พี่น้อง Nolan นี่ดูจะขยันทำหนังและซีรี่ส์แนวสำรวจจิตใจคนจริงๆ ครับ ไม่ว่าพล็อตมันจะเกี่ยวกับเรื่องอะไรก็เถอะ แต่จนแล้วจนรอดพวกพี่เขาก็จะสามารถหาเรื่อง หาแง่ หามุมมาสำรวจจิตใจคนจนได้
สำรวจจิตใจนี่ก็ไม่ใช่แค่ใจตัวละครในเรื่องเท่านั้น ถ้าดูดีๆ มันยังสามารถเอามาสำรวจจิตใจเราเอง เอามาตรวจสอบ “ชีวิต” “ความคิด” “ตัวตน” ของเราได้อีกต่างหาก… ลึกๆ ชักอยากรู้เหมือนกันนะว่าพวกเขาโตมาแบบไหน ถึงขยันช่างคิดได้ขนาดนี้
สำหรับ Westworld นี่ก็ดัดแปลงจากผลงานคลาสสิกของ Michael Crichton ซึ่งฉบับนั้นจะออกแนวตื่นเต้นระทึกขวัญ ว่าด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่ตกแต่งให้เป็นยุคสมัยต่างๆ ให้คนที่ไปเที่ยวได้พักผ่อนในบรรยากาศแปลกใหม่ ใช้ชีวิตแบบสนุกสนานเต็มที่
โดยสถานที่หลักในเรื่องคือแดนคาวบอยครับ พวกตัวเอกก็ไปเที่ยว โดยตัวละครในเมืองทั้งหมดก็จะเป็นหุ่นยนต์ แต่ทีนี้พอหุ่นเกิดความผิดพลาด พวกมันก็ฆ่าคน ทำให้ตัวเอกต้องหาทางหนีออกมาให้ได้
พอมาฉบับซีรี่ส์ ก็เป็นไปตามคาดครับ มันแอดวานซ์กว่านั้น มันไม่ได้นำเสนอแค่เรื่องการหนีตายของตัวเอกอีกต่อไป แต่มันคือการเล่าเรื่องของ “Westworld” แบบองค์รวม เล่าทั้งในและนอก Westworld ควบคู่กันไป
เหตุการณ์ใน Westworld ก็จะโฟกัสที่หุ่นในเมืองนั้นอย่าง โดโลเรส (Evan Rachel Wood) สาวบ้านไร่, เท็ดดี้ (James Marsden) คาวบอยหนุ่ม และ เมฟ (Thandie Newton) หญิงบริการในเมือง ซึ่งแต่ละคนก็จะมีปมให้เราเกิดคำถามน่ะครับ ประมาณว่าแม้พวกเขาเป็นหุ่น แต่เราก็จะได้สัมผัสถึงอะไรบางอย่างในตัวพวกเขา
อีกด้านก็คือเรื่องของเหล่าเจ้าหน้าที่ที่ดูเหมือนว่าจะมีเกมการเมืองและเกมธุรกิจต่อกัน ซึ่งตัวหลักๆ ก็คือ ดร.ฟอร์ด (Anthony Hopkins) ผู้ลุ่มลึก และเบอร์นาร์ด (Jeffrey Wright) ที่คอยสำรวจตรวจสอบและอัพเดตเหล่าหุ่นยนต์ในเมือง
ที่ผมเล่านี่แค่เกริ่นๆ เท่านั้นครับ ถ้าอยากรู้แบบเต็มไป แนะนำให้ไปสัมผัสใน Westworld ด้วยตนเองดีกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่ผมต้องบอกไว้ก่อนคือ มันเป็นซีรี่ส์ที่เดินเรื่องแบบช้าๆ กินบรรยากาศ กินรายละเอียด ไม่ได้มีฉากแอ็กชันมันส์ๆ ไม่ได้มีการวางปมหรือคลายปมแบบลุ้นๆ
ว่าง่ายๆ คือมันเข้มข้นในเชิงเนื้อหาครับ แต่มันไม่ได้สนุกเร้าใจแบบให้ความบันเทิง ซึ่งผมก็สารภาพนะว่าผมใช้เวลาในการดูนานเหมือนกัน คือไม่ได้ดูแล้วติดแบบหยุดไม่ได้น่ะครับ ดูตอนหนึ่งแล้วก็เว้นไปหลายอาทิตย์เลยกว่าจะดูต่อ
ดังนั้นถ้าจะให้สรุป ผมว่าหนังสนุกในแง่ของเนื้อเรื่องที่มีอะไรให้เราติดตาม ให้เราคิดตาม อีกทั้งพัฒนาการของตัวละครที่มันคือการสำรวจจิตใจของคน หรือกระทั่งพัฒนาการของหุ่นในเรื่อง ก็สะท้อนมาถึงมนุษย์อย่างเราๆ ได้เช่นกัน
จึงต้องบอกไว้ก่อนครับ ว่าใครหวังความมันส์เร้าใจแบบฉูดฉาด และเดินเรื่องไวให้ใจเต้นตูมตามล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องนี้ครับ แต่หากใครชอบซีรี่ส์เข้มๆ ซีรี่ส์ที่ต้องใช้สมาธิในการชมเพื่อเก็บรายละเอียดและทำความเข้าใจ ผมเชื่อว่า Westworld ตอบโจทย์ท่านแน่นอนครับ
แต่ในใจลึกๆ ก็คิดเหมือนกันน่ะนะครับ ว่าตอนกลางๆ มันค่อนข้างยืดอยู่ จนอยากให้หนังตัดทอนส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง แล้วคัดเฉพาะเนื้อๆ ไม่ต้อง 10 ตอนก็ได้ครับ ทำออกมา 5 ตอนก็น่าจะพอ แต่ถ้าดูจากตอนจบแล้ว เชื่อว่าปีแรกคงเป็นเหมือนปีเริ่มต้น “ก่อร่างสร้างโลก” น่ะครับ ปีต่อไปน่าจะจัดเต็มและเข้าเรื่องได้เข้มมากขึ้น
สามดาวครับ
(8/10)