WHISPER OF THE HEART – วันนั้น วันไหน หัวใจบรรเลง
— 5.6/10 —
จากอนิเมะมากเสน่ห์ของ Ghibli
สู่หนังขาดเสน่ห์อย่างน่าเสียดาย
Whisper of the Heart – วันนั้น วันไหน หัวใจบรรเลง เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากอนิเมะชื่อเดียวกันของ Ghibli (แต่ภาษาไทยคนละชื่อ โดยฉบับอนิเมะใช้ชื่อว่า วันนั้น…วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู) ซึ่งหนังเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ Remake ใหม่มาเป็นฉบับ Live-action มันยังเป็นทั้งภาคต่อที่จะได้เห็นเรื่องราวการเติบโตของตัวละครด้วย ในแบบฉบับของผู้สร้างเองด้วย
คำถามแรก คงมีคนสงสัยแน่ว่าถ้าไม่เคยดูฉบับอนิเมะมาจะดูรู้เรื่องมั้ย คำตอบคือ “ดูรู้เรื่อง” เพราะถึงแม้จะบอกไปว่ามันเป็นภาคต่อ แต่ตัวหนังก็มีเหตุการณ์ย้อนอดีตในช่วงวัยเด็กที่เป็นอนิเมะมาให้เราดูอยู่บ้าง แต่ถ้าหากจะให้แนะนำ “ถ้าตัดสินใจจะดูหนังเรื่องนี้แล้ว ไม่ว่าก่อนหรือหลังก็ต้องไปหาอนิเมะเรื่องนี้ดู” และเราดูหนังก่อนดูอนิเมะ เพราะมีอะไรหลายจุดที่มันไม่เหมือนกับในหนัง ทั้งรายละเอียดเล็กน้อย และรายละเอียดหลัก เช่น ความฝันของพระเอกเซอิจิที่เปลี่ยนจากช่างทำไวโอลินกลายเป็นนักดนตรีเชลโล่มืออาชีพ หรืออย่างงานเขียนแรกของนางเอกชิซึคุจากที่ให้ปู่ของเซอิจิอ่านก็กลายเป็นให้เซอิจิอ่านคนแรก อีกทั้งยังมีประเด็นหลายอย่างที่หนังก็ไม่ได้เล่าจากอนิเมะเช่นกัน แต่ในมุมมองของเราก็ผิดหวังในด้านความเป็นหนังหลังดูจบไปแล้วรอบนึง พอได้ดูอนิเมะก็ยิ่งผิดหวังกับหนังเข้าไปใหญ่ ขาดเสน่ห์แบบสุด ๆ
ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของ ชิซึคุกับเซอิจิที่ได้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ ทั้งสองได้คบกันเป็นแฟนแต่ก็ต้องแยกกันอยู่ เพราะเซอิจิไปตามความฝันการเป็นนักเชลโล่มืออาชีพที่อิตาลี ส่วนชิซึคุกำลังตามฝันการเป็นนักเขียนอยู่ที่ญี่ปุ่นแต่ก็ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ทำได้แค่ใกล้เคียงด้วยการทำงานในสำนักพิมพ์หนังสือเด็ก หลายครั้งที่ทั้งคู่ท้อถอยกับความฝันของตัวเอง แต่พอนึกถึงกันและกันก็จะมีกำลังใจฮึดสู้อยู่เสมอ แต่ทางด้านชิซึคุเริ่มลังเลว่าการตามฝันของเธอมาเป็น 10 ปี มันดีแล้วหรอ เธอต้องเลือกอะไรกันแน่ระหว่างความฝันหรือความจริง
ขอชื่นชมหนังเรื่องนี้สักหนึ่งย่อหน้าก่อน ชอบความที่หนังย้อนอดีตให้คนไม่เคยดูอนิเมะได้เข้าใจ และฉากย้อนอดีตต่าง ๆ ที่แฟน ๆ อนิเมะน่าจะชอบกัน เพราะหนังก็ได้รังสรรค์และสร้างมันขึ้นมาให้ได้ใกล้เคียงและคารวะฉากเด่นจากในอนิเมะมาให้ดีที่สุด และก็ทำได้ดีจริง ๆ ถึงแม้หนังจะไม่ได้ใช้เพลง Take Me Home, Country Roads ฉบับขับร้องญี่ปุ่นมาเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวแล้ว แต่ได้ใช้เพลงใหม่เข้ามาแทนที่ แน่นอนว่ามันแอบเสียดายและให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันไพเราะจริง ๆ โดยเฉพาะฉากที่พระ-นางได้มาเล่นและร้องด้วยกัน หรือฉากที่พระเอกนั่งเล่นเชลโล่ในที่สาธารณะช่วงท้ายเรื่องก็งดงาม
แต่…หลังดูจบต้องบอกตามตรงว่าหนังขาดเสน่ห์อะไรหลายอย่างมาก ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบกราฟในทุก ๆ ด้านมันนิ่งมาก ทั้งอารมณ์ ความรู้สึก คือมันไม่มีฉากไหนที่ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมกับมันได้เลย คือหนังพยายามแล้วนะ ด้วยการเล่าเรื่องในอดีตควบคู่ไปด้วย แต่มันน้อยไปจนไม่สามารถส่งผลทางด้านความรู้สึกต่อสองตัวละครเอกมาถึงคนดูได้เลย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหนังถึงเลือกตัดหลายอย่างให้มันกระชับ มันจึงกลายเป็นว่าหลาย ๆ อย่างในหนังมันดูไร้เสน่ห์มาก ๆ เลื่อนลอย จับต้องได้ยาก ไม่มีน้ำหนัก ในการตัดสินใจและการกระทำต่าง ๆ มันไม่ค่อยมีเหตุผลมารองรับการตัดสินใจเหล่านั้นเท่าไหร่ และที่สำคัญในฉบับหนังเราแทบจะไม่ได้เห็นสภาพบ้านเมืองที่ตัวพระนางอาศัยอยู่เลย ทั้ง ๆ ที่ในฉบับอนิเมะที่ว่าหลายฉากงดงามมากจนเราอยากเห็นมาในฉบับหนังเลย แต่หนังก็พยายามใช้ภาพโทนสีสวยสดชวนฝันมาให้สบายตาอยู่
ถึงแม้ประเด็นหลักของหนังยังคงเป็นเรื่องราว coming-of-age ความรัก ความฝัน เหมือนอย่างในอนิเมะ แต่หนังร้อยเรียงออกมาได้ไม่ได้ซึ้งกินใจ หรือน่าคล้อยตามไปมากกว่าฉบับอนิเมะเลยแม้แต่น้อย ฉบับอนิเมะแตะจุดนี้ได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ถึงแม้มันจะไม่ได้ซึ้งกินใจน้ำตาไหล แต่มันเข้าใจและสัมผัสได้ มันเลยกลายเป็นเหมือนว่าเรื่องราวที่กำลังบอกเล่าต่อไปมันดูย่ำอยู่กับที่เกินไป เพราะโดยส่วนตัวยังคิดว่าหนังเหมือนไม่รู้จะไปต่อเรื่องราวยังไง เหมือนเอาเรื่องราวจากในอนิเมะมาวนกับปัญหาเดิม ๆ เพียงแต่ให้ตัวละครโตขึ้นเท่านั้น ซึ่งเราก็มองว่าตัวอนิเมะมันจบปลายเปิดเอาไว้แบบนั้นดีแล้ว มันกลมกล่อม ลงตัวและสมบูรณ์มากพอแล้ว ส่วนตอนจบในฉบับหนังก็หาทางออกง่ายเสียเหลือเกิน ง่ายแบบโคตรไม่น่าให้อภัย มันโลกสวยเกินไป…
ทางด้านนักแสดงทั้งวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ ก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานที่คอยประคับประคองเรื่องราวไปตั้งแต่ต้นจนจบเท่านั้น
สรุปแล้ว Whisper of the Heart – วันนั้น วันไหน หัวใจบรรเลง เป็นหนังที่น่าผิดหวัง และขาดเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อ ทั้งในแง่เปรียบเทียบกับฉบับอนิเมะ หรือในแง่ความเป็นหนังเดี่ยว ๆ ก็ตาม มันไม่สามารถมีจุดไหนที่ทำให้เราอิน คล้อยตาม หรือมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครได้เลย