Vanguard ว่าด้วยเรื่องราวของหน่วยรักษาความปลอดภัยที่พร้อมทุ่มเทเพื่อปกป้องผู้ว่าจ้างครับ ซึ่งในเรื่องนี้พวกเขาต้องพิทักษ์นักธุรกิจคนหนึ่ง (Jackson Lou) กับลูกสาวของเขา (Ruohan Xu) ซึ่งงานนี้ก็ไม่ง่ายครับ เพราะคนที่หมายหัวพวกเขาคือผู้ก่อการร้ายระดับสูงที่มีพร้อมทั้งอาวุธและกำลังคน ภารกิจหนนี้ของหน่วยแวนการ์ดจึงต้องเสี่ยงตายมากขึ้นกว่าเดิม
พูดแบบไม่อ้อมค้อม ผมทำใจกับหนังระยะหลังๆ ของเฮียเฉินหลงแล้วครับ คือจะไปคาดหวังให้เฮียเขาไต่ตึกท้านรกแบบสมัยก่อนคงจะไม่ไหว อายุเฮียเขาก็เยอะแล้วน่ะนะครับ ดังนั้นการดูหนังเรื่องนี้ก็ออกแนวเหมือนแวะไปเจอคนคุ้นเคยเสียมากกว่า แวะไปให้กำลังใจเฮียเขาน่ะครับ ว่างั้นเถอะ
เรื่องนี้เฮียเฉินบทไม่มากครับ เขาเป็นหัวหน้าหน่วยแวนการ์ด ก็จะเป็นคนบัญชาการเป็นหลัก มีลงสนามบู๊บ้างประปราย แต่คนบู๊ส่วนใหญ่จะเป็นนักแสดงรุ่นใหม่เสียมากกว่า
ถ้าถามว่าบู๊มันส์ไหม ก็ตอบได้ว่ากลางๆ ครับ ไม่ได้มันส์อะไรมาก จริงๆ ตอนต้นที่ 2 หนุ่มจากหน่วยแวนการ์ดออกลุยนั้นผมว่าเข้าท่านะ บู๊ออกหมัดซัดนัวได้มันส์ไม่เลว แต่พอผ่านช่วงที่ว่าไปแล้วการบู๊หลังจากนั้นจะออกมาสาดกระสุนหรือใช้อุปกรณ์เสียมากกว่าครับ
ดังนั้นใครหวังบู๊ออกหมัดมันส์ๆ แบบหนังเฮียเฉินสมัยก่อนก็คงต้องเผื่อใจไว้ครับ เพราะหนังจะหนักไปทางบู๊ยิงกันเสียมาก หรือไม่ก็บู๊แบบไล่ล่าอะไรประมาณนั้น – จริงๆ ผมว่าถ้าหนังพยายามไปในทางบู๊แบบออกหมัดโชว์สตันท์แบบหนังเฮียเฉิน มันอาจจะดูโอเคกว่าที่เป็นก็ได้
หนังกำกับโดย Stanley Tong ที่เคยกำกับเฮียเฉินมาแล้วใน วิ่งสู้ฟัด 3 และ 4 แล้วก็ Kung Fu Yoga ซึ่งถ้าให้ว่าตรงๆ แล้ว ผมว่า Kung Fu Yoga ที่ว่าไม่ค่อยมีอะไรแล้ว ยังถือว่าสนุกกว่าเรื่องนี้น่ะครับ อย่างน้อยฉากบู๊ก็ยังเพลินกว่า แล้วยังมีมุกตลกแทรกอยู่เรื่อยๆ ยังถือว่าโอเคกว่า ในขณะที่เรื่องนี้เฮียเฉินออกแนวบทสมทบน่ะครับ และถ้าถอดเฮียเฉินออกจากสมการ หนังก็จะกลายเป็นหนังบู๊สาดกระสุนทั่วๆ ไปที่ไม่มีอะไรเด่นนัก
แม้หนังจะพยายามสอดแทรกปมเกี่ยวกับตัวละครลงไป แต่ผลที่ได้ก็ถือว่ากลางๆ เท่านั้นครับ ไม่ได้ทำให้เราถึงขั้นอินแต่อย่างใด หรือถ้าจะบอกว่าประเด็นดราม่าหนังดันไปไม่ถึงก็อาจจะได้เหมือนกัน
แต่ดาราทุกคนก็ถือว่าทุ่มเทล่ะครับ แสดงกันได้ดีพอสมควร แต่เนื่องจากนี่เป็นหนังแอ็กชันน่ะครับ ถ้าความมันส์ไม่มากกราฟก็จะไม่พุ่ง ซึ่งสำหรับเรื่องนี้แล้ว กราฟตอนต้นๆ เหมือนจะพุ่งนะ แต่หนังดันเลือกที่จะไปในทิศทางบู๊แบบใช้อุปกรณ์มากกว่าจะบู๊แบบโชว์สตันท์ ความน่าสนใจเลยลดลงไป
และสิ่งหนึ่งที่แอบขัดใจก็คือคาแรคเตอร์ของเฮียเฉินน่ะครับ คือในเรื่องนี้เฮียเฉินก็ยังคงเป็นเฮียเฉิน เป็นหัวหน้าที่ดี รักลูกน้อง ใส่ใจและห่วงใย ซึ่งนี่เป็นคาแรคเตอร์ประจำของเฮียเขาอยู่แล้ว แต่ประเด็นคือคาแรคเตอร์แบบนี้มันดูไม่เหมาะจะมาเป็นหัวหน้าองค์กรสักเท่าไร เพราะลองว่าองค์กรมาไกลได้ขนาดนี้หัวหน้าต้องเก่ง ต้องเก๋า ต้องฉลาดหัวไว เป็นนักแก้ปัญหา และต้องเจอกับภัยมาสารพัดรูปแบบ ว่าง่ายๆ คือองค์กรแบบนี้น่าจะมีหัวหน้าที่ดูแข็งแกร่งและเด็ดขาดกว่านี้ – จริงๆ ถ้าหนังให้เฮียเฉินเป็นลูกพี่ใหญ่ภาคสนาม แล้วกำหนดให้มีหัวหน้าองค์กรอีกคนที่เข้มกว่านี้หน่อยมาคอยออกคำสั่ง มันอาจจะโอเคกว่านี้ก็ได้น่ะครับ
ก็ตามนั้นครับ ดูแล้วไม่ผิดหวังเพราะกะแล้วว่าคงประมาณนี้แหละ เฮียเฉินบู๊ไม่เยอะหรอก และฉากบู๊ก็คงไม่ค่อยโชว์สตันท์หรอก คงยิงกันเป็นหลักน่ะแหละ… ก็ตรงตามหวังทุกประการ
ไม่ถึงสองดาวครับ
(5/10)
