เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังของ ลิเวอร์พูล คิดว่าตัวเขายังยกระดับการเล่นให้ดียิ่งขึ้นได้อีก หลังผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากเจ็บจนพักยาว 10 เดือนในฤดูกาลที่แล้ว
กองหลังชาวดัตช์ถูกยกย่องเป็นหนึ่งในเซ็นเตอร์แบ็คที่ดีที่สุดของโลกในช่วงหลายฤดูกาลหลัง แต่ก็เจอกับอาการเจ็บที่เอ็นไขว้หน้าข้อเข่าในเดือนตุลาคม 2020
ฟาน ไดจ์ค ใช้เวลาพักรักษาตัวนานถึง 10 เดือนแต่ก็กลับมาด้วยฟอร์มที่ดีพาทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ คว้าแชมป์เอฟเอ คัพกับลีก คัพไปแล้ว อีกทั้งยังเหลือแชมเปี้ยนส์ลีกให้ลุ้นอีกรายการในวันเสาร์นี้
“ตอนนี้ผมรู้สึกดีมากๆนะ ผมต้องใช้เวลาพักนึงเพื่อคืนสู่สภาพเดิม, ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก ทุกวันนี้มันไม่ถูกมองว่าเป็นเรื่องปกตินักแต่จริงๆแล้วมันปกติมาก” ฟาน ไดจ์ค บอกกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ในรายของ บีที สปอร์ต
“ต้องบอกว่าช่วง 3, 4, 5 เดือนแรกเป็นเรื่องของการคืนสภาพเดิมและกลับมารู้สึกมั่นใจเต็มเปี่ยมอีกครั้ง และรู้สึกในบางครั้งว่าไม่มีใครเอาชนะคุณได้”
เมื่อถูกถามว่าตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นหรือยัง, ฟาน ไดจ์ค ตอบว่า “อาจจะนะ, ผมรู้สึกเยี่ยม”
“เรื่องตลกคือผมยังดีกว่านี้ได้นะ, ดีกว่าที่ผมเป็นอยู่ในตอนนี้ วันก่อนผมคุยกับศัลยแพทย์และเขาบอกว่าปกติแล้วอาการเจ็บแบบนี้ต้องใช้เวลา 2 ปีถึงเริ่มรู้สึกปกติอีกครั้ง”
“นั่นก็จะเป็นช่วงฟุตบอลโลกพอดี ดังนั้นหวังว่าเราสร้างบางสิ่งที่พิเศษได้นะ”
ฟาน ไดจ์ค ยังกล่าวชม เฟอร์ดินานด์ กลับไปว่าอดีตกองหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือเซ็นเตอร์แบ็คดีสุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีกในสายตาเขา
“คุณ (เฟอร์ดินานด์) ก็เล่นในฟุตบอลยุคนี้ได้นะ เมื่อก่อนคุณก็เป็นคนสำคัญต่อ ยูไนเต็ด อย่างมาก เซ็นเตอร์แบ็คอังกฤษแทบทุกคนดูคุณเป็นตัวอย่าง”
“ผมคิดว่าคุณคือต้นแบบสำหรับกองหลัง แนวทาง, ตัวตนของคุณในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คน่ะสำคัญมาก, เก่งทั้งเวลาที่ได้ครองบอลและไม่ครองบอล คุณเข้าปะทะมากกว่าที่ผมปะทะอยู่เล็กน้อย”
ฟาน ไดจ์ค เลือกให้ แวนซองต์ กอมปานี อดีตกองหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นอันดับสองโดยกล่าวชื่นชมเขาว่าเป็นกัปตันทีมที่วิเศษและยิงประตูสำคัญให้ต้นสังกัด
เขายังเลือก ยาป สตัม อดีตกองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด และรุ่นพี่ทีมชาติเนเธอร์แลนด์เป็นเซ็นเตอร์แบ็คยอดเยี่ยมสุดอันดับ 3 ในพรีเมียร์ลีก ก่อนจะยกให้ จอห์น เทอร์รี่ อดีตกองหลัง เชลซี เป็นอันดับ 4
ฟาน ไดจ์ค ปิดท้ายด้วยการเลือก ซามี่ ฮูเปีย เป็นอันดับ 5 เพราะตำนานของเขาภายในรั้ว แอนฟิลด์ และมองว่าหลายคนประเมิน ฮูเปีย ต่ำเกินไปในช่วงสำคัญของประวัติศาสตร์สโมสร