Wednesday Season 1 (2022)

Untitled08747

ผมมีคำถามในใจมาพักหนึ่งแล้วครับ ว่าถ้า Stranger Things จบในปีที่ 5 แล้วเนี่ย จะมีซีรี่ส์ไหนให้เราตามติดอีกไหมเนี่ย? แล้วบัดนี้คำตอบก็มาครับ มันคงจะเป็นเรื่อง Wednesday นี่แหละ

สนุกมากครับ คือมันอาจไม่ถึงขั้นเป็นซีรี่ส์ที่ดีที่สุดนะ แต่มันสนุกจริงๆ แล้วที่สำคัญคือมาครบรสเกินคาด คือตอนรกผมก็ยังมีภาพจำจากหนัง The Addams Family น่ะนะครับว่าโทนมันคงจะออกมาแบบตลกร้ายขำๆ หลุดโลกเหนือจริง และไม่เน้นด้านอารมณ์สักเท่าไร แต่กลายเป็นว่าฉบับซีรี่ส์นี่สามารถผสานความเพี้ยนกรึ่มๆ มาเจอกับแนว Coming of age วัยรุ่นได้อย่างพอเหมาะมากๆ

คนแรกที่ชนะใจผมไปเลยต้องยกให้ Jenna Ortega เธอคือเวนส์เดย์ แอดดัมส์อย่างแน่นอนครับ คือท่าทางใช่ แววตาใช่ การแสดงออกทางอารมณ์ (แบบปราศจากอารมณ์) ก็ใช่ เวลาสนทนาแต่ละทีก็แหวกโลกแหวกใจชาวบ้าน บางทีไม่ใช่แค่ขวานผ่าซาก แต่เอากิโยตินมาตัดคออีกฝ่ายหนึ่งเลย อันนี้ก็ใช่ ไหนจะท่าเต้นอีก (ซึ่ง Ortega ออกแบบท่าเต้นเองด้วยครับ) คือองค์เวนส์เดย์ลงประทับเธอชัดๆ น่ะครับ

ในขณะที่โครงเรื่อง ว่าตามจริงไม่ได้แปลกใหม่ มันคือสูตรเด็กใหม่เข้าไปใช้ชีวิตในสถาบันแฟนตาซีแบบเดียวกับ Harry Potter หรือ Percy Jackson แต่ก็ต้องยอมรับครับว่าสูตรนี้ถ้าคนทำมือดีปรุงเก่งล่ะก็ ยังไงก็สนุก แล้วผลที่ออกมาก็สนุกจริงๆ ครับ เพราะที่เนเวอร์มอร์นี่ก็มีความลับซ่อนอยู่มากมาย ไหนจะนักเรียนหลากสายพันธุ์ หลายคาแรคเตอร์อีก ทั้งหมดนี้รวมพลังกันสร้างรสชาติให้กับซีรี่ส์ได้อย่างดี

อันนี้ก็ต้องขอชมคู่หูมือสร้างสรรค์อย่าง Alfred Gough และ Miles Millar ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Smallville ซึ่งจริงๆ งานอื่นๆ ของพวกพี่เขาที่แป้กมันก็มีครับ (เช่นซีรี่ส์ Charlie’s Angels ปี 2011) แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ ผลลัพธ์ถือว่าเวิร์กและกลมกล่อมอย่างยิ่ง โลกของ Wednesday ถูกถักทอขึ้นอย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเรื่องตัวละคร – ปมของแต่ละคน – ความลับในอดีต – ปมปริศนาที่ซ่อนอยู่ – เนื้อเรื่องสืบสวนสไตล์ Whodunit – ความพลิกผันตื่นเต้นเร้าใจชวนติดตาม และที่ถือเป็นไฮไลท์คือเหล่าตัวละครมาพร้อมมิติความลึก ไม่ใช่แค่คนวิ่งไปวิ่งมาตามบทครับ ทุกคนทำให้เราเชื่อว่าพวกเขามีเลือดมีเนื้อและมีแรงขับภายในอันส่งผลต่อการกระทำ-ไม่กระทำ

ยอมรับว่าดูแล้วติดครับ แต่ก็กลายเป็นว่าผมต้องดูแบบวันละ 2 ตอน ไม่สามารถดูต่อกันยาวๆ แบบ Stranger Things ได้ นั่นก็เพราะปรากฏว่าดูแล้วติดกันทั้งบ้านครับ ภรรยาก็ชอบ ลูกสาวก็ชอบ เลยต้องมารอให้ทุกคนว่างแล้วมาดูพร้อมกัน ไม่เหมือน Strangers Things ที่ผมดูคนเดียวเป็นหลัก (เนื่องด้วยเนื้อหาค่อนข้างน่ากลัว) – ณ นาทีนั้น (ที่รู้ว่าติดกันทั้งบ้าน) ก็รู้เลยครับว่าซีรี่ส์นี้ฮิตและไปได้ไกลแน่นอน เพราะกลุ่มผู้ชมถือว่ากว้างอยู่

Untitled08748

งานสร้างฉากโปรดักชั่นต่างๆ ก็ออกมาน่าจดจำครับ โดยซีรี่ส์ได้ป๋า Tim Burton มาร่วมอำนวยการสร้างและกำกับ 4 ตอนแรก ซึ่งสำหรับผมนี่ถือว่าฝันเป็นจริงครับ เพราะอยากให้ป๋า Tim กำกับ The Addams Family มานานแล้ว เพราะมันเป็นทางของแกชัดๆ แล้วในที่สุดป๋าเขาก็มาร่วมทำ ผลลัพธ์ที่ได้ก็นับว่าสมการรอคอยครับ โลกของ Wednesday นี่ครบทั้งความงาม ความเพี้ยน และความกึ๋ยส์

ทีมงานเก่าๆ ที่ป๋า Tim นำพามาก็มี Danny Elfman คอมโพเซอร์คู่บุญของป๋า แล้วก็ Colleen Atwood คอสตูมดีไซเนอร์เจ้าของ 4 รางวัลออสการ์ที่ร่วมงานกับป๋ามาตั้งแต่ Edward Scissorhands มาเรื่องนี้ก็เนรมิตชุดให้กับทุกตัวละครได้อย่างพอเหมาะ มันใช่และเข้ากับตัวตนของคนๆ นั้นอย่างยิ่ง

ส่วนตัวละครอย่าง โกเมซ (Luis Guzmán) และมอร์ติเชีย (Catherine Zeta-Jones) ก็ถือว่ามาสมทบครับ รายแรกถือว่าเรื่อยๆ ส่วนรายหลังถือว่าวางตัวได้เหมาะสำหรับความเป็นเวอร์ชั่นนี้ ในแง่ความเด่นอาจยังไม่เยอะ (แต่ปีต่อๆ ไปก็ไม่แน่ครับ) แต่รายที่ผมชอบสุดยกให้ลุงเฟสเตอร์ที่ Fred Armisen สวมวิญญาณได้บ้าบอกำลังดี

อืมม์… ถึงจุดนี้มันมีอะไรอยากเขียนถึงสักหน่อย เพราะเป็นจุดที่ชอบมากๆ แต่ก็อาจจะถือว่าสปอยล์ดังนั้นใครไม่อยากทราบไม่ต้องอ่านต่อแล้วนะครับ เอาเป็นว่าใครยังไม่ได้ดูแล้วรู้ตัวว่าชอบแนวทางนี้ขอให้อย่าพลาดครับ

===== สปอยล์ ======

สิ่งหนึ่งที่จริงๆ ผมอยากให้มี แต่ไม่แน่ใจว่าซีรี่ส์นี้จะตอบโจทย์ให้ผมได้ไหมคือ ผมอยากเห็นมุมน่ารัก มุม “มนุษย์ผู้มีจิตใจ” ของเวนส์เดย์ครับ อันนี้คิดมาตลอดว่าถ้าใครสามารถเรียกเอาความปเนมนุษย์ของเวนส์เดย์ออกมาได้เนี่ยจะเจ๋งมาก แต่ขณะเดียวกันคนทำก็ต้องรู้จักหนักเบา เพราะถ้าปล่อยให้เวนส์เดย์อ่อนโยนเกินไป มันก็จะไม่ใช่เวนส์เดย์

แล้วซีรี่ส์นี้ก็ทำสำเร็จครับ เวนส์เดย์ แอดดัมส์ มีหัวใจ!

แต่ละตอนซีรี่ส์จะค่อยๆ หยอดความน่ารักแบบกึ๋ยส์ๆ ของเวนส์เดย์ผ่านการกระทำต่างๆ ไม่ว่าจะคำพูด การชายตา หรือท่าทาง เหมือนกำแพงน้ำแข็งของเธอเริ่มละลายเมื่อมีคนมาทำดีด้วย ผมชอบสายใยระหว่างเธอกับอีนิด (Emma Myers) มากๆ คือตัวละครนี้เป็นอะไรที่พอดีสุดๆ เธอเป็นคนลัลล้า เฮฮา โลกสวย แต่ขณะเดียวกันเธอก็ค่อยๆ ปรับตัวเข้าหาเวนส์เดย์ และอาจจะโดยไม่ตั้งใจ แต่เวนส์เดย์ก็ค่อยๆ คุ้นเคยกับอีนิดมากขึ้นๆ จนในที่สุดทั้งคู่ต่างเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันโดยไม่รู้ตัว

ฉากตอนท้ายที่อีนิดสวมกอดเวนส์เดย์ – น้ำตาไหลสิครับ – มันคือภาพที่ผมรอมานาน ว่าจะมีใครกอดเวนส์เดย์แบบนี้บ้างไหม และบัดนี้มีแล้วครับ

อันนั้นคือสิ่งที่คาดหวังแล้วก็สมหวัง แต่มันมีที่เกินคาดอยู่นั่นคือฉากที่เวนส์เดย์ใจหายเมื่อพบว่าธิงอาจตาย ฉากนี้อยากจะให้ออสการ์กับ Ortega ครับ เพราะอารมณ์มันใช่ เธอคือเวนส์เดย์ หน้าตาไม่แสดงอารมณ์ แต่แววตามันกลั้นไม่ไหว ท่าทางมันสุดจะควบคุม นี่แหละน้ำตาไหลพรากแบบเวนส์เดย์ แอดดัมส์ มันต้องแบบนี้!

ในขณะที่เรื่องของตัวร้ายนั้น สารภาพว่าเดาได้ตั้งแต่ต้นๆ ครับ คือคิดอยู่แล้วว่า Christina Ricci มาเล่นทั้งที่น่ะ ไม่ใช่ตัวประกอบอดทนหรอก มันต้องแบบนี้แหละ เช่นเดียวกับตัวตนที่แท้จริงของไฮด์ ก็เดาได้ตั้งแต่ฉากที่ตัวละครนั้นตะโกนตอนแช่น้ำในอ่างแล้ว – แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ เพราะความสนุกมันอยู่ที่ระหว่างทาง รู้ก่อนไม่ได้ทำให้สนุกน้อยลง แต่มันชี้ชวนให้เราสังเกตมากขึ้นมากกว่า – ก็สนุกยิ่งขึ้นไปอีกสิครับ

=====จบสปอยล์ครับ=====

หนังเจตนาทิ้งเชื้อไว้เต็มๆ ครับว่าปีหน้ามาแน่ แล้วก็น่าจะตามมาอีกหลายปีด้วย เพราะดูท่าว่าจะมีการวางเรื่องต่อเนื่องเอาไว้แล้ว ความลับยังมีอีกหลายอย่าง อีกทั้งเบื้องหลังของเรื่องต่างๆ อาจจะมีมากกว่านี้ ก็รอดูกันยาวๆ ครับ

สามดาวครึ่งสำหรับปีแรกครับ

Star32

(8.5/10)