Uncharted
เป็นที่คอหนังจะล่วงรู้กันว่า การที่จะหยิบเอาวิดีโอเกมดังๆ สักเรื่องมาสร้างเป็นหนังขึ้นจอใหญ่ต้องใช้พลังศรัทธาและไอเดียที่เจ๋งมาๆ ในการเซอร์วิสทั้งแฟนหนังและแฟนเกม ทำให้ที่ผ่านมามีตัวอย่างให้เห็นเกี่ยวกับ ‘อาถรรพ์หนังจากวิดีโอเกม’ มาหลายเรื่อง และล่าสุดก็ถึงคิว “Uncharted” (ผจญภัยล่าขุมทรัพย์สุดขอบโลก) ที่กลายเป็นความท้าทายอีกครั้งของ โซนี่ พิคเจอร์ส ที่หยิบเอาเกมที่มีแฟนๆ ชื่นชอบอันดับต้นๆ เมื่อทศวรรษก่อน มาสร้างเป็นหนัง แล้วผลลัพธ์ก็คือ…
Uncharted ผจญภัยล่าขุมทรัพย์สุดขอบโลก เป็นเรื่องราวที่แทบจะถอดออกมาจากวิดีโอเกม นาธาน เดรก โจรหนุ่มสุดฉลาดและมีไหวพริบ ได้ถูกเลือก โดยนักล่าขุมทรัพย์รุ่นเก๋า ซัลลี่ เพื่อหาขุมทรัพย์ทองของนักเดินเรือนามว่ามาเจลลัน โคตรมหาสมบัติ 500 ปีที่ไม่มีใครเคยเจอ จุดเริ่มต้นของการ โจรกรรมง่ายๆ กลายเป็นการแข่งขันสุดมันส์ข้ามทวีป
และเพื่อให้ถึงจุดหมายก่อนที่ มอนคาด้า ผู้ที่คิดว่าตัวเองคือผู้สืบทอดและเป็นเจ้าของที่แท้จริงของมหาสมบัติจะได้ไปครอบครอง การผจญภัยสุดมันส์ของ เนท และ ซัลลี่ ที่ต้องแก้ปมปริศนา เพื่อที่พวกเขาจะได้ พบกับขุมสมบัติมูลค่า 5 พันล้านเหรียญ และไม่แน่ว่าการผจญภัยคร้ังนี้นั้นอาจจะทำให้เนทได้พบกับพี่ชายที่หายสาบสูญไปหลายปีก็เป็นไปได้
“รูเบ็น แฟลชเชอร์” (จากหนัง Zombieland ทั้ง 2 ภาค) มารับหน้าที่เป็นผู้กำกับให้กับหนังเรื่องนี้ เราถือว่าเขาน่าจะค่อนข้างให้ความเคารพกับต้นฉบับของวิด๊โอเกมอยู่มาก จึงพยายามเอาใจคอเกมในตรงนี้อยู่ไม่น้อย แต่กระนั้นผลลัพธ์ที่ออกมาก็กลายเป็นหนังที่มีพล็อตและการเล่าเรื่องที่เชยสะบัด แทบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ใดๆ ออกมาให้รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจสักเท่าไหร่ มันเป็นเพียงหนังแอคชั่นผจญภัยสูตรสำเร็จ ที่ผู้ชมเคยดูกันมาก่อนหน้านี้ 10-15 ปีที่แล้ว
เท่าที่ทราบในเบื้องต้นก็ได้ยินมาว่า Uncharted ได้แรงบันดาลมาจากส่วนจากหนังชุด National Treasure หนังแนวๆ เดียวกันของวอลต์ ดิสนีย์ ที่ นิโคลัจ เคส เคยแสดงนำเอาไว้ แต่ไม่คาดคิดว่าจะออกมาในรูปแบบที่เกือบจะเหมือนกันเป๊ะเช่นนี้ ปริศนาในการล่าขุมทรัพย์ต่างๆ ที่หนังใส่เข้ามาค่อนข้างแห้งเหือดและจืดชืดไปสักหน่อย เบาะแสที่ค่อยๆ เผยออกมาก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกว้าวอะไรเท่าไหร่ด้วย
การเล่าเรื่องของหนังก็ถือว่าเป็นไปตามเส้นพื้นฐานของสูตรสำเร็จหนังบู๊ผจญภัย เป็นการใส่ไอเดียของหนังแนวนี้เก่าๆ เข้าไปคลุกเคล้าผสมกัน แน่นอนว่าตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงก็คงจะสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมได้ดี กับการผจญภัยและไขปริศนาต่างๆ แต่ไม่สามารถซื้อความเร้าใจใดๆ ของผู้ชมได้เลย โดยเฉพาะบทหนังที่ค่อนข้างอ่อนมากๆ แต่ตัวละครที่นำเสนอมาก็ตีโจทย์ออกมาได้ยังไม่ดีพอ
แต่ก็ถือว่าหนังได้ส่วนประกอบทางการแสดงของ “ทอม ฮอลแลนด์” กับ “มาร์ก วาห์ลเบิร์ก” มาช่วยพยุงเอาไว้เป็นแน่แท้ เพราะพวกเขาสามารถมอบสิ่งที่ผู้ชมอยากเห็นและอยากจะสัมผัสได้จากหนังเรื่องนี้ ความเป็นมืออาชีพของทั้งคู่ต้องช่วยประคับประคองหนังทั้งเรื่องเอาไว้ แม้ว่าจะค่อนข้างทุลักทุเลไม่เบา และก็ไม่ใช่ผลงานที่ดีอะไรของพวกเขาทั้งคู่เลย
ดังนั้นแล้ว Uncharted ก็คงจะเป็นแค่เพียงหนังแอคชั่นผจญภัยที่มาพร้อมกับสูตรสำเร็จเดิมๆ วนลูปอยู่ในพื้นที่เซฟโซนแห่งความจำเจ และก็ทำให้หนังต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมของอาถรรพ์หนังจากวิดีโอเกมไปอีกเรื่อง เพราะหนังยังไม่สามารถสร้างโจทย์ที่แปลกใหม่ให้ได้อย่างเพียงพอ ก็ให้ความรู้สึกแค่มานั่งดูซีนจากวิดีโอเกมที่กลายเป็นฉบับคนแสดงจริงแทนเท่านั้น น้ำหนักของเส้นเรื่องแทบจะเบาโหวงอย่างน่าเสียดาย
ใครที่ไปดู Uncharted มาแล้ว ก็จะเห็นว่าหนังได้มีการปูทางเผื่อเอาไว้เพื่อสร้างภาคต่อ แม้ว่าจะยังอยากให้โอกาสหนังเรื่องนี้ไปต่อกับแก้ตัวกับภาคต่อไป แต่ดูเหมือนว่าผลลัพธ์โดยรวมของหนังภาคแรกที่แทบไม่มีอะไรน่าจดจำ เพราะหลายๆ ซีนก็แทบจะโผล่ออกมาจากในคลิปทีเซอร์ตัวอย่างหนังหมดแล้ว สุดท้ายก็กลายเป็นหนังแอคชั่นจากวิดีโอเกมที่ไร้ความน่าจดจำใดๆ ไปอย่างน่าผิดหวังไปสักหน่อย
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Uncharted ผจญภัยล่าขุมทรัพย์สุดขอบโลก
- ประเภท: แอคชั่น / ผจญภัย
- ผู้กำกับ:
- นำแสดงโดย: ทอม ฮอลแลนด์, มาร๋ก วาห์ลเบิร์ก
- ความยาว: 116 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 16 กุมภาพันธ์ 2022 (ในโรงภาพยนตร์)
Movie.TrueID METRIC: Uncharted ผจญภัยล่าขุมทรัพย์สุดขอบโลก
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5/10)
————————————-