที่เหมาะกับทุกคน แต่ถ้าใครชอบหนังแนวนี้ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน