เกมการแข่งขัน ระหว่างเจ้าถิ่นทีมตราไก่ ทีมชาติ ฝรั่งเศส เปิดสนาม สต๊าด เด ฟรองซ์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ต้อนรับการมาเยือนของทีมชาติ บัลแกเรีย ในศึกฟุตบอลกระชับมิตรทีมชาติ
เกมนี้ เจ้าถิ่น ทีมชาติ ฝรั่งเศส ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ดิดิเยร์ เดสช็องป์ส มาเล่นในระบบ 4-1-2-1-2 นำทีมโดย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ตัวรับพลังไดนาโมจากเชลซี พอล ป็อกบา กองกลางห้องเครื่องจอมลีลาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ศูนย์หน้าตัวความหวังจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ทีมชาติ บัลแกเรีย ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ยาเซน เปตรอฟ มาเล่นในระบบ 4-4-2 นำทีมโดย อิวายโล่ โชเชฟ กองกลางห้องเครื่อง โดมินิค ยานคอฟ ปีกตัวจี๊ด และ อตานาส อิลิเยฟ หัวหอกตัวความหวังของทีม
นาที 2
เปิดเกมมาแปปเดียว เป็นเจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ที่ได้ทักทายก่อนเลย เป็นจังหวะ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ลากพาบอลจี้ขึ้นมาเองที่หน้าเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะสับขาหลอกแล้วกระชากหนีกองหลังทีมเยือน หลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายเต็มข้อในเขตโทษฝั่งซ้าย บอลพุ่งแรงแหวกผ่านมือ ดานีล นาอูมอฟ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ไปถากเสาไกลขวามือ ออกหลังไปแบบได้ลุ้น
นาที 10
เจ้าถิ่น ยังครองบอลบุกใส่ทีมเยือนอย่างหนักตั้งแต่ต้นเกม จังหวะนี้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ เลี้ยงจี้เข้าหาตัวประกบในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะไหลเข้ามาตรงกลางให้ คาริม เบนเซม่า ได้จับบอลด้วยขวาแล้วซัดเร็วด้วยซ้ายเน้น ๆ พุ่งแรงกระดอนพื้นหนีมือ ดานีล นาอูมอฟ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เฉียดเสาไกลขวามือ ออกหลังไปนิดเดียว
นาที 11
เจ้าถิ่น บุกขึ้นมาทางซ้าย แล้วเป็น คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ คนเดิมที่ได้บอล แล้วกระชากตัดเข้าในมาถึงบริเวณหัวกระโหลก แต่งหาช่อง ก่อนจะซัดเลียดด้วยขวาหักข้อแหวกแนวรับเข้าไปที่ประตู แต่ ดานีล นาอูมอฟ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ก็ยังยืนตำแหน่งได้ดี ทิ้งตัวปัดไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 12
เจ้าถิ่น ลุยต่อเนื่อง จังหวะนี้ อองตวน กรีซมันน์ ถ่างออกมารับบอลทางกราบซ้าย ก่อนจะเลี้ยงจี้ขึ้นมาถึงกรอบเขตโทษ แล้วปาดเลียดเข้าในไปให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ได้โยกหนีแนวรับทีมเยือนมาเข้าซ้าย แล้วซัดเร็วตามช่องไปที่เสาแรกซ้ายมือ แต่เสียดายบอลเบาและไม่หนีมือเท่าไหร่ ดานีล นาอูมอฟ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ล้มตัวปัดออกมาได้ทัน
นาที 14
เจ้าถิ่น ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วขึ้นมาทางซ้าย คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ลากพาบอลมาเองด้วยความเร็วเข้าไปถึงในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย แล้วปาดเลียดเข้าไปที่เสาแรก แฉลบขาแนวรับทีมเยือนนิดนึง เปลี่ยนทางไปใส่ขาของ คาริม เบนเซม่า แต่บอลจวนตัวทำให้เจ้าตัวดีดบอลไม่ถนัด บอลเบาและตรงตัวของ ดานีล นาอูมอฟ ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับไว้ได้สบาย
นาที 18
เจ้าถิ่น พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ พอล ป็อกบา ได้บอลบริเวณกึ่งกลางสนาม ก่อนจะเงยหน้ามองแล้วบรรจงตักบอลคิลเลอร์พาสข้ามแนวรับเข้าไปที่หน้าเสาซ้ายมือให้ คาริม เบนเซม่า ได้สอดหลุดเดี่ยวขึ้นไปเกี่ยวบอลลงด้วยขวา แล้วหวดเร็วด้วยซ้ายทันที แต่ทำหมูหก บอลเหินข้ามคานออกไปไกล แบบน่าผิดหวังสุด ๆ
นาที 26
เจ้าถิ่น บุกสวนกลับขึ้นมาตรงกลาง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ลากจี้ขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะทำชิ่ง 1-2 กับ คาริม เบนเซม่า หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย แล้วเอี้ยวตัวบรรจงแปด้วยขวาเน้น ๆ เล่นทางไปที่เสาไกล แต่ ดานีล นาอูมอฟ ผู้รักษาประตูทีมเยือน วิ่งออกมาปิดมุมได้ไว เอาตัวขวางบอลไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 29 GOAL!!!
เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ได้ประตูขึ้นนำจนได้ 1-0 !!! เป็นจังหวะ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป โชว์ความพลิ้ว เลี้ยงบอลแหวกแนวรับทีมเยือน ทะลุเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนซัดเร็วด้วยซ้ายไปติดบล็อก ลอยโด่งมาตรงกลางบริเวณหน้าจุดโทษเข้าทาง อองตวน กรีซมันน์ ได้กระโดดกลับหลังยิงโอเวอร์เฮดคิก ไปแฉลบหัว วายโล่ โชเชฟ กองหลังทีมเยือนนิดนึง เปลี่ยนทางหนีมือ ดานีล นาอูมอฟ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบตาข่ายซ้ายมือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 30
เจ้าถิ่น ยังคงบุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ แบ็คขวาจอมบุก เดินสูงขึ้นมารับบอลทางขวาของกรอบเขตโทษ ก่อนจะหยอดโด่งไปที่เสาไกลให้ คาริม เบนเซม่า ได้โฉบมาโหม่งคนเดียวเน้น ๆ แต่บอลผิดเหลี่ยม หลุดกรอบออกไปไกลอย่างน่าเสียดาย
นาที 38
เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ต้องมาเสียผู้เล่นคนสำคัญอย่าง คาริม เบนเซม่า จากอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ จำใจต้องเปลี่ยนตัวเอาเจ้าตัวออกมาพักดูอาการ แล้วส่ง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กองหน้าร่างยักษ์จากเชลซี ลงสนามเล่นมาแทน
นาที 39
เจ้าถิ่น ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว จังหวะนี้ พอล ป็อกบา วางบอลยาวออกไปที่หน้ากรอบเขตโทษด้านขวาให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ สปีดตามขึ้นมาเก็บบอลไว้ได้ ก่อนจะดึงจังหวะรอเพื่อน แล้วไหลบอลไปยังพื้นที่ว่างในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ อองตวน กรีซมันน์ ที่วิ่งสอดตามหลังขึ้นมา ได้ซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ กำลังจะเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่ ดานีล นาอูมอฟ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวาปัดเสยทิ้งข้ามคาน ไปได้ทันหวุดหวิด
นาที 43
เจ้าถิ่น ขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของทีมเยือน คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ยึกยักดึงกองหลังอยู่ที่หน้าหัวกระโหลก ก่อนจะไหลเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ได้ตั้งป้อมบรรจงอัดด้วยซ้ายเต็มข้อ ยัดมุมแคบไปที่เสาแรกเน้น ๆ แต่ ดานีล นาอูมอฟ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ยืนคุมเสาอยู่แล้ว ทุบทิ้งออกมาไว้ได้ทัน
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น ทีมชาติ ฝรั่งเศส ครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เป็นฝ่ายปูพรหมบุกใส่ทีมเยือน บัลแกเรีย อยู่แทบจะฝั่งเดียว สุดท้ายออกนำไปก่อนแล้ว 1-0 !!!
นาที 46
ช่วงต้นเกมของครึ่งแรก เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส เปลี่ยนแทคติกด้วยการส่ง ลูก้าส์ ดีญ แบ็คซ้ายจอมบุกจากเอฟเวอร์ตัน ลงสนามมาเล่นแทน ลูก้าส์ เอร์น็องเดซ ที่วันนี้ เติมเกมรุกไม่ค่อยไหลลื่นเท่าไหร่ ออกไปพักที่ข้างสนาม
นาที 48
เปิดฉากครึ่งหลังมาแปปเดียว เจ้าถิ่น ทีมตราไก่ฝรั่งเศส ก็ได้ลุ้นทันที เป็นจังหวะที่ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ได้บอลในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนดึงจังหวะสับขาหลอก แล้วโยกตัดเข้าในมาปั่นโค้งด้วยขวาเน้น ๆ ไปที่เสาไกลขวามือ บอลพุ่งแรงโค้งสวย แต่ยังมุมไม่พอ ดานีล นาอูมอฟ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวาพุ่งลอยตัว ไปชกทิ้งออกมาได้ทันเฉียดฉิว
นาที 60
เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส คุมสถานการณ์เอาไว้ได้หมด เป็นฝ่ายครองบอล เปิดเกมรุกบุกใส่ทีมเยือนอยู่ฝั่งเดียว ขาดแค่เพียงจังหวะทีเด็ดทีขาดในพื้นที่สุดท้ายเท่านั้น ที่ยังเปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้สักที
นาที 68
เจ้าถิ่น สวนกลับเร็วขึ้นมา อุสมาน เดมเบเล่ ฉกบอลได้แล้ว แทงเร็วขึ้นหน้ามาให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ได้ลากหลุดขึ้นมาทะลุเข้าไปในเขตโทษตรงกลาง แต่จังหวะสุดท้ายพยายามยิงเล่นทางด้วยวาให้หนี ดานีล นาอูมอฟ ผู้รักษาประตูทีมเยือน กลายเป็นบอลพุ่งหลุดเสาแรกซ้ายมือออกไป อย่างน่าเสียดาย
นาที 66
หลังจากบดอย่างหนัก และยิงนกตกปลาอยู่นาน จังหวะนี้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ได้บอลทางกราบซ้าย ก่อนจะกระชากตัดเข้าใน มาตะบันด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงและมุดลงกระดอนพื้น แต่ก็ดันไปตรงตัวของ ดานีล นาอูมอฟ ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับเข้าซองไว้ได้สบาย
นาที 71
เจ้าถิ่น สวนกลับขึ้นมาอีกครั้งตรงกลาง โทมัส เลอมาร์ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา กระชากพาบอลขึ้นมาเองถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะแตะหนีกองหลังทีมเยือนเข้าเหลี่ยมเท้าซ้าย แล้วอัดเต็ม ๆ นอกกรอบเขตโทษ แต่บอลก็ยังเหินข้ามคานออกไปไกล
นาที 75
เกมผ่านมาครึ่งทางของครึ่งหลัง เป็นเจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ที่ยังครองบอล คุมเกมคุมจังหวะคุมสถานการณ์ไว้ได้ทุกอย่างเหมือนเดิม ขาดเพียงแค่ความเด็ดขาดในพื้นที่สุดท้ายเท่านั้น ที่ยังทำไม่ได้เอง
นาที 79
ทีมเยือน บัลแกเรีย เกือบได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ ดีมีตาร์ อิลิเยฟ เก็บบอลทางฝั่งขวา ก่อนจะเลี้ยงหาช่อง แล้วหักเข้าในไปที่หน้าประตูให้ บีร์เซนต์ คารากาเรน ได้ล้มตัวซัดด้วยขวาที่หน้าเสาแรกขวามือ ลอดหว่างขา ราฟาแอล วาราน ผ่านหน้าปากประตู เฉียดเสาไกลซ้ายมือ ออกหลังไปอย่างน่าเสียดายสุด ๆ
นาที 82 GOAL!!!
หลังจากบดอยู่นาน เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ก็มาได้ประตูหนีห่างจนได้เป็น 2-0 !!! เป็นจังหวะ แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ เติมเกมสูงหลุดขึ้นมาทางกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนจะครอสเลียดโค้งมาที่เสาแรกให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ได้วิ่งโฉบตัดหน้าแนวรับทีมเยือน เข้าดีดด้วยซ้ายจังหวะเดียว ลอดหว่างขา ดานีล นาอูมอฟ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 89 GOAL!!!
ก่อนจะหมดเวลา เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส มาได้ประตูปิดกล่องเป็น 3-0 !!! เป็นจังหวะประสานงานทำชิ่งกันขึ้นมาตรงกลางสนามได้สวย แล้วเป็น โทมัส เลอมาร์ แทงบอลทะลุช่องให้ วิสซาม เบน เยดแดร์ ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย แล้วปาดเลียดไปที่เสาไกลขวามือตั้งให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ วิ่งมาชาร์จง่าย ๆ เข้าประตูไป ไม่เหลือซาก
หมดเวลาการแข่งขัน เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส มาได้ 2 ประตูในช่วงท้ายเกม เปิดบ้านถล่มเอาชนะทีมชาติ บัลแกเรีย ไปได้อย่างสนุก 3-0 !!! ชนะ 3 นัดรวดในแมทช์อุ่นแข้ง ก่อนจะต้องดวลกับทีมชาติ เยอรมัน ในศึกฟุตบอลยูโร 2020 ในวันพุธที่ 16 มิถุนายน ที่จะถึงนี้